มีอะไรใหม่บ้างในซับวูฟเฟอร์ JL Fathom V.2 ตัวใหม่
วันนี้เราจะพาไปดูกันครับ ว่า ซับวูฟเฟอร์ JL Fathom Series ที่ออกขายในตลาดมาตั้งแต่ปี 2004 นับถึงปัจจุบันก็ทำตลาดมาร่วม 10 ปีแล้ว วันนี้ถึงเวลาแล้วครับที่จะเผยโฉมซีรี่ย์ใหม่อย่างเป็นทางการที่จะมาแทนที่ Fathom Series
โดยรุ่นใหม่นี้ยังคงใช้ชื่อตามแบบดั้งเดิม นั่นคือ Fathom V.2 Series (คล้ายๆ reference มาเป็น Reference II)
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทความแปลจากต้นฉบับ: http://www.acousticfrontiers.com/jl-audio-fathom-v2-digital-automatic-room-optimization-daro-review/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ซับวูฟเฟอร์รุ่นใหม่ในซีรี่ย์ Fathom ประกอบไปด้วย 4 รุ่น
- F110 v2 ดอก 10″ หนึ่งดอก แอมป์ 1100 W RMS short-term ตอบสนองความถี่ 27 - 111 Hz (±1.5dB)
- F112 v2 ดอก 12″ หนึ่งดอก แอมป์ 1800 W RMS short-term ตอบสนองความถี่ 21 - 119 Hz (±1.5dB)
- F113 v2 ดอก 13.5″ หนึ่งดอก แอมป์ 3000 W RMS short-term ตอบสนองความถี่ 20 - 86 Hz (±1.5dB)
- F212 v2 ดอก 12″ สองดอก แอมป์ 3600 W RMS short-term ตอบสนองความถี่ 20 - 97 Hz (±1.5dB)
วันนี้จะพาไปดูกันครับว่า JL Fathom V.2 ซีรี่ย์ใหม่นี้มีอะไรที่น่าสนใจแตกต่างจากเวอร์ชั่นเดิมกันบ้าง โดยตัวตู้และดอกลำโพงที่ใช้จะยังคงใช้ดอกและตู้เดิมเหมือนกับรุ่นเก่าทุกอย่าง โดยสิ่งที่เปลี่ยนไปมีหลักๆ สองส่วนนั่นคือ
1. D.A.R.O. (Digital Automatic Room Optimization)
JL พัฒนา DSP เฉพาะของตัวเองที่ใช้กับซับรุ่น Fathom โดยเฉพาะภายใต้ชื่อทางการค้าว่า D.A.R.O. ซึ่งตัวนี้จะถูกฝังอยู่ในตู้ของซับวุฟเฟอร์ทุกรุ่นในซีรี่ย์ Fathom
ซึ่งการทำงานก็ง่ายๆไม่มีอะไรซับซ้อนครับ ทาง JL ออกแบบให้ง่ายไว้ก่อนเพราะคนใช้งานทั่วๆไปคงไม่มีความรู้ในการปรับ DSP ได้เอง หรือหาตำแหน่งซับที่ถูกต้องกันได้ทุกคน
โดยวิธีการทำงานคือ เอาไมค์เสียบที่ตัวตู้ ลากไมค์ไปวางณ ตำแหน่งที่เรานั่งฟัง กดปุ่ม calibrate ที่ด้านหน้าของตัวซับ... โปรแกรมจะปล่อยเสียงที่ใช้สำหรับการ Calibrate ไมค์และและโปรแกรมจะทำการรับคลื่นเสียงและ
ปรับประมาณหนึ่งนาที โดย DSP แก้ไขความถี่ต่ำที่เป็นหลุม หรือโด่งให้เรียบ
เกลี่ยให้มีความสมูธและคลอบคลุมทุกย่านเสียงให้เหมาะกับห้อง และจุดที่วางได้เอง ซึ่งจะง่ายตรงเราอาจไม่ต้องพิถีพิถันเรื่องจุดวางมาก
เพราะ DSP ภายในตู้จะช่วยปรับให้ส่วนหนึ่ง โดยสามารถปรับได้ 18 band, 1/6 octave แต่อย่างไรก็ตาม การจัดวางซับในตำแหน่งที่ถูกต้อง หรือห้องที่ดี ย่อมช่วยให้เสียงดีได้มากกว่าหวังพึ่ง DSP มาเกลี่ยให้ครับ
ซึ่งจากกราฟจะเห็นว่า ลองย้ายซํบไปตำแหน่งต่างๆ 4 ตำแหน่ง กราฟสองกราฟเทียบกันระหว่างใช้กับไม่ใช้ DARO จะเห็นว่า DARO ช่วยเกลี่ยกราฟให้สมูธขึ้น ราบเรียบขึ้น
แต่ก็แก้ได้แบบพอประมาณนะครับ แบบเคส 4 เนี่ยเป็นหลุมหุบเหวขนาดนั้นแสดงว่ามีปัญหาความถี่ต่ำมากๆ แบบนี้ DARO ก็แก้ให้ไม่ไหวเหมือนกันครับ แค่ช่วยให้ดีขึ้น... แต่ไม่ได้แก้ปัญหาความถี่ต่ำนั้นๆในห้องให้หายไป 100%
โดยขั้นตอนนี้ทำครั้งเดียว หรือทำซ้ำเมื่อมีการปรับเปลี่ยนอคูสติกในห้องหรือย้ายตำแหน่งซับหรือตำแหน่งนั่งฟังครับ
ขั้นตอนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องหาซื้อโปรแกรมหรือ DSP แยก หรือคอมพิวเตอร์มาปรับจูน เพราะราคาค่าตัวเจ้าซับ Fathom ตัวใหม่นี้รวมทุกอย่างให้แล้ว ทั้งไมค์ ทั้งโปรแกรม ทั้ง DSP เรียกว่าทุกอย่างพร้อมเสร็จสรรพในกล่องเรียบร้อย
แค่จ่ายเงิน รอของมาส่ง แล้วก็คลิ๊กๆๆ เป็นอันจบครับ
กราฟ P1 (เส้นฟ้าคือหลังใช้ DARO)
กราฟ P2 (เส้นน้ำตาลคือหลังใช้ DARO)
กราฟ P3 (เส้นม่วงคือหลังใช้ DARO)
กราฟ P4 (เส้นเขียวคือหลังใช้ DARO จะเห็นว่าปัญหาใหญ่ๆ DARO ก็ยังแก้ได้ไม่ดีนัก)
กราฟ P5 (เส้นแดงคือหลังใช้ DARO)
2. เพิ่มแอมป์
รุ่นใหม่ Version 2 นี้ทาง JL เพิ่มกำลังขับภายในตัวตู้ให้เยอะขึ้น ประมาณ 20% เพื่อให้สามารถตอบสนองดอกลำโพง และเสียงความถี่ต่ำให้ดีขึ้น เช่น F110 ตัวเก่าจะใช้แอมป์ 900W แต่ตัวใหม่ F110 V.2 จะใช้แอมป์กำลังขับ 1100W แทน
ซึ่งเป็นเรื่องดีครับ เพราะแอมป์กำลังขับสูงขึ้นก็สามารถตอบสนองความถี่ฉับพลันเช่นฉากที่เบสกระพือหรือกระแทกแรงๆได้ดีขึ้น
และนอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์อีกอย่างที่น่าสนใจ นั่นคือ JL สามารถเซ็ทอัพและต่อพ่วงซับหลายๆตัว ในลักษณะของ Multiple mono subwoofers ได้
ซึ่งเจ้า Multiple mono subwoofers นี้มันต่างยังไงกับ Multiple subwoofer ที่เราใช้กันตามปกติ พูดให้ง่ายๆคือ ซับสองตัว สามตัว หรือสี่ตัวที่เราใส่เข้าไปในระบบนั้นหากทำงานแยกกัน (individual)
โอกาสที่จะเกิดการหักล้างกัน เกิด room mode หรือได้เสียงความถี่ต่ำที่ไม่สมูธ ไม่ราบเรียบได้ค่อนข้างมาก
แต่ตรงข้าม Multiple mono subwoofers คือการเซ็ทให้ซับ JL Fathom ตัวใดตัวหนึ่งให้เป็น Master และสามารถเซ็นอัพซับตัวอื่นๆในระบบให้เป็น Slave โดยสามารถต่อพ่วงกันในลักษณะนี้ได้สูงสุด 10 ตัว
โดยต่อกันเป็นโซ่ (Daisy chain) ด้วยสาย XLR ซึ่งการเซ็ทอัพลักษณะนี้จะช่วยให้การเซ็นอัพและเสียงความถี่ต่ำที่ได้ มีความแม่นยำ ถูกต้องและกลมกลืนกันได้มากกว่าต่างคนต่างวางต่างคนต่างเซ็ทครับ
หน้าที่เข้าชม | 2,192,372 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,301,209 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |