รีวิวการใช้งาน Home Theater KEF E305 (KEF ไข่) ตัวเล็กแต่คุณภาพระดับไฮเอ็นท์
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าหลังจากที่ได้ลำโพงชุดนี้มา มันก็เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของผมไปไม่มากก็น้อยครับ เรื่องคือหลังจากได้ฤกษ์แกะมันออกมาจากกล่อง จับมันพลิกไปพลิกมาถ่ายรูปมุมนู้นมุมนี้ พินิจพิเคราะห์ดูงานประกอบ และต่อทดลองฟังไปสักพัก จนได้บทสรุป จนเขียนรีวิวนี้เสร็จแล้ว ผมก็ต่อมันคาไว้ในห้อง นั่งดูทีวี ดูหนังไปหลายเรื่อง ได้เปิดเพลงฟังไปพร้อมๆกับการเขียนงานไปด้วย เขียนรีวิวบ้างอะไรบ้างไปเรื่อยเปื่อย จนสุดท้ายผมรู้สึกว่าชีวิตผมมันเปลี่ยนไปจริงๆ กับแค่การถอดสายลำโพงตัวเก่า แล้วเปลี่ยนตัวใหม่เข้ามา จนทำให้ผมตัดสินใจกลับมาเขียนย่อหน้านี้ใหม่อีกครั้ง โดยสรุปว่า
ผมรู้สึกว่าชีวิตก่อนนั้นผมจะใช้ชีวิตกับการดูหนังเป็นหลัก เน้นฟังเพลงบ้างแต่ไม่มากนัก จนหลังจากผมได้เจ้าชุดนี้มามันทำให้โลกทั้งใบของผมรู้สึกว่ามีสุนทรียะในการฟังเพลงมากขึ้นเยอะมาก แม้ว่าเพลงนั้นจะไม่ใช่ไฟล์แบบ Hi-res ก็ตาม
แต่กลับรู้สึกว่านักร้องเนี่ยตั้งใจร้องให้ฟังมากขึ้น เสียงชัดขึ้น ใส มีความเป็นดนตรี เป็นประกายทอดยาว มีรายละเอียดอะไรที่ผมไม่เคยสังเกตเลยปรากฏขึ้นมา จนหลังๆนี้ผมรู้สึกว่าทุกครั้งที่ผมจะนั่งทำงาน นั่งหาข้อมูลใน Internet หรือแม้แต่นั่งดูเว็บ อ่านข่าว เอนหลังพักในห้อง ผมก็มักจะเผลอไปกดเปิดเพลงให้มันเล่นผ่านลำโพงชุดนี้เสมอ ซึ่งแต่ก่อนผมจะเน้นดูหนังมากกว่าจริงๆ
และไม่ใช่แค่การฟังเพลง การดูหนังของผมก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วย แต่ก่อนการดูหนังผมอาจจะเน้นมันไว้ก่อน เน้นแอคชั่น หนักแน่น โครมคราม เวลาดูหนังเรามักจะถามหาหรือใส่ใจเรื่องน้ำหนักเสียงความถี่ต่ำ แรงกระแทก เบส ความสด อิมแพคต่างๆเป็นหลัก แต่เวลานี้ผมกลับตั้งใจดู และตั้งใจรับฟังรายละเอียดที่มันออกมาจากหนังที่บันทึกมา ตั้งใจฟังว่าเสียงที่เกิดขึ้นมันออกมาจากหนังที่บันทึกจริงๆ ในตำแหน่งที่เรารู้สึกว่ากำแพงมันไม่ใช่ข้อจำกัดและไม่รู้สึกว่าเสียงออกมาจากลำโพงจริงๆ รู้สึกถึงความโอบล้อมมากขึ้น มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆมากกว่าเดิม ในขณะที่ลดความโครมคราม หนักแน่นลง
ซึ่งที่กล่าวมามันทำให้ชีวิตง่ายขึ้น สบายมากขึ้น ได้มีเวลาใส่ใจรายละเอียด ละเลียดกับบทหนัง โฟกัสในคำพูดของตัวละคร ความสมจริง รายละเอียด ปล่อยให้ชีวิตเดินช้าลง มีความสุขกับชีวิตมากขึ้น ได้มีโอกาศนั่งเอนหลังสบายๆ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ นั่งดูหนัง ฟังเพลงแล้วรู้สึกถึงความเป็นดนตรีมากขึ้น มีพื้นที่และสเปซในการใช้ชีวิตในห้องเพิ่มขึ้น ไม่อึดอัด
และทั้งหมดทั้งมวลนี้คือสิ่งที่จะรีวิวต่อไปนี้กับ ชุดโฮมเธียร์เตอร์ตัวเล็กนิดเดียวอย่าง KEF E305 กับชุดที่ทำให้ผมมีมุมมองในการฟังเพลง ดูหนังที่มีต่อลำโพงสัญชาติอังกฤษแบรนด์นี้เปลี่ยนไปตลอดกาล
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Kef E305
ในยุทธจักรวงการเครื่องเสียงบนเกาะอังกฤษ หรือแม้แต่ระดับโลกนั้น คงจะขาดผู้เล่นสำคัญที่ผลิตลำโพงชั้นดี งานประกอบเยี่ยมเกือบจะครบทุกไลน์ตั้งแต่รุ่นเล็กไปรุ่นใหญ่ราคาเป็นล้านบาท และรวมถึงลำโพงฝังฝ้า ฝังผนัง In-ceiling, In-wall อย่าง KEF ไปไม่ได้
และตอนนี้ KEF ก็มีลำโพงแบบที่เป็นชุด Home Theater ที่มาพร้อมกันทั้งลำโพงหน้า เซ็นเตอร์ เซอราวด์ และซับวูฟเฟอร์แบบครบๆในเซ็ทเดียว แมทชิ่งมาให้แล้ว เลือกมาให้ การใช้งานเข้ากัน โดยไม่ต้องเลือกซื้อเองอีกต่อไป ชุดนี้เรียกสั้นๆว่า KEF E305 เป็นลำโพงแบบ Passive 5 ตัว ขนาดกระทัดรัดหรือกึ่งๆจะเป็นลำโพงแซทเทิลไลท์นั่นแหละ
และ มี Active Subwoofer อีกหนึ่งตัวเป็นอันครบ 5.1 และพร้อมที่จะมาต่อกับระบบอะไรก็ได้ AVR, Power กำลังขับไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะชุดนี้กินวัตต์น้อย และความไวค่อนข้างดี
KEF E305 เป็นตัวใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีจากรุ่นพี่อย่าง Kef Blade และ Q-series ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี Uni-Q และเทคโนโลยีการออกแบบตัวตู้ให้ป้องกันการสั่นไหวที่สืบทอดมาจากรุ่นใหญ่ไฮ เอ็นท์อย่าง Kef Blade และถ่ายทอดลงมาในลำโพงชุดนี้ KEF E305
เรียกว่าในกล่องให้ของมาครบ แค่หาแอมป์เอามาต่อก็พร้อมใช้งานได้เลย
และที่พิเศษไปกว่าลำโพงแบบโฮมเธียเตอร์รุ่นอื่นๆก็คือ ธีมในการออกแบบของ KEF E305 นั้นมาในรูปแบบโมเดิรน์ และเลือกใช้รูปทรงเราขาคณิตทีเรียบง่ายและดูสวยงาม อย่าง รูปทรงไข่ หรือบางคนอาจจะมองว่าเหมือนไข่ไดโนเสาร์ และผิวลำโพงทำเป็นสีขาวล้วนดูสะอาดและเรียบหรู และมีสีดำอีกสีที่ดูสวยงามไม่แพ้กันครับ การออกแบบดูแล้วนึกถึงสไตล์อวกาศขึ้นมาตะหงิดๆทั้งรูปร่าง สี ผิว และตะแกรงหน้าที่ออกแบบมาดูล้ำ มีเส้นสายที่โค้งปราศจากเหลี่ยมมุม
ดีไซน์แบบนี้ผมว่าเหมาะกับบ้านหรือห้องขนาดเล็กถึงขนาดกลางๆได้หลายรูปแบบดี
KEF E305 เริ่มต้นผลิตครั้งแรกมาตั้งแต่ 2006 และได้รับการปรับปรุงในหลายๆด้านทั้งวัสดุ อุปกรณ์ให้ดีขึ้นมาเรื่อยๆ จนมาถึงตัวปัจจุบันนี้ที่ถือได้ว่าลงตัวที่สุด แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนั่นคือการออกแบบที่ยังคงยึดมั่นความเรียบ หรูในคอนเซป "ไข่" มาโดยตลอด
โดย E305 ตัวใหม่ล่าสุดนี้ใช้เทคโนโลยีจากรุ่นพี่มาเกือบทั้งหมดทั้ง Uni-Q Driver ที่โคลนมาจาก KEF Q300
นอกนั้นยังออกแบบ Crossover แและตัวตู้ลำโพงใหม่ให้ป้องกันความสั่นไหวของตัวตู้ เพื่อให้เสียงที่ได้นิ่งถ่ายทอดรายละเอียดเสียงได้ดีที่สุด โดยได้รับแรงบันดาลใจและต้นแบบมาจาก Kef Blade ลำโพงสุดยอดไฮเอ็นท์ของ KEF นั่นเอง
สิ่งที่น่าประทับใจในงานออกแบบของ KEF E305 อีกจุดนึงก็คือ ฐานล่างลำโพงนั้นจะเป็นแบบเปิด คือถ้าเราพลิกหงายขึ้นมาดูจะเห็นตัวขั้วต่อสาย และสวิทซ์เปิดปิด ทำให้ง่ายในการใช้งาน ต่อสาย หรือแม้แต่แขวนผนังมากเพราะเราสามารถสอดสายขึ้นมาจากด้านล่างได้เลยทำให้ดูสวยงามกว่าเอาขั้วต่อไว้ที่ด้านหลังลำโพงซึ่งจะทำให้มองเห็นสายโผล่ออกมาครับ
ส่วน Subwoofer นั้นออกแบบมาในรูปของโดม ใช้ดอกวูฟเฟอร์ความถี่ต่ำขนาด 8 นิ้ว ยิงลงล่าง ที่เครมไว้ว่าให้เสียงความถี่ต่ำได้หนักแน่นและล่องหน ไร้ตำแหน่งได้ในทุกๆจุดทั่วห้องได้อย่างแม่นยำครับ งานออกแบบก็ออกมาในสไตล์เรียบหรู ตัวที่เรานำมาทดสอบนี้เป็นชุดสีขาว ประกอบไปด้วยลำโพง 5 ตัวและซับวูฟเฟอร์ทรงโดมรูปไข่อีกหนึ่งตัว เจ้าตัวซับวูฟเฟอร์นี้สวยงามมากครับ ดูจากรูปถ่ายอาจจะดูธรรมดาๆ แต่ของจริงนี่มันเด่น สวย ถ้าแอบคุณภรรยาซื้อแล้วเอามาตั้งในบ้าน นี่ผมว่ามีลุ้นว่าคุณภรรยาอาจจะชอบก็ได้ เพราะมันเหมือนไข่ของสิ่งมีชีวิตอะไรสักอย่าง สวยแปลกตาไปอีกแบบครับ
Unbox KEF E305
เราแกะกล่องออกมาจะเจอเต้าลำโพงทั้งห้าตัวนอนนิ่งสงบถูกแพ๊กไว้อย่างดี พอยกออกมาด้านล่างจะเจอซับวูฟเฟอร์อีกหนึ่งตัว ซึ่งเราก็แกะออกมากองไว้ก่อนที่จะประกอบและเซ็ทอัพ เราก็พิจารณาซับวูฟเฟอร์ E305 พบว่าเป็นดอกยิงล่างขนาด 8 นิ้ว
ด้าน ล่างนั้นมีช่องต่อสายซับให้สายต่อซับเป็น 1:1 นะครับ เผื่อใครที่มีสาย 1:2 นั้นก็ใช้ได้ครับแค่เสียบเส้นเดียวพอ แต่ถ้าใครมีสาย 1:1 อยู่แล้วก็เสียบใช้งานได้เลย
ตัวซับมี Option ให้เลือกสามแบบนั้นคือ
- Cut: ลดน้ำหนักและความดังในย่าน Mid bass ลง -4 dB
- Flat: ให้น้ำหนักเสียงและความดังในย่าน Mid bass ตามต้นทางที่ส่งมา
- Boost: เพิ่มน้ำหนักและความดังในย่าน Mid bass ขึ้น +4 dB
** ซึ่งตรงนี้จะเลือกใช้อันไหนก็ต้องตามรสนิยมและสภาพห้องของผู้ใช้แต่ละคน ถ้าห้องมีปัญหาเสียงเบส เช่นเบสบูม เอาไม่อยู่ ฝ้าสั่น ก็ใช้ cut หรือ flat ไปส่วนใครที่ห้องคุมเบสได้ มีวัสดุซับเสียง และห้องไม่มีปัญหากับเสียงความถี่ต่ำ จะใช้ Boost ก็ได้เช่นกัน
และก็มีตัวปรับเฟส 0-180 และมีปุ่มเปิดปิดสวิทซ์ และมีช่องเสียบสายไฟ AC Power แบบถอดเปลี่ยนได้ด้วย สามารถอัพสายไฟได้
ส่วนตัวลำโพงทั้งห้าตัวนั้น ลำโพงคู่หน้าและเซอราวด์จะมีหน้าตาและขนาดที่เหมือนกัน สามารถใช้งานร่วมกันได้ ส่วนเซ็นเตอร์ก็จะแยกมาต่างหาก ตัวลำโพงจะมีขาตั้งมาให้เลย โดยขาตั้งนั้นจะเป็นแบบโยกและปรับองศาก้มเงยและโยกซ้ายขวาได้ด้วย
เพื่อ ใครอยากตั้งปรับแต่งมุมในการวางได้สะดวก ซึ่งจะบอกว่าลำโพงของ E305 ต้องใช้คำว่าลำโพงขนาดคอมแพค จะใช้คำว่าแซทเทิลไลท์ก็ไม่ถูกเพราะมีขนาดใหญ่กว่านั้น แต่ก็ไม่ใหญ่มากจนเรียกว่าเป็นบุ๊กเชลฟ์ได้ เรียกว่าขนาดกำลังดี วางแล้วสวยไม่กินเนื้อที่ครับ
โดยงานนี้เราเริ่มจากการแกะลำโพงชุดเดิมออกทั้งชุด ซึ่งต้องบอกว่า ณ เวลานี้ผมยังติดกับเสียงจากเจ้าลำโพงชุดเดิม ยังมีความคุ้นชินกับเสียงหนักๆ เบสแรงๆ เสียงสดๆแบบนี้อยู่ในหัว ซึ่งปกติเวลาเราเปลี่ยนลำโพงผมมักจะเปิดและปล่อยลำโพงให้ทำงาน และยืดเส้นยืดสาย ได้เบิร์นอิน รวมไปถึงปรับหูผมให้คุ้น และเรียนรู้ว่าจุดดี จุดด้อยของซิสเต็มตัวใหม่ไปในตัวด้วย
ซิสเต็มที่ผมเอามาใช้ร่วมกับ KEF E305
=======================
- KEF E305
- Amp Emotiva XPA3
- Pre Harman 370
- Player: PC
=======================
Firest Impression - Music
คุณเคยเจอใครครั้งแรก หรือคุยกับใครแล้วได้ฟังเสียงเค้าพูดแค่เพียงคำเดียวสั้นๆแล้วชอบเลยมั๊ยครับ
เวลาผมเริ่มฟังหรือเทสลำโพง ผมมักจะเริ่มจากเปิดเพลงก่อนเสมอ ในตอนแรกที่ผมเปิดสวิทซ์อุปกรณ์ทั้งหมด และเปิดเพลงให้ตัวโน๊ตและเสียงดนตรีไหลผ่านมากระทบหูนั้น สิ่งแรกที่ผมคิดไว้ก็คือ เปิดปล่อยไปเรื่อยๆ ให้มันเบิร์นไปก่อน เสียงแรกๆคงแข๊งๆยังไม่ได้อะไรมากนัก
แต่สิ่งที่ได้กลับมาในโน๊ตแรก เพลงท่อนแรกก็รู้สึกได้โดยไม่ต้องตั้งใจหรือเพ่งสมาธิฟังอะไรเลย คือรายละเอียด และโทนเสียง ไม่ว่าจะเป็นเบสไลน์ จังหวะจะโคน และความเที่ยงตรงของตัวโน๊ต รายละเอียด ถ่ายทอดเสียงเพลงออกมาได้แบบมีความเป็นดนตรีสูง
รายละเอียดในที่นี้คือให้เสียงได้มีรายละเอียด เสียงระยิบระยับ เสียงนู้นนี้เล็กๆน้อยๆออกมาแบบดีเลย ส่วนโทนเสียงนั้นมันคือโทนเสียงที่เป็นเสน่ห์และสัญลักษณ์ของ KEF แท้ๆ เสียงมีโทนที่ชัด มีโทนัลบาล้าน มาครบทุกย่าน และมีความละม้ายคล้ายกับเสียงจากลำโพง KEF LS50 และ KEF R300 ผสมกัน
ถ้าถามว่าประทับใจอะไรในเสียงมันมากที่สุด ก็ตอบเลยว่าประทับใจในรายละเอียดเสียงที่ได้ครับ มันกระชับ เสียงกลางดีมาก รายละเอียดเยอะมาก นานๆทีผมจะได้เปลี่ยนแนวมาฟังซิสเต็มที่เน้นรายละเอียดแบบนี้ ฟังแล้วก็รักเลย เสียงเปียโน เสียงแซกโซโฟน เสียงกีตาร์เบส ที่เคยได้ยินมันดูมีเสน่ห์ มีจริต มีความเป็นดนตรีจริงๆมากขึ้นกว่าเดิมที่เคยฟังเยอะ
แต่ ทว่าซิสเต็มนี้ไม่ใช่ซิสเต็มที่โชวพลัง และโชว์ไดนามิก อะไรแบบตูมตามแบบเบสมาเต็มอะไรแบบนั้น คือมาแบบพอดีๆ ไม่เยอะไม่น้อย เสียงเบสกระชับแม้จะใช้ดอกยิงล่าง
ซึ่งจะว่าไปชุด KEF E305 เหมาะกับการฟังเพลงมากๆ ส่วนในเรื่องการรับชมภาพยนตร์นั้นต้องบอกว่าเสียงที่ได้ก็เที่ยงตรง ให้รายละเอียดและให้บรรยากาศที่ถ่ายทอดมาในแผ่นมาอย่างครบถ้วนไม่แพ้กัน ส่วนเรื่องความมัน เสียงเบสนั้นแน่นอนก็ต้องยอมรับว่ามันคงไม่ตูมตามเหมือนซิสเต็มใหญ่ๆอย่างชุดตั้งพื้น ลำโพงซับตัวเบ้อเริ่มเต็มห้อง แต่ถามว่ามันเพียงพอมั๊ย แน่นอนว่ามันเกินพอสำหรับการรับชมภาพยนตร์ในห้องที่เน้นบรรยากาศและรายละเอียดมากกว่าเน้นแต่ปริมาณเบสครับ
กลับมาเรื่องการฟังเพลงกันต่อ ปกติแล้วชุด Home Theater แบบนี้มักจะถูกจูนเสียงให้ออกมาดูหนังดีเป็นหลัก อารมณ์ จังหวะจะโคนมันจะเน้นหนักไปทางสด พุ่ง แหลมจัด เพื่อให้เสียงจากลำโพงขนาดเล็กนั้นสร้างอารมณ์ประทับใจให้ผู้รับฟังให้มากที่สุด
แต่ทว่ามันไม่ใช่สำหรับ KEF ตัวนี้ครับ คุณเคยซื้อมาม่าแล้วบังเอิญจับทองได้ หรือดื่มเครื่องดื่มชาเขียวแล้วได้ Iphone มั๊ยครับ อารมณ์ของ KEF E305 ก็คล้ายๆกันตรง เราซื้อชุด Home Theater แต่ดันได้ชุดที่ฟังเพลงดีมาก
ผม ต้องบอกว่าตอนที่เปิดเพลงจากชุดนี้ ตอนแรกผมไม่ได้คาดหวังอะไรจากมันเลย เพราะก่อนนั้นผมมักจะมีตัวเปรียบเทียบเป็นลำโพง Klispch RP-280F ตั้งพื้นตัวใหญ่อยู่แล้วพอมาเห็นขนาดลำโพงเล็กๆแบบนี้ ผมก็นึกในใจว่ามันคงไม่ได้อะไรมากมายนัก
แต่เชื่อมั๊ยครับว่า ตัวโน๊ตดนตรีเพลงแรกที่ขึ้นมา เบสไลน์ เสียงร้องเสียงดนตรี รายละเอียด จังหวะจะโคน มันมีความเป็นธรรมชาติสูง มีความเป็นดนตรีสูงมากชนิดที่ลำโพงฟังเพลงในราคาพอๆกับมันบางตัวอาจให้เสียง ที่มีความเป็นดนตรีแบบนี้ไม่ได้
ตัว นี้แนวเสียงมาครบทุกย่าน ตั้งแต่เบสที่ไม่มากไป รายละเอียดมาดีเหมือนที่กล่าวไปข้างต้น ด้วยความที่เบสมาพอดีๆ ทำให้รายละเอียดไม่ถูกกลบไป เสียงร้องก็อิ่มกำลังดี ไม่อวบอ้วนหนา ตัวโน๊ตก็กระชับฉับไว และมีรายละเอียดสูง
Movie
มาเข้าเรื่องการดูหนังกันบ้าง คิดว่าใครหลายๆคนคงซื้อซิสเต็มแบบนี้มาก็หวังว่าจะได้ทั้งฟังเพลงและดูหนัง ดีด้วย ซึ่งตรงนี้เราลองเทสด้วยหนังหลายๆเรื่อง จุดเด่นที่ประทับใจและดีมากๆ จนอาจจะกินชุดลำโพงแยกชิ้นที่แพงกว่าไปเท่าตัวได้ก็คือ
บรรยากาศ ของการรับชมภาพยนตร์ครับ บรรยากาศที่ว่าคือความต่อเนื่อง ความโอบล้อม รายละเอียด การกระจายเสียงรอบตัวที่ทำได้อย่างมีมิติ และมีรายละเอียด
โดยไม่มีย่านความถี่ใดที่โด่งออกมามากเกินไป และไม่มีรอยต่อของเสียงให้เราจับได้ว่าเสียงมันออกมาจากลำโพงแต่ละตัวตอนไหนบ้าง กลับกัน เสียงราวกับว่ารวมเป็นหนึ่งเดียวและให้รายละเอียดในทุกๆจุดทั่วห้องได้ค่อน ข้างดีเลยทีเดียว โดยเราเปิดหนังหลายเรื่อง ทั้ง Terminater, Edge of tomorrow, Spiderman ฉากที่วิ่งลงไปในน้ำนั้นเราจะรับรู้ได้ว่าที่มุมห้องทั้งสี่มุมนั้นมีน้ำกระจายสาดไปทั่วทั้งห้องได้แบบราวกับว่าผนังนั้นหายไปเลยทีเดียว
ส่วน Edge of tomorrow นั้นฉากแรกที่ไปทอมครูส ไปรบก็ได้รายละเอียดเสียงต่างๆที่มาจากทิศต่างๆได้ดีไม่แพ้ชุดแยกชิ้น น้ำหนักเสียงเบส ปืน แรงกระแทก มาแบบกำลังดี และไม่หนักจนเกินไป และไม่บางจนไม่พอ เรียกว่าเหมาะกับการดูภาพยนตร์ในบ้านแบบไม่ขาดไม่เกินครับ
รายละเอียดของ E305 ดีครับ ต้องยอมรับ เรียกได้ว่าห้องทั้งห้องสามารถรับรู้จุดเกิดของเสียงที่ถูกบันทึกมาในหนังได้เลย โดยเราจะไม่รู้เลยว่าเสียงดังออกมาจากลำโพงตัวไหน ดังนั้นในการรับชมภาพยนตร์นั้นต้องเรียกว่า ได้บรรยากาศ
ดูหนังแล้วสนุกมีรายละเอียดหยุมหยิมๆดังขึ้นมาให้รู้สึกตื่นเต้นและระทึก เหมือนไปอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ ยิ่งถ้าเราจับกับ avr ที่ให้เสียงละเอียดๆเช่น yamaha ก็ยิ่งได้บรรยากาศการโอบล้อมที่ดีและมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นไปอีก
และกลับกันถ้าไปจับกับ avr ที่เสียงสดๆ เบสหนาๆเยอะๆเช่น HarmanKardon ก็ยิ่งลดจุดด้อยของซิสเต็มให้มันดียิ่งขึ้น นั่นคือเสียงเบสที่ได้จะหนาขึ้น แลกกับบรรยากาศลดลงเล็กน้อย แต่ดูหนังมันขึ้นกว่าเดิม
หรือจะจับกับ Pioneer, Onkyo RZ800,900 ก็เพิ่มสีสันในการรับชมภาพยนตร์ให้สนุกเร้าใจขึ้นไปได้อีกครับ
ตัวนี้จุดเด่นที่ผมชอบคือความเป็นกลาง เสียงพูดจากลำโพงเซ็นเตอร์และเสียงเอฟเฟคของ E305 มันอยู่กลางๆของคำว่า ชัดใส กับคำว่า อิ่มหนา คือไม่ชัด จัด สด และก็ไม่หนา อ้วน อวบจนเสียงพูดใหญ่โตและดูอุ้ยอ้าย
และ โทนเสียงในย่านต่างๆนั้นมาเท่าๆกันไม่มีย่านใดเด่นล้ำนำหน้าออกมาให้รู้สึก รำคาญใจเมื่อฟังไปนานๆ ซิสเต็มที่เสียงแบบนี้นะครับฟังครั้งแรกอาจจะรู้สึกว่ามันไม่ "ว้าว" หรือประทับใจในตอนแรก
แต่เชื่อมั๊ยครับเสียงแบบนี้นี่แหละที่ทำยากที่สุดเพราะ มันเป็นเสียงที่ฟังได้นาน เพราะ สบายหู และที่สำคัญคือโทนเสียงที่สมดุลเช่นนี้ มันจะทำให้เราเร่งเสียงดังๆได้โดยไม่ปวดหู และ ไม่รู้สึกเครียด และเมื่อเราดูหนังและเร่งเสียงขึ้นไปดังแล้วจะได้อารมณ์ รายละเอียด เบสที่ดีมาก ชนิดที่เรียกว่าได้อารมณ์กว่าซิสเต็มที่บูสเสียงด้านใดด้านหนึ่งให้เด่นมาตั้งแต่ต้น พอเราเร่งเสียงขึ้นไปย่านเสียงที่ถูกบูสท์ก็จะเด่นและดังจนกลบเสียงย่านอื่นๆ หรือไม่ก็จะรู้สึกปวดหู ล้า หรือรู้สึกว่ามันไม่สมดุล ไม่ธรรมชาตินั่นเอง
ซิสเต็มของ KEF E305 นี้ผมนั่งดูหนังร่วม 3-4 ชั่วโมง และฟังเพลงเกือบทั้งวัน และในขณะที่ผมนั่งเขียนบทความนี้บทเพลงของ Daft Punk ที่ผมเปิดใน play list ก็ยังดังก้องผ่านลำโพงชุดE305 สร้างจังหวะและบรรยากาศให้การเขียนและการทำงานได้ดีมากๆเลยครับ
นอกจากเรื่องบรรยากาศ ความโอบล้อมของ E305 แล้ว มาพิจารณาลำโพงแต่ละตัวว่าทำงานได้ดีและมีความสอดคล้องแค่ไหนกันบ้าง
คู่หน้า/เซ็นเตอร์ นี่เป็นหนึ่งในความประทับใจนึงของผม คือผมว่าผมหลงรักเสียงที่มรความสะอาด มีโทนัลบาล้าน มีรายละเอียดสูงเวลาที่ได้ฟังเพลงจากลำโพงคู่หน้าตัวนี้มากๆๆเลย มันให้ความรู้สึกว่าผมไม่ได้กำลังนั่งฟังลำโพงเล็กๆอยู่ แต่เหมือนนั่งฟังลำโพงตัวใหญ่กว่านี้
แนวเสียงเหมือนไปละม้ายกับตัว KEF LS50 และ R300 อย่างละนิดละหน่อย โทนเสียงโดยรวมที่ได้จากการฟังจากคู่หน้าตัวนี้เป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ จูนมาดี ลืมภาพลำโพงเล็กๆ เสียงแหลมๆ บาดหู หรือเสียงใหญ่อุ้ยอ้ายไปได้เลย ถ้าปิดตาคุณเดินเข้ามาในห้อง หรือซ่อนลำโพงไว้ คุณจะเดาไม่ออกแน่นอนว่ามันเล่นมาจาก KEF E305 จากลำโพงที่ตัวเล็กน่ารักดูน่าเอ็นดูคู่นี้
เสียงกลาง จากลำโพงเซ็นเตอร์ ในยามดูหนังนั้นเสียงพูดมีความชัดเจน ใส แต่มีน้ำหนัก มีเนื้อ เรียกว่าเป็นเสียงกลางที่อยู่กึ่งกลางระหว่างลำโพงเซ็นเตอร์เสียงจัดๆ กับลำโพงเซ็นเตอร์เสียงอวบๆ
ให้เสียงกลางที่อิ่ม มีมวล แต่ชัดและมีรายละเอียดสูง
surround เหมือนกับลำโพงคู่หน้าทุกอย่าง เสียงมีความโอบล้อม ต่อเนื่อง กลมกลืนกันกับลำโพงแชนแนลอื่นๆได้แบบไม่มีที่ติ
Subwoofer ในการติดตั้งนั้นผมวางซับวูฟเฟอร์ไว้ด้านหน้าเกือบๆกึ่งกลางของลำโพงคู่หน้า ทั้งสอง ซึ่งตรงนี้คือส่วนสำคัญและยากเป็นอันดับต้นๆของการเซ็ทอัพระบบเสียง Home Theater ครับ ตำแหน่งวางในห้องตำแหน่งนึงอาจให้เสียงเบสบางและหายไปเลย แต่ถ้าเลื่อนมาอีกตำแหน่งอาจจะเป็นคนละเรื่องไปเลย
โดยซับวูฟเฟอร์ตัวนี้ดอกจะอยู่ด้านล่าง หงายขึ้นมาจะเห็นดอกวูฟเฟอร์ขนาด 8 นิ้ว ซึ่งขนาดกำลังดี หน้าตาและวัสดุของดอกดูแล้วมีราคาและน่าใช้ทีเดียว
ซับใน ชุดของ E305 เป็นซับแบบตู้ปิด ยิงล่าง ดีไซน์มาเฉพาะกับชุดนี้ เสียงที่ได้นั้นพิสูจน์แล้วครับว่าสามารถรองรับความโหดของหนังหลายๆเรื่องเช่น Transformer, San Andreas ได้แบบเอาอยู่ ไม่ต้องกลัวว่าเร่งดังๆ เปิดหนักๆ ความถี่ต่ำโหดๆมาแล้วจะแป๊กเหมือนซับบางยี่ห้อ การันตีให้เลยว่าตัวนี้ไม่มีแป๊กแน่นอน
จุดเด่นของซับวูฟเฟอร์ในชุด E305 นั้นต้องบอกว่าถ้าติดตั้งได้ดีและถูกต้องแล้ว จะได้รายละเอียดเบสที่กลมกลืนไปกับเสียงในย่านอื่นๆ มีลักษณะที่จับทิศทางไม่ได้ และสามารถชี้ทิศทางและตำแหน่งเสียงได้รอบตัว ถึงแม้ซับจะวางอยู่ที่เดิมโดยที่เราไม่รู้เลยว่าซับยังอยู่ที่เดิม
ซึ่งจุดเด่นตรงนี้คือข้อดีอีกข้อที่ทำให้ชุด E305 มีความสมดุล เป็นธรรมชาติในแง่ของเสียงทุกๆย่าน ไม่ว่าจะเป็นแหลม กลาง ต่ำ ทว่าเสียงความถี่ต่ำที่ได้นั้น อาจไม่ได้มาในรูปแบบโครมคราม หรือบ้าพลังกันแบบสุดลิ่มทิ่มประตูแบบที่ชุดใหญ่ๆให้กัน
เพียง แต่เบสมาในแบบสมดุล และพอเพียงกับเสียงในความถี่อื่นๆ แต่ทว่าก็สามารถปรับลดเพิ่มได้จากตัวซับวูฟเฟอร์และโหมดที่มีให้เลือก boost หรือถ้ายังไม่สะใจก็สามารถเลือกปรับเพิ่มได้จาก AVR หรือ Pre ที่ใช้ได้อีกครับ
บทสรุป
เราพอจะอนุมานได้ว่าซิสเต็มของ KEF ไม่ว่าจะตัวเล็กหรือตัวใหญ่ ปรัชญาในการออกแบบและผลิตเครื่องเสียงของพวกเขานั้น ไม่ใช่มุ่งเน้นไปด้านใดด้านหนึ่งอย่างจริงจังเหมือนลำโพงบางแบรนด์
แต่ทว่ากลับมุ่งเน้นความเป็นกลาง มี tonal balance ที่ดี มีรายละเอียด และไม่เด่นในด้านใดด้านหนึ่งจนเกินไป ให้เสียงธรรมชาติ ชัด มีดีเทล ฟังได้นาน สนุก และยิ่งโดยเฉพาะ KEF E305 ตัวนี้ ไมใช่ซิสเต็มที่ให้เสียงตื่นเต้นในตอนรับฟังครั้งแรก
แต่ มันเป็นซิสเต็มที่ยิ่งรับฟังนานๆไป ยิ่งให้ความรู้สึกรัก และหลงใหลมากยิ่งขึ้นตามชั่วโมงที่ได้รับฟัง เสียงที่ได้ฟังธรรมชาติ ฟังสบาย มีรายละเอียด เปรียบกับคนที่ดูตอนแรกแล้วเราไม่ประทับใจมากนัก แต่ยิ่งได้มอง ได้เพ่งพิศพิจารณาก็ยิ่งหลงใหล
ดูได้นาน โดยไม่ทำให้เรารู้สึกตะขิดตะขวงใจ
แต่กลับกันซิสเต็มบางตัวอาจทำให้เราหลงรักได้ในครั้งแรกที่รับฟังในนาทีแรก แต่ยิ่งฟังนานไปยิ่งทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่ธรรมชาติหรือโอเวอร์จนเกินไปนั่นเอง
KEF E305 VS Klipsch Quintet V + Klipsch R10SW
เสียงของ System ทั้งสองชุดนี้มีความแตกต่างกันในขณะที่ราคานั้น Klispch Quintet V + R10SW จะถูกกว่าอยู่พอสมควร ซึ่งถามว่าอันไหนดีกว่า
ก็ต้องจอบว่าไม่มีอันไหนดีกว่าครับ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบเสียงแบบไหน
KEF E305 ได้ลำโพงที่ตัวใหญ่กว่านิดนึง งานประกอบดีมาก ดูแข๊งแรง มั่นคง งานออกแบบสวยตั้งโชว์ได้อย่างไม่อายใคร ส่วน Klipsch งานประกอบจะไปทางดิบๆ และดูเน้นใช้งานมากกว่า
ในเรื่องเสียง KEF E305 จะมีรายละเอียด และฟังสบายกว่า Klispch มากพอสมควร และในเรื่องโทนัลบาล้านของเสียงทุกย่านนั้น KEF E305 ทำได้ดีเยี่ยม จับกับแอมป์ได้หลากหลาย เร่งดังๆได้รายละเอียดและไม่รู้สึกเสียงจัดแต่อย่างใด โดย KEF E305 นั้นทำได้ดีมากในเรื่องของการฟังเพลง และการดูหนังก็ดีไม่แพ้กัน
ในขณะที่ Klipsch จะให้เสียงรุกเร้า เสียงแหลมจัด และพุ่งสด ให้ความมันในการดูหนังเป็นหลัก แต่การฟังเพลงยังรู้สึกว่าเสียงมีความสดมากอยู่สักหน่อย
ส่วนในเรื่องของความถี่ต่ำนั้น แม้ตัวซับทั้งคู่ของทั้งสองชุดจะแตกต่างกันทั้งการออกแบบ และการดีไซน์ตัวตู้ ตัวนึงเป็นตู้ปิด ดอกยิงล่าง ส่วนอีกตัวเป็นตู้เปิดดอกยิงหน้า มีท่อระบายอากาศ แต่เสียงที่ได้นั้นผมว่าพอๆกันและไม่มีตัวไหนน้อยหน้าไปกว่ากันเท่าไร่นัก จะมีก็แต่เสียงของทาง R10SW ที่หนักกว่ากระชับกว่านิดหน่อย
ส่วน KEF E305 ก็มีข้อดีตรงที่ความถี่ต่ำได้ความสะอาดและกลมกลืนกับลำโพงแชนแนลอื่นๆได้ดีกว่า เรียกว่าต่างคนต่างมีข้อดีไปคนละแบบครับ
และนี่คือจุดเด่น ของ KEF E305 ที่นำเสนอความบาล้าน จุดเด่นคือรายละเอียด บรรยากาศโอบล้อม รายละเอียดเสียงรอบตัว จุดด้อยก็มีคือไม่ถูกใจขาโหดนั่นเอง
ตัว นี้ผมว่าเหมาะกับคนที่รักการดูหนังที่ได้บรรยากาศดีๆโดยเฉพาะแฟน yamaha ที่ชอบเสียงแนวนั้น ถ้าได้ฟังแล้วจะยิ่งหลงรัก หรือใครที่ชอบเสียงที่มีความเป็นธรรมชาติ มีรายละเอียด โอบล้อมดีๆ ตัวนี้ทำได้ดีมากๆเลยครับ
KEF E305 หาแอมป์ AVR หรือชุดที่มาต่อพ่วงได้ง่ายมากๆ เพราะด้วยเสียงของ KEF E305 ที่เป็นธรรมชาติ ไม่เด่นด้านใดด้านนึงจนเกินไป มี tonal balance ดี
จึงทำให้ matching กับอุปกรณ์เครื่องเสียงต่างๆได้ง่ายนั้นเอง กลับกันถ้าชุดลำโพงมีแนวเสียงที่ชัดเจน การแมทชิ่งจะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เช่นซิสเต็มที่เบสเยอะ การจะไปจับกับอุปกรณ์ที่เบสเยอะเช่นกันนั้นอาจทำให้เสียงโดยรวมนั้นมีปริมาณ เบสที่มากเกินไป
หรือชุดที่สด อยู่แล้ว ยิ่งไปจับกับอุปกรณ์หรือแอมป์ที่สด บาง ให้รายละเอียดก็อาจทำให้แสบหูเมื่อฟังไปนานๆได้ครับ ซึ่ง KEF E305 ชุดนี้ให้ความเป็นกลางสูง มี Tonal Balance สูงจนสามารถจับกับชุดอะไรก็ฟังได้เพราะ ฟังสนุกและฟังได้นานครับ
KEF E305: เร่งเสียงดังๆได้มั๊ย?
อีกจุดนึงที่เราอยากจะบอกกล่าวกันก็คือ เมื่อห้องของคุณเล็ก เราอาจจะไม่จำเป็นต้องเร่งลำโพงดังเพื่อดูหนังหรือฟังเพลง
แต่ ถ้าห้องที่ใช้ใหญ่และมีขนาดมากพอสมควรเช่นห้องนั่งเล่นที่เปิดโล่ง หรือห้องกว้างๆ คอนโดที่มีพื้นที่เปิดเชื่อมกันทุกห้อง แบบนี้เราอาจจำเป็นต้องเร่งเสียงชุดของเราให้ดังขึ้นเพื่อตอบสนองการใช้งาน ให้สอดคล้องกับสภาพห้อง
ซึ่งชุด E305 เมื่อเราเล่นในระดับเสียงต่ำ เสียงที่ได้จะยังมีรายละเอียดอยู่ แต่จะขาดไดนามิก และความกระแทกกระทั้น (เป็นปกติของชุด Home Theater ขนาดเล็ก) แต่เมื่อเร่งเสียงถึงระดับนึงจะพบว่าเสียงที่ได้นั้นมาเต็มทั้งรายละเอียด
เบส และไดนามิกแบบที่มันควรจะเป็น ซึ่งตรงนี้เมื่อเปรียบเทียบกับชุดที่ใหญ่กว่า และคุณมักจะมีลักษณะการใช้ชีวิตที่ต้องเปิดเสียงเบาๆอยู่บ่อยๆ เช่นอยู่ร่วมกับคนอื่น หรือใช้ในห้องนอนที่มีคนอื่นอยู่ด้วย แบบนี้อาจทำให้ขาดอรรถรสไปบ้างนิดหน่อย
ใน เรื่องของไดนามิกและความกระแทกกระทั้น แต่กลับกันถ้าเร่งเสียงในระดับที่กำลังดี ชุด E305 นี้ยิ่งจะนำเสนออะไรๆที่แม้แต่ชุดแยกชิ้นในราคาพอๆกันหรือสูงกว่าก็อาจให้ไม่ได้ โดยเฉพาะรายละเอียดและบรรยากาศโอบล้อมที่ทำได้ดีจริงๆ
ชุดนี้เหมาะกับใคร ?
ชุดนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ชอบรายละเอียดสูง เพราะ E305 ให้เสียงที่มีรายละเอียดดีมากๆ บรรยากาศโอบล้อมดี รายละเอียดเยี่ยมๆ เหมาะกับห้องขนาดเล็กไปจนถึงกลางๆ หรือห้องที่ต้องการลำโพงตัวไม่ใหญ่มาก สวยงามเข้ากับการตกแต่งห้อง ขาว ดำ จัดวางแล้วสวย หรือจัดวางเข้ากับเฟอร์นิเจอร์แนววินเทจก็เข้ากันไปอีกแบบ นอกจากข้อดีตรงนี้แล้วยังสามารถจับกับแอมป์ได้ง่ายไม่ต้องยุ่งยากหาแอมป์ กล้ามโตมาเข้าคู่ เสียงได้รายละเอียดหยุมหยิมน่าฟัง ในขณะที่ยังให้เบสที่กระชับ แน่น แต่ไม่ก้าวร้าวโครมครามจนไม่น่าฟังจนเกินไป เหมาะกับห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องพักผ่อนสบายๆครับ
จุดเด่น
1. ง่าย สะดวก เล็ก เบา และแมทชิ่งเข้ากับชุด AVR หรือแอมป์ได้ง่ายมากๆ ไม่เลือกแอมป์ เข้ากับต้นทาง เส้นสาย และระบบได้ทุกรูปแบบ
2. บรรยากาศโอบล้อม บรรยากาศ การโยน การแพนเสียงรอบตัวรอบทิศทางดีเยี่ยม ไม่มีสะดุดหรือรอยต่อให้รำคาญใจ รายละเอียดดี เหมาะกับคนที่ชอบรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ และเสียงแบบรอบทิศทางจริงๆ
3. ฟังเพลงดีมากกกกก ชอบเสียงกลางแหลมจากลำโพง KEF มากครับ เสียงเป็นเอกลักษณ์ของ KEF จริงๆ เสียงสะอาด ละเอียด ฟังเพลินมากที่สุด ต้องลองครับแล้วจะรู้ว่าไม่ได้พูดเกินจริง
4. งานประกอบดี ดูสวยงาม มีราคาแพง แข๊งแรง ไม่ดูก๊องแก๊งเลย และเข้ากับการตกแต่งห้องได้หลากหลาย โดยเฉพาะสไตล์โมเเดิรน์ และแม้แต่สไตล์วินเทจก็ดูสวยแปลกตาไปอีกแบบ
5. เปิดดังๆได้ดี รายละเอียด เบส มาครบ ไม่กัดหู ใครคิดว่าซิสเต็มเล็กเปิดดังๆแล้วหนวกหู ตัวนี้ไม่เป็นเช่นนั้น ยิ่งเปิดดังยิ่งมัน
6. ใช้งานได้ดีในห้องหลากหลายแบบทั้งห้องนอน คอนโด ห้องนั่งเล่น แต่จะเหมาะสมกับห้องที่มีขนาดเล็กถึงกลางๆ เพราะอย่าลืมว่าแม้มันจะเสียงดี แต่ตัวเล็กนิดเดียว ดังนั้นการอัดมันในห้องใหญ่ๆก็ไม่ต่างกับการใช้เด็กผู้หญิงไปเข็นรถบรรทุก หรือรถ SUV ที่จอดขวางหน้ารถนั่นแหละ
จุดด้อย
1. สายลำโพงใช้แบบหนีบ ทำให้ถ้าจะอัพเกรดสายเป็นแบบแกนแข๊ง หรือสายที่มีความหนามากๆ เช่น Canare, AudioQuest นั้นทำได้ลำบาก (ขั้วแบบหนีบของ KEf ไม่ใช้แบบหนีบเหมือนยี่ห้ออื่นนะครับ ดูดี แข๊งแรง ทนทานและดูหรูหรามากทีเดียว)
2. ความถี่ต่ำไม่เร้าใจขาโหด ดังนั้นใครชอบความโหดร้ายแบบเสียงกระทืบต้องเหยียบคุณให้จมดิน ลูกเดินเข้าห้องได้ยินเสียงปืนใหญ่แล้ววิ่งร้องไห้จ้าออกจากห้องไปฟ้องแม่ แบบนี้อาจไม่เหมาะกับสไตล์คุณ เพราะตัวนี้เน้นบรรยากาศและเสียงโอบล้อม สมดุลในทุกๆด้านมากกว่า
3. ขั้วต่อลำโพงเป็นแบบหนีบทำให้อาจมีปัญหาเวลาอัพเกรดใช้สายแกนใหญ่ๆแข๊งๆได้
4. ขั้วต่อสายซับวูฟเฟอร์เป็นแบบช่องเดียว ต้องใช้สายซับ 1:1
5. ไม่เหมาะกับห้องใหญ่ เสียงจะดีถ้าอยู่ในห้องเล็กหรือปานกลาง ถ้าห้องใหญ่ไปอาจเอาไม่อยู่ เพราะลำโพงตัวเล็กนิดเดียวครับ
และสุดท้าย ราคา ตัวนี้ในบ้านเราอาจจะมองว่าแพงหรือราคาสูงสักนิด แต่เมื่อมองราคาขายที่ต่างประเทศที่ในบ้านเราแทบจะไม่ต่างกันเลย และเทคโนโลยีที่ใช้ไม่ว่าจะเป็น Uni-Q และงานประกอบของ KEF ที่ต้องบอกว่าขั้นเทพ และคุณจะไม่มีการผิดหวังตอนเปิดกล่องอย่างแน่นอน
ผิวลำโพงดีไซน์ เสียงที่ได้ บรรยากาศโอบล้อม เราต้องบอกว่ามันสมราคาและออกจะถูกไปด้วยกับเสียงที่ได้
เราอยากให้คุณลองเปิดใจและลองพิจารณา KEF E305 ดู เพราะบางทีหากคุณเปรียบเทียบกับลำโพง In the box ที่ขนาดเท่าๆกันนั้น คุณจะไม่ได้งานประกอบแบบนี้ เสียงที่มีความเนียน มีรายละเอียดและโอบล้อมขนาดนี้
บาง ทีสำหรับ KEF E305 แล้ว size is does not matter ครับ เพราะเสียงที่ได้นั้นมันเกินราคาและขนาดตัวไป ผมไม่อยากบอกว่า KEF E305 คือโจทย์ของคนที่อยากเล่นชุดแยกชิ้น แต่มีพื้นที่จำกัด งบจำกัด
และหลังจากผมเขียนรีวิวนี้จบลง ผมก็มีแรงบันดาลใจและอยากจะลองฟังลำโพงรุ่นสูงขึ้นของ KEF อย่าง R-Series ทันที เพราะขนาดลำโพงชุดเล็กแค่นี้ยังให้เสียงในการฟังเพลงและดูหนังที่ดี เป็นธรรมชาติขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นชุดใหญ่ของเค้าละจะขนาดไหน
งบประมาณ 49900 บาท (ราคาแล้วแต่ร้านที่จัดจำหน่าย) บวกกับแอมป์ AVR สักตัวที่ไม่ต้องแพงมาก สรุปแล้วได้ชุดที่ดีและใช้งานง่าย บางทีก็จบได้ง่ายๆและตอบโจทย์สามารถดูหนัง ฟังเพลงกับครอบครัวได้แบบครบๆแล้วครับ
Kef E305's Specification
Model | E301/ E301c |
Design | Two-way bass reflex |
Drive units | Uni-Q driver array: HF: 19mm (0.75in.) vented aluminium dome MF: 115mm (4.25in.) aluminium |
Frequency range (-6dB) | 80Hz – 45kHz |
Frequency response (±3dB) | 90Hz - 33kHz |
Crossover frequency | 2.7kHz |
Amplifier requirements | 10 - 100W |
Sensitivity (2.83V/ 1m) | 86dB |
Harmonic distortion 2nd & 3rd harmonics (90dB, 1m) |
<1% 100Hz – 40kHz |
Maximum output (SPL) | 109dB |
Norminal impedance | 8Ω (min. 3.4 Ω) |
Internal volume | 1.5Litres |
Weight | 2.4kg (5.3 lbs.) |
Dimensions (H x W x D) (with grille and base) E301 E301c |
260 x 136 x 159 mm (10.2 x 5.4 x 6.3 in.) 157 x 220 x 155 mm (6.2 x 8.7 x 6.1 in.) |
Optional accessories | Floor stands |
Model | E-2 |
Design | Powered Subwoofer |
LF Drive unit | 200mm (8in.) |
Frequency range (-6dB) | 33Hz – 280Hz |
Amplifier | 250W built-in Class-D |
Maximum output (SPL) | 102dB |
Low pass filter variable | Fixed 250Hz, 2nd-order |
Low level signal inputs | RCA phono socket |
Enclosure type | Sealed |
Internal volume | 14.7Litres |
Power requirements | 100 - 240VAC 50/60Hz |
Power consumption | 250VA |
Weight | 7.25kg (16lbs.) |
Dimensions (H x W x D) |
320 x 430 x 270mm (12.6 x 16.9 x 10.6 in.) |
หน้าที่เข้าชม | 2,192,372 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,301,209 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |