Klipschron AK7

Klipsch เปิดตัวลำโพงฟังเพลงที่มีอายุยืนยาวมากที่สุดตัวนึงของโลก นั่นคือ 80 ปี อายุนานกว่าลำโพงในตำนานที่เราคุ้นเคยอีกหลายๆตัว แม้ภาพจำของนักเล่นชาวไทย ลำโพง klipsch คือลำโพงที่เป็นลำโพงดูหนัง อย่าง rp ii , rf sereis
แต่รู้หรือไม่ ลำโพงที่เป็นตำนานและเป็นตัวขายและสร้างชื่อในอเมริกาและยุโรป จน klipsch มาทำลำโพงดูหนังในยุค 10-20 ปีให้หลังนี่เอง
Klipschron AK7 เป็นลำโพงรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว มีราคาที่สูงกว่าเดิม ถึง 1500 usd จากเดิมราคา 16498 usd รุ่นใหม่มีราคาตั้งที่ 17,998 usd ต่อคู่
โดยรุ่นใหม่หากมองถึงหน้าตา ต้องบอกว่า นี่นายเอารุ่นเก่ามาแล้วไม่คิดจะเปลี่ยนอะไรเลยหรือ เพราะหน้าตามันไม่ต่างจากของเดิมหากมองเผินๆๆ
แต่จริงๆแล้วมีจุดเปลี่ยนใหญ่ๆ ก็คือ
1. ak7 จะมาพร้อมกับ optional ที่ซื้อเพิ่มได้คือ Active crossover ที่ทำมาสำหรับลำโพง ak7 โดยเฉพาะ และด้วย active crossover นี้เอง จะทำให้ปรับจูนเสียงได้ละเอียดและเหมาะกับห้องและอคูสติกมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถกำหนดจุดตัดของเสียงในแต่ละย่านได้เอง
แต่ option นี้ต้องซื้อเพิ่มครับ
2. มาพร้อมกับเปลี่ยนแผง panel input / output ใหม่ จากเดิมที่แผงขั้วลำโพงจะอยู่ด้านข้าง บนโมดูลของเสียงเบส (ตัวฐาน) แต่รุ่นใหม่จะย้ายขั้วลำโพงไปไว้บนโมดูลที่เป็นเสียงกลางแหลม ตัวบนแทนครับ ซึ่งข้อดีก็ได้ความ clean และเรียบร้อย แต่ข้อเสีย หากใครใช้สายลำโพงประเภทหนักๆ ที่ต้องมีตัวประคองสายช่วย ต้องระวังเพราะตัวสายลำโพงจะหนักและรั้งมากๆ
และนอกเหนือจากนั้นยังรองรับการเชื่อมต่อทั้ง passive / active inputs และ passive output เพื่อให้นักเล่นสามารถปรับเล่นได้ตามที่ต้องการได้อีกด้วย
3. มาพร้อมกับสีใหม่แบบ match ลาย โดยตัดสี cherry ในรุ่นเดิมออก และเพิ่มสีใหม่เป็นสี American Auburn มาแทน ซึ่งเป็นสีแนวลายไม้สีเข้มๆ เข้มกว่าสี walnut ซึ่งสี Auburn จะเป็นสีผมธรรมชาติของมนุษย์ที่ผสมกันระหว่างสีน้ำตาลผสมแดงครับ
นอกเหนือจากนั้นอีกสองสีก็คือ สี black , walnut เหมือนเดิม
4. ความแตกต่างในส่วนอื่นๆของ spec นั้น ผมสรุปเป็นหัวข้อสั้นๆ ที่สำคัญๆดังนี้ครับ
- sensitivity ต่ำลง จากเดิม 115 db และรุ่นใหม่จะเป็น 113 db
- ความถี่ตอบสนองลดลงจากเดิม 33- 20000 Hz และรุ่นใหม่จะเป็น 34 - 19000 hz
- maximum spl (ความดัง) ลดลง จากเดิม 121 db เป็น 120 db
- มีการเปลี่ยน drive ของ midrange เป็นตัวใหม่ จากเดิมที่ใช้ K-55-X ขนาด 2” (5.08cm) Phenolic diaphragm compression driver ไปเป็น K-1133-HP ขนาด 3" compression driver on a K-406 horn ที่ใหญ่ขึ้น จากเดิมที่เสียงกลางโคตรดี โคตรชัดอยู่แล้ว คราวนี้เพิ่มขนาด mid range ขึ้นไปอีก 1" ครับ
และในส่วนของ tweeter , bass driver นั้นใช้เหมือนตัวเดิมทุกประการ
- น้ำหนักลำโพงเพิ่มขึ้น ทั้งโมดูลเบส และโมดูลกลางแหลม จากเดิมทั้งคู่หนักรวม 100 kg ไปเป็น 118 kg หนักขึ้นไปอีกถึง 18 kg ครับ
- ในส่วนของขนาดและสัดส่วนนั้นใกล้เคียงของเดิมมากๆ แทบจะไม่ต่าง มีแค่ขนาดกว้างและสูงที่เพิ่มขึ้นนิดเดียว ไม่กี่เซ็น แต่ความลึกนั้นลดลงนิดหน่อยไม่กี่เซ็นเช่นกัน ซึ่งถือว่าไม่มีนัยะสำคัญเท่าไร่นัก
สุดท้ายในส่วนของหน้าตาและดีไซน์ยังแทบจะยกดีไซน์มาจากของเดิมทั้งหมด ซึ่งหน้าตาของรุ่น ak6, ak7 นั้นออกแบบมาแทบจะทันสมัยและสวยงามเข้ากับยุค เรียกว่าถ้าไปย้อนดู klipschorn รุ่นแรกๆ จะพบความแตกต่างที่พัฒนามาให้สวยขึ้น modern ขึ้นมากๆๆๆ
รวมถึง grill ด้านหน้า และการออกแบบในส่วนของภายนอกครับ เรียกว่าถ้าไม่เปิด grill ด้านข้างไปดูขั้วต่อหรือดูรุ่น แทบจะแยกไม่ออก ยกเว้นสีใหม่ American Auburn ที่ดูปุ๊ป รู้ปั๊ปว่านี่คือรุ่นใหม่
เพื่อนๆท่านใดสนใจลำโพง klipschorn ทั้ง ak6, ak7 สามารถสอบถามราคาพิเศษได้

ปล ส่วนตัวคิดว่าสี walnut น่าจะถูกฉโลก และได้รับความนิยมสูงสุดเช่นเคยครับ
ปล2 ดีลเลอร์ authorize ท่านนึง ที่ใช้ลำโพง klipsch heritage อย่าง klipschorn ,corwall และได้มีโอกาศเปลี่ยนไปใช้ลำโพง hi-end รุ่นอื่น ถึงกับบ่นว่า ทำไมเสน่ห์เสียงและแนวเสียงมันต่างกันมากขนาดนี้ (จริงๆบ่นเยอะกว่านี้) ซึ่งแนวเสียงของลำโพงแนวหวาน นุ่ม อุ่น นั้นอาจจะหาได้มากมายในตลาด hifi แต่ลำโพงแนวที่สมจริง live นั้นหายากมากๆ ที่เมืองนอกมีไม่กี่แบรนด์ และหลายแบรนด์ๆก็ไม่ได้ถูกนำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรา และหนึ่งในนั้นคือ klipsch ที่ทางดีลเลอร์พูดไว้ว่า ถ้าได้ลองฟังแล้วชอบไปแล้ว จะหาลำโพงที่ให้เสียงแนวนี้ แต่ดีกว่านี้มาแทนในงบไม่เกิน 2 เท่านั้นมันยากจริงๆๆ