Zidoo UHD5000

Review หลังจากที่เครื่องแลนด์มาที่เมืองไทยแบบเป็นทางการ ราวๆ 10 วันที่แล้ว ผมก็ยังไม่ได้ลองและเล่นจริงจังเสียที เนื่องจากตัวเครื่องนั้นมีปัญหาเรื่อง firmware นิดหน่อย ที่ทำให้หน้า setup -- Audio out ไม่สามารถเลือกเสียงเป็น RAW ได้ ซึ่งพอไม่เลือกเสียงเป็น raw เสียงจะออกไปที่ AVR, Pre-Pro เป็น LPCM. PCM ซึ่งถือว่ารับไม่ได้อย่างร้ายแรงที่เครื่องเล่น media file จะไม่สามารถถ่ายทอดเสียง raw ไปให้ AVR , Pre ถอดรหัสได้ และในเรื่องการดูภาพยนตร์ก็ถือว่ารับไมไ่ด้ด้วยเช่นกัน
จนวันนี้ทาง Zidoo ปล่อย FW ออกมาแก้เรียบร้อย ผมได้ทดสอบแบบละเอียดและทดลองเล่นเทียบกับตัวเดิมอย่าง UHD3000 และตัวเรือธงอย่าง Neo Alpha
และเพื่อไม่ให้ยืดเยื้อผมจะสรุปทุกเรื่องเป็นประเด็นสั้นๆและเข้าใจง่ายๆดังนี้ (ยกเว้น spec ที่ผมจะไม่กล่าวถีงอีกแล้ว เพราะทุกคนคงหาอ่านได้ที่หน้าเว็บของ Zidoo)

1. ตัวเครื่อง :
ใช้หน้าตาและตัวถังเดิมทุกประการ ขนาดเท่าเดิม อาจจะมีน้ำหนักที่ต่างไปนิดหน่อยบ้าง ที่เหลือตัวถัง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ด้านหน้ารองรับ usb 2 ช่อง และด้านหลังอีก 2 ช่อง (ซึ่ง usb สามารถต่อ mouse , keyboard ได้) และรองรับ Hdd แบบ 3.5" ได้อีกสองลูก และในตัว 5000 นี้ตัด hdmi in ออก ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี
2. Internal :
ในส่วนของ OS และสเปกภายใน มีการเปลี่ยนจาก android 9 มาเป็น 11 และอัพเกรดหน่วยความจำจากเดิม 32 GB มาเป็น 64 GB
และเปลี่ยน CPU , GPU เป็นตัวใหม่ขึ้น และรองรับ Wifi6

3. Remote control :
มีการเปลี่ยน Remote รุ่นใหม่ ซึ่งทางผู้นำเข้าเรียกว่ารุ่นเขียว หรือรุ่น green
ตัวใหม่นี้มีความดีงามมากๆ มันจับกระชับมือ ใช้ง่าย คอนโทรลง่าย และมี backlit ที่ทำงานได้ฉลาด และยังไม่กินพลังงานเหมือนรุ่นเดิมของ UHD3000 ทั้งนี้ remote เป็นทั้ง ir และ bluetooth แนะนำว่า เมื่อได้รับของไปให้จัดการ pair bluetooth ไว้เลย เครื่องจะจำและ pair ให้เองอัตโนมัติแบบนี้ทุกครั้งเมื่อเปิดเครื่อง ทำให้ใช้งานง่ายและหันไปทางไหนก็ควบคุมได้หมดและลื่นไหล
4. GUI :
หน้าตา user interface นั้นเหมือนเดิมทุกประการกับรุ่น UHD3000 แต่การควบคุม การกดรีโมท การเลือกเมนูต่างๆนั้นทำได้ดีขึ้นไปในอีกระดับ ใช้ง่าย ออกแบบปุ่มมาได้ดี การวางนิ้ว การวางปุ่มเหมาะสม ไม่มีการเผลอกด return ผิดไปกด home เหมือนรีโมทของรุ่น alpha และยังมีความลื่น และใช้งานง่าย ผลพวงมาจากรีโมทที่ออกแบบปุ่มมาได้ดี และการกดปุ่มจากรีโมทนั้นไม่มีการหน่วงใดๆทั้งสิ้น กดตามมือ เรากด cursor ก็ไปตามมือ ทุกวันนี้เราแทบจะหมดยุคของเครื่องเล่น media player หน่วงๆแล้วครับ

5. Function และเมนูต่างๆ :
เมนูและลูกเล่นที่เคยใส่มาใน UHD3000 และใน Neo Series นั้นมาครบ ไม่ว่าจะเป็นเมนูการเล่นสำหรับจอ 2.35:1 และมีตัวเลือกให้เลือกใช้ได้ว่าจะ compress ภาพให้พอดีจอ หรือจะ crop ให้พอดีจอก็สามารถเลือกได้ (zidoo ใช้คำว่า screen cover) ซึ่งผมแนะนำให้เลือก crop ,มันจะดูงามตากว่ามาก และมันจะเป็นภาพไซส์ 2.35 นี้ทั้งเมนู หน้า home และตอนเล่นหนังครับ
และรวมถึงความสามารถในการจัดการกับ subtitle ที่ทำได้ละเอียดยิบและมีประสิทธิภาพมาก เราเลือกได้ว่า จะเอาสีอะไร จะถอยขึ้นหรือลง จะเอาโปร่งใส จะเอาขนาดเท่าไร่ จะให้เครื่องไปหา subtitle ให้ นั้นทำได้หมด รวมถึง default ให้เครื่องเลือก subtitle ภาษาที่เราต้องการให้อัตโนมัติก็ทำได้
และในส่วนของ HDMI นั้นสามารถ set ให้ปล่อยสัญญาณแยกภาพและเสียงแยกได้ หรือจะเซ็ทให้ออกทั้งคู่ก็ได้เช่นกัน

6. การเล่นไฟล์ :
ต้องยอมรับว่า เทคโนโลยีใหม่นั้นทำได้ดีกว่าเสมอ แม้เครื่องจะเป็นรุ่นที่ต่ำกว่า Neo Series แต่ที่น่าตกใจคือการเลือกเล่นไฟล์นั้น กลับทำได้รวดเร็วกว่ามาก ยกตัวอย่าง เราเลือกเล่นไฟล์ขึ้นมา จากเดิมที่ต้องรอสักพักกว่าภาพจะขึ้นและเริ่มเล่น แต่อันนี้มันไวกว่าเดิม นับเวลาตั้งแต่กดเลือกก็เพียง 2-3 วินาทีเท่านั้นสำหรับการเล่นผ่าน projector และจะยิ่งไวกว่านี้ถ้าเล่นกับทีวี อันนี้เป็นจุดที่รุ่นใหม่อย่าง uhd5000 ทำได้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดดและดีขึ้นแบบชัดเจนครับ

7. เสียง (การดูหนัง):
หัวข้อสำคัญที่สุดสำหรับเรามาถึงแล้ว ในส่วนของเสียงนั้น ต้องยอมรับว่าเมื่อเทียบกับ uhd3000 มันทำได้ดีขึ้น โดยเฉพาะรายละเอียดเสียงที่ดีขึ้นพวกรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ แต่เมื่อเทียบกับ neo series อย่าง neo alpha แล้ว ต้องบอกว่ายังแพ้และห่างกับ alpha อยู่มากพอสมควร โดยเฉพาะในเรื่องของรายละเอียดที่ alpha นั้นให้เสียงและรายละเอียดที่เปิด กระจ่าง และชัดกว่า
แต่เมื่อเทียบกับ uhd3000 รุ่นเดิม ก็ต้องบอกว่ามันดีขึ้นจริงๆ
และเมื่อดูระดับราคานี้ยิ่งต้องบอกว่า มันดีแล้ว และดีเกินราคา
เพราะจุดเด่นของ zidoo uhd series ที่เป็นมาทุกรุ่นตั้งแต่ uhd2000, uhd3000 นั้นก็คือไดนามิค พลัง แรงปะทะ การปลดปล่อยและระเบิดพลังของย่านเสียงต่างๆ ที่ไม่ประนีประนอม ดูหนังมันสะใจ ได้ความรู้สึกว่าพลังต่างๆถูกปลดปล่อยออกมา เนื้อเสียงไม่ป๋อแป๋ๆ ชัดเจน จริงจัง รุกเร้า
กลางต่ำจะเด่นกว่ากลางแหลมนิดหน่อย แต่ไม่ได้เด่นแบบเนื้อเสียงเข้มข้นแบบในอีกค่าย ที่เด่นไปทางกลางต่ำ หนาอวบและเอาใจคนที่ชอบแนวเสียงใหญ่ๆแบบนี้มาในทุกรุ่น
และไม่ได้เด่นไปทางกลางแหลมที่เนียนใสเหมือนอีกค่าย แต่พอมันใส มันก็จะขาด energy และไดนามิค เป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้ารายละเอียดดี เบสก็จะไม่มาก พอเบสมาก ไดนามิคดี รายละเอียดก็จะน้อยลง เป็นเรื่องปกติของอุปกรณ์ในระดับ mid-end ที่จะเด่นในด้านใดด้นนึง
เรียกว่าตัวนี้อยู่กลางๆ ในระดับราคาเดียวกัน เนื้อเสียง แก้วเสียงอาจไม่ใสปิ๋ง เนียนหูเหมือนค่ายนึง แต่ก็ไม่ได้ข้นขลั่ก หนาจนรู้สึกอวบและใหญ่โตไปหมดเหมือนอีกค่ายนึง แต่พละกำลังของมันนั้นผมมั่นใจว่า มันน่าชนะเครื่องเล่นทุกตัวในระดับราคานี้ได้ไม่ยากนัก
และอย่างยิ่งโดยเฉพาะเมื่อนำไปใช้กับซิสเต็มในระดับ entry ไปจนถึง mid-end แล้ว จะเป็นอะไรที่คุ้มค่า คุ้มราคามากๆ กับเสียงที่ได้
หมายเหตุ: เนื้อเสียง uhd3000 ตัวเก่า เบสจะหนาและใหญ่ และทึบกว่านี้ แต่ตัว 5000 จะให้รายละเอียดเสียงดีขึ้นมาในระดับนึงคือเมื่อเทียบกับ alpha คงสู้ไม่ได้ แต่ถ้าเทียบกับเครื่องเล่นในระดับราคานี้ ผมมั่นใจว่ามันไม่แพ้ใครครับ
ถ้าคุณมาจากรุ่นเล็กๆของ Zidoo เช่นพวก z1000,หรือเครื่องเล่นไฟล์ยุคเก่าๆ ผมก็ต้องบอกว่า คุณภาพเสียงนั้นเทียบกันไม่ได้เลย มันต่างกันราวฟ้ากับเหว
โลกของ HT นั้นไม่เหมือนกับ 2ch ที่ 2ch บางทีของเก่าๆบางตัวเสียงดีกว่าของใหม่ๆราคาแพงๆ แต่ของ HT นั้นของเก่าๆแพงๆ บางมทีสู้ของรุ่นใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆไม่ได้

8. การฟังเพลง :
ตอนแรกผมนึกว่า zidoo จะตัดฟังชั่นฟังเพลงทิ้ง แต่ผมพอลองไล่เปิดแล้วผมก็ต้องตกใจเพราะมันมาครบเลย และฟังชั่นการฟังเพลงทั้งหมด มันก็คือฟังชั่นเดียวกับที่อยู่ใน neo s, neo alpha และมันคือตัวเดียวกับที่อยู่ใน eversolo DMC-A6 ที่ชาว 2 ch เขาตื่นเต้นกันมากว่ามันเสียงดี ซึ่งจริงๆแล้วฟังชั่นการทำงานมันยกมาจาก zidoo neo s ทั้งหมด จะต่างกันก็แค่ DAC และอุปกรณ์ภายในที่ eversolo พยายามปรับแต่งให้เข้ากับการฟังเพลงมากขึ้น (ซึ่งหลังจากที่ zidoo ทดลองใส่ฟังชั่นฟังเพลงลงใน zidoo neo series มาเกือบปี จนมั่นใจว่าเจ๋งพอ ก็แยกร่างสร้างแบรนด์ใหม่ออกมาเป็น Eversolo ครับ)
ในส่วนของฟังชั่นสตรีมมิ่งที่รองรับนั้นประกอบไปด้วย
- roon ready : รองรับ แต่จะใช้ไลเซนต์เดิมของ uhd3000 ดูจากรูปในคอมเม้น
- tidal connect : รองรับ
- spotify connect : รองรับ
RoonReady
Tidal Connect

Spotify Connect

พูดง่ายๆคือฟังชั่นการฟังเพลง streaming นั้นมาครบหมดเลย จะรอแค่ zidoo ส่งเครื่องไปขอไลเซนต์ uhd3000 ให้เป็น roonready ตรงรุ่นแค่นั้นเอง แต่ถึงเขาไม่ส่งไป มันก็ยังใช้งานได้ในชื่อของ uhd3000 (ซึ่งเป็นชื่อที่โชว์ใน roon endpoint)
ในส่วนของเสียงนั้นหากคุณใช้งานเป็น streamer อย่างเดียว โดยส่งข้อมูลออกไปเป็น digital ด้วยสาย coax ไปเข้า preamp, dac ข้างนอก ผมบอกได้เลยว่า มันทำงานไม่ต่างจาก eversolo และมันทำงานเนียบกริบๆๆๆๆๆ และสมูธสุดๆ
แต่ถ้าคุณเลือกให้มันถอดและแปลง DAC ในตัวของเครื่อง อันนี้ละครับที่มันจะด้อยกว่า Neo Alpha และ Eversolo A6 อย่างเห้นได้ชัด ทั้งรายละเอียด และความเปิดโปร่งที่มันสู้ไม่ได้

9. ภาพ :
ในส่วนของภาพนั้น ทุกอย่างเป็นมาตรฐานตามปกติที่ zidoo รองรับทุกประการ สามารถ mapping HDR to SDR ได้สำหรับใครที่จอไม่รองรับ HDR และโทนภาพนั้นจะกลางๆไม่ดำปื๊ด เอ้ยไม่เข้มข้นเหมือนค่ายนึง และก็ไม่ได้ใสกระจ่างเหมือนอีกค่ายนึง เรียกว่าอยู่กลางๆ ไม่ได้แย่ และก็ไม่ได้มีอะไรให้ติ
10. การรองรับ hard disk
สามารถรองรับ external hdd ได้ทุกรูปแบบ และรองรับ internal hdd มากๆได้ สุงสุดเท่าไรเราไม่แน่ใจ แต่เราลองใช้ 16 TB ก็ใช้งานได้ปกติ

----------------------------------------------------------------
สิ่งที่ปรับปรุงดีขึ้นจาก uhd3000
1. การเปิดเล่นไฟล์ทำได้เร็วมากๆ
2. การควบคุม navigate เมนูต่างๆทำได้ลื่นมือขึ้นไปอีก จากเดิมที่ลื่นอยู่แล้ว ซึ่งเป็นจุดเด่นตั้งแต่ไหนแต่ไรของ zidoo
3. คุณภาพเสียง ที่พัฒนาขึ้นมาจากรุ่น 3000 ในแง่รายละเอียดที่เปิดขึ้นและกระจ่างขึ้นอีกหน่อย
4. Remote control ดีขึ้นมากๆๆๆๆๆ และทำให้ผมอยกากขอซื้อ remote ตัวนี้มาใช้กับ neo alpha จริงๆ (มันใช้แทนกันได้ทั้งสองรุ่น) อ้อ มันใช้ถ่าน aaa 3 ก้อน
----------------------------------------------------------------
สิ่งที่แย่ลงจาก uhd3000
1. การเปิดเครื่องครั้งแรก และการ restart ความรู้สึกผมว่า มันทำได้ช้ากว่าเดิมนิดหน่อย และช้ากว่า neo alpha
ข้อสังเกต / ข้อปรับปรุง
1. แนวเสียง ดุเดือด ดุดัน มีพลัง เบสเยอะ เบสหนัก อาจจะเหมาะสำหรับคนดูหนังที่ชอบแนวนี้ แต่อาจไม่ถูกใจสายที่ชอบฟังแก้วเสียงใสๆ เนียนๆนุ่มๆ แต่อย่างไรก็ตามตัวใหม่ก็ปรับปรุงลดเนื้อและความถี่ต่ำลงนิดหน่อยแล้วจึงทำให้เนื้อเสียงใสขึ้นนิดนึง แต่มันก็ดุดันและดูหนังเร้าใจอยู่ดี สายฟรุ้งฟริ้งอาจจะไม่ปลื้ม ซึ่งก็ไม่ใช่ข้อกังวลอะไร เพราะสายนี้เขาจะมีเครื่องแบรนด์อื่นที่เขาชื่นชอบกันอยู่แล้ว เรียกว่าเด่นกันคนละทาง
2. android สามารถโหลดแอปได้ แต่การทำงานมันอาจจะไม่ได้ลื่นไหลเหมือน android box แท้ๆแบบพวก nvidia shield แต่ก็ทำงานได้ แต่ไม่ได้การันตีว่าทำงานได้หมดทุกโปรแกรม โดยเฉพาะ netflix ที่มันไม่ได้ถูกออกแบบไว้ให้เป็น streamer ดูหนัง netflix
3. ตัวเครื่องจะไม่รองรับการอัพเกรดหน่วยความจำ ssd , m.2 nvme ภายในตัวเครื่องเหมือน alpha series หรือ eversolo ครับ
----------------------------------------------------------------