Review Stormaudio PA8 Ultra MK3
ในสายผลิตภัณฑ์ของ StormAudio ที่เป็น Power Amp นั้นมีอยู่ด้วยกันสองรุ่น ได้แก่ PA8 Ultra MK3 และ PA16 MK3
ทั้งสองรุ่นใช้ส่วนประกอบ อุปกรณ์ภายในและโมดูลเหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่รุ่นที่เป็น PA8 Ultra MK3 นั้นจะรองรับ 8 ch ที่ 200 วัตต์ และรองรับการบริดจ์ได้ที่ 800 watt x 4 ch (ที่ 8 ohm)
ในขณะที่ PA16 MK3 นั้นจะรองรับ 200 watt x 16 ch (ที่ 8 ohm) ทุกอย่างเหมือนกันหมด ต่างกันแค่สเปกที่ตัว PA8 รองรับโหลดตอนขับลำโพงครบทุกแชนแนลตอนที่ impedance ลงที่ 4 โอมพร้อมกันได้กำลังมากกว่า
ตัว PA8 Ultra MK3 นั้นเราคิดว่าพอเพียงกับนักเล่นทั่วไปที่ต้องการมองหาความยืดหยุ่นในระบบ Multi CH มากพอแล้ว และหากไม่ต้องการอะไรที่มันเป็น ตัวเดียวจบ จริงๆ ตัว PA8 Ultra MK3 นั้นจะรองรับอนาคตและมีกำลังสำรองที่มากกว่า อันเนื่องมาจากการบริดจ์ได้นั่นเอง

Un-box
ตัวแอมป์มาพร้อมกับกล่องสองชั้น รูปทรงเรียบๆ มีแถมคู่มือ สายไฟ และแร๊ค install มาให้สำหรับวางบนแร๊ค หลังเครื่องรองรับ XLR และมีช่องเสียบ lan สำหรับเข้าเว็บ service ผ่าน IP ได้ด้วย (ใช้สำหรับอัพเดท FW)
ตัวแอมป์ใช้เทคโนโลยี UREC technology-based power supplies ซึ่งให้ high-efficiency, high-dynamic range , very low distortion.
ซึ่งตัวแอมป์ออกแบบมาแบบมาเป็น Class D ซึ่งหลังจากแกะออกมาต่อฟัง
ด้วยความที่ไม่เคยฟังและไม่รู้จัก power amp จากค่าย Storm audio มาก่อน (คุ้นชินแต่กับ Pre-Processor) ทำให้เราไม่คาดหวัง และพอไม่คาดหวังก็เลยตกใจกับแนวเสียง เพราะสิ่งที่สัมผัสได้นั้นคือ Detail, Dynamic และความสะอาด กระชับ แรงปะทะที่รุนแรง จนรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้แอมป์คลาส D สมัยใหม่มันไม่เหลือคราบและร่องรอยของแอมป์ที่รายละเอียดทึบๆ หนาๆ อิ่มๆ ใหญ่ๆ รายละเอียดมนๆ แรงปะทะน่วมๆเหมือนต่อยแล้วใส่นวมอยู่ตลอดเวลา และเสียงไม่เปิดแบบแต่ก่อนอีกแล้ว
ซึ่งจากรีวิวต่างๆของเมือวนอกก็พูดตรงกัน เช่น review จาก Stereonet ที่ว่า แอมป์คลาส D ที่เขาเคยเจอคือเสียงสุภาพ ไดนามิคน้อยๆ เสียงใหญ่ๆ แต่ไม่ใช่กับ Storm PA8
คือลืมไปได้เลยว่าแอมป์ Class D เสียงทึบๆแบบที่เราเคยได้ฟังในอดีต และยิ่งฟังยิ่งน่าเป็นห่วงว่าอนาคตนั้นแอมป์ traditional แบบดั้งเดิมที่แสนจะหนัก ต้องใช้ 2-3 คนยก หม้อแปลงแบบเดิมร้อนๆ ใหญ่ๆ นั้นอนาคตจะยืนหยัดอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน ไม่แน่อาจจะเหลือไว้เป็นของคลาสสิคในหมู่คนเล่น เฉกเช่น ไวนิล หรือทิ้งไว้เป็นอดีตจางๆเหมือนฟิล์มถ่ายรูปที่ยังมีกลุ่มเล็กๆเล่น สะสม และครอบครองกันอยู่บ้างในบางโอกาศ เหมือนที่หลายๆบริษัทเครื่องเสียงหลายที่ ที่กำลังสลัดภาพเก่าๆเดิมๆ และหันหัวเรือมุ่งหน้าไปทางดิจิตอลและ Class D เต็มตัว (เช่น Trinnov, NAD)
ต่อฟังในระบบ

--------------------------------------
เราได้ทดสอบโดยต่อเข้ากับระบบสองชุดคือ ชุด Home Theater และ 2 ch ซึ่งประกอบไปด้วย
Home Theater
Klipsch THX Ultra2
Storm audio ISP24 MK3
Storm audio PA8 Ultra MK3
Aurea 18 x4
Emotiva XPA6 Gen3
Emotiva XPA7 Gen3
Clef Puresine 1200
Zidoo Neo Alpha
Epson LS12000, จอ Transaonic vision 140" (2.35:1) แบบรู
--------------------------------------
2 CH
Klipschorn AK6
Esoteric N-05XD
Moon 350P Neo
Primare NP5 Prisma MK 2
Primare A35.2
Gryphon Diablo300
--------------------------------------

Listen
เริ่มจากการฟังในหน้าที่หลักของมันนั่นคือต่อในระบบ HT ซึ่งในการต่อแบบปกติจะให้กำลังขับ 200 watt แต่ถ้าต่อแบบ bridge จะให้กำลังกลายเป็น 800 วัตต์ที่เรียกว่ามหาศาล ทะลักทะลายมากๆ
จากการสลับฟังกับแอมป์เดิมที่เคยใช้มาสักปีนึงได้ ก็พบว่าแนวเสียงของ Storm PA8 Ultra MK3 นั้นให้แนวเสียงที่เปิด และรายละเอียดเยอะแบบพรั่งพรู มากๆ เรียกว่าเป็นแอมป์ตัวนึงที่ตั้งแต่ฟังแอมป์ดูหนังมา ยังไม่เคยได้ยินแอมป์ตัวไหนให้ detail ได้ชัด ละเอียดขนาดนี้ ซึ่งย่านกลางแหลมนี่จัดเป็น hi-light หรือ main course เลย เพราะเนื้อเสียงสะอาดมากกก ชัดใส เนื้อเสียงของคนพูด special effect ถูกปลดปล่อยออกมา ชัด clear และแยกแยะรายละเอียดที่เวลาเราเปิดดังๆมันมักจะไปมั่วและขมุกขมัวรวมกับย่านกลางต่ำ แต่สำหรับตัวนี้ไม่ว่าจะเปิดดังแค่ไหนในระดับที่หูเรายังฟังได้ มันก็ให้ความชัด clear สะอาด อยู่เสมอ ไม่มีคำว่าหนวกหู หรือฟังแล้วมั่วๆให้ได้สัมผัสแม้แต่นิดเดียวจริงๆ
ไฮไลท์อีกส่วนที่จะไม่พูดไม่ได้ก็คือ ในส่วนของไดนามิค หรือแรงฟาดแบบฉับพลัน ซึ่งตอบสนองทั้งเบส กลาง แหลม นั้นทำงานได้ดีกว่าเดิมในแบบไม่ต้องจับผิด แรงฟาด แรงปะทะ หวดแบบไม่ยั้ง หนักแน่น สะใจ ลูกเบสที่เคยฟาดในสเกลแรงระดับ 8 ตอนนี้ฟาดมาระดับ 9 อาจจะเป็นเพราะอาณิสงค์ของความสะอาดในย่านกลางแหลม ทำให้ได้ไดนามิคของเสียงมันเร็ว กระชับ ฉับไว และเก็บเนื้อเก็บตัว ฟาดแรง และไม่มีคำว่าติดปลายนวม อุ้ยอ้ายออกมาให้เสียอารมณ์

ในส่วนของย่านกลางต่ำต้องบอกว่า เบสเป็นเบสที่ลูกกำลังดี ไม่ใหญ่เบิ้ม บวมอิ่มน้ำ จนแฉะและขึ้นไปกวนกลางแหลม ซึ่งผลลัพธ์คือฟังแล้วรู้สึกถึงความอิ่มฉ่ำ หนาใหญ่เกินจริง และรู้สึกอึดอัด แต่รายละเอียดถูก blend หายไปบ้าง แต่เนื้อเบสของ PA16 และ PA8 ต้องบอกว่ามาจริง จบจริง มาแล้วเก็บตัว ฟาดแล้วหยุด แต่ฟาดแรง ทำให้เนื้อเบสที่เคยอุ้ยอ้ายในคนที่เคยใช้ power ในราคาระดับแสน +- ที่เนื้อเยอะๆแล้วอาจจะรู้สึกว่าเบสน้อยกว่าเดิม แต่ฟังแล้วคุณจะกลับไปฟัง power เบสย้วยๆแบบเดิมไม่ได้อีกจริงๆ เพราะเบสที่ได้มันสะอาด คม กระชับ และแสดงตัวตน รายละเอียด และ layer และตำแหน่งต่างๆของเสียงได้ชัด clear ว่าเดิมประหนึ่งเสียงเกิดขึ้นรอบๆตัวเรา จะขาดก็แค่เอามือไปคว้าไว้จริงๆไม่ได้แค่นั้นเอง
ในการทดสอบด้วยหนังหลายเรื่องทั้ง Man of steel ที่จัดเป็นหนึ่งในหนังที่เป็น king of dynamic ของวงการภาพยนตร์ แรงฟาด แรงกระแทกในฉากที่ Superman สู้กับเหล่าสามผู้บุกรุกกลางเมืองต้องบอกว่าเป็นการดูหนังที่ประทับใจสุดๆ สามารถเร่งเสียงดังขึ้นไปอีกได้เรื่อยๆจนลืมไปว่าไม่เคยเปิดดังขนาดนี้มาก่อน เพราะเสียงที่ได้กระแทก สะอาด ชัด และฟัง clear แบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
อีกแทร๊คนึงก็คือ Fantastic Beast ภาคแรกที่ถูกตัดมาเป็นฉาก Sound Check ที่โด่งดัง สังเกตว่าของเดิมรายละเอียดก็ดูจะชัดอยู่แล้ว เบสก็มี แรงปะทะก็มี แต่บางฉากถ้าสังเกตดีๆเช่นฉากที่ตัวร้ายกลายร่างตรงทางรถไฟใต้ดินแล้วมีเสียง ยุบยิบๆๆๆๆ การฟังด้วย Storm Pa8 Mk3 นั้นให้รายละเอียดของเสียง
เอฟเฟคจุ๊กจิ๊กๆตรงนี้ชัดและเหมือนมันมาถึงเนื้อถึงตัวเหมือนเราเอาเก้าอี้ไปนั่งดูมันสู้กัน และอีกฉากก็คือฉากที่ปล่อยคลื่นพลังขึ้นฟ้าแล้วปล่อยลงมา จากเดิมที่เสียงกระแทกมันอั้นๆ เพราะเซ็ทเบสไว้ไม่มาก เพราะเดิมฟังแล้วพอเบสมากก็เริ่มกวนกลางแหลม พอน้อยก็ฟังสบายดี แค่เบสโหดน้อยไปนิด ตอนนี้แรงกระแทกระเบิดฉากนี้ มันตึ้มมาเต็ม แรงแบบที่มันควรจะเป็น โดยไม่ตึ้มแล้วเบลอ บรือๆๆๆ หรือบึ้มแล้วอั้นๆ แต่ตึ้มแล้วหยุด ทำให้รายละเอียดต่างๆ ทั้งเสียงเศษหิน เสียงนู้นนี่ที่เราไม่เคยได้ยินได้ยินชัดขึ้นไปอีก

ซึ่งสรุปว่าในการฟัง HT นั้น จุดเด่นของ PA8 MK3 นั้นคงจะเป็นรายละเอียด ความสะอาด และอีกเรื่องนึงก็คือไดนามิคที่กระแทกและเก็บตัวสะอาด ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลของ detail ที่พรั่งพรูและการฟังแล้วลื่นหูนั้นมันคงเป็นผลพวงมาจากความสะอาดในทุกย่านๆ ทั้ง เบส กลาง แหลม จึงทำให้ฟังดี ไม่มีอะไรมากวน ซึ่งในแอมป์อื่นๆ อาเจจะได้อย่างเสียอย่าง เช่น รายละเอียดดี กลางแหลมเด็ด สะอาด แต่กลางต่ำเยอะ และยิ่งในแอมป์ระดับกลางๆในราคาระดับแสน +- ยิ่งต้องเลือกว่าจะไปทางไหน เช่น จะเด่นด้านกลางแหลมดุดัน แต่เปิดดังแล้วรู้สึก agressive หรือจะไปทางกลางต่ำหนา ลื่นหู แต่ขึ้นมากวนทำให้รับรู้ว่ารายละเอียดด้อยลงไปอย่างชัดเจน
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ Pa8 MK3 สามารถตอบโจทย์ได้หมดสิ้น โดยเฉพาะเรื่องของความชัด และ detail ที่เราอาจจะไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเราจะดูหนังด้วยเสียงที่ชัดได้สุดในระดับไหน แต่ที่แน่ๆ นี่เป็น power ที่ดัน detail และความสะอาดของเสียงได้มากที่สุดเท่าที่ผมเคยลองเล่นมาแล้วครับ

ในระบบ 2 ch
ผมลองยกมาต่อฟังเล่นๆกับลำโพง Klipschorn ถามว่าเอามาต่อทำไมให้มันผิดวัตถุประสงค์ เพราะปกติที่ผ่านมาเวลาเอาแอมป์ HT หรือ Multi CH Amp มาต่อในระบบฟังเพลงนั้นเราจะฟังออกว่ามันจะมีเสียงที่มันสากหู หรือเสียงซิบที่ปลายเสียง มันจะซิบๆ แซกๆเป็นแหลมที่เป็นเอกลักษณ์ของแอมป์ดูหนังที่เน้นรายละเอียดในการดูหนัง แต่ไม่เน้นฟังเพลง ที่มันฟังแล้วแถมมาทำให้มันสากหู ไม่สะอาด ซึ่งฟังออกง่ายครับว่าตอนนี้เอาแอมป์ดูหนังหรือฟังเพลงมาเปิดอยู่

แต่สาเหตุที่ผมเอามาเปิดก็เพราะ มันบังเอิญว่าก่อนหน้านี้ลูกค้าที่เคยสั่ง Storm PA16 MK3 นั้นเคยวานให้ลองเทสก่อนที่จะส่งของไปให้ (เนื่องจากลูกค้ายังไม่ได้แกะติดตั้งเพราะรอติดลำโพง)
ผมเลยจำต้องแกะมาต่อเทสว่าเปิดติด และเสียงออก แต่จะรื้อระบบแล้วไปต่อในระบบ HT มันก็กระไรอยู่ หลักการของผมอาจจะไม่เหมือนคนอื่นที่ชอบรื้อ ชอบแกะมาทำความสะอาดบ่อยๆแล้วบอกว่าทำให้เสียงดี แต่ผมมีหลักว่า ถ้าของมันใช้งานได้ดีอยู่แล้ว อย่าไปยุ่งกับมัน ยิ่งโดยเฉพาะระบบที่เส้นสายเยอะๆ 16-24 ch ขึ้นไป พยายามอย่าไปรื้อ หรือให้ใครไปทำอะไรกับมัน เกิดพลาดเหยียบสายแล้วมันตึง ดึงเครื่องลงมา หรือรั้งขั้วลำโพงแตกชำรุด มันไม่ใช่เรื่องที่จะไปเสี่ยงตรงนั้นครับ
ดังนั้นผมจึงต่อเข้าระบบ 2 CH เพื่อเทส เพราะมันง่ายกว่าเยอะ และไม่เสี่ยงอะไรเลย ผลลัพธ์คือ ถ้าเอาผ้ามาคลุมปิดไว้ ผมว่าบอกไม่ได้ว่าตอนนี้เราเอาแอมป์ดูหนังใส่ในระบบอยู่ด้วยซ้ำ และเผลอๆเสียงเสือกดีกว่าแอมป์ฟังเพลงตัวที่ผมมีอยู่ที่ราคาแพงกว่าแอมป์ตัวนี้เสียอีก (อันนี้ความชอบส่วนตัว)
เพราะเนื้อเสียงที่เคยเทสในระบบ HT แล้วมันเด่นนั้นคือกลางแหลม สะอาด
มันก็มาอยู่ในระบบ 2 CH แบบครบถ้วนเลย จุดที่ทำให้ฟังไม่ออกว่ามันเป็นแอมป์ HT ก็คือกลางแหลมที่มันสะอาดนี่ละครับ มันเนียน ลื่น แต่ไม่สากหู
ซึ่งจุดเด่นของลำโพง klipschorn นั้นต้องบอกว่ามันเป็นหนึ่งใน king of detail ที่หาตัวจับยากตัวนึงของโลกในช่วงระดับราคานี้ (จุดเด่นของ Horn คือความชัด พอมันชัดมันก็สมจริง พอสมจริงมันก็ live เหมือนไปยืนฟังหน้าเวที ไม่ใช่ไปนั่งฟังในห้องอัดที่มันแฟลท) และพอมันได้จุดเด่นในย่านกลางแหลมของ PA8 เข้าไปอีก เหมือนยิ่งดับเบิ้ลพลังและความชัด ความสะอาด ทำให้ได้ฟัง Klipschorn ใน เวอร์ชั่นที่จับกับแอมป์ solid ที่ไม่เคยได้ยินมันชัดและสะอาดแบบนี้มาก่อนนับตั้งแต่ได้มันมา
ยิ่งโดยเฉพาะตอนคุณเปิด เพลง Everything ของ Misia อัลบั้ม Misia Soul Jazz Best 2020 แล้วคุณจะเพลิดเพลินและรู้สึกว่าเนื้อเสียงเธอชัดมาก เหมือน Misia มาร้องตรงหน้าตรงห้องคุณแบบตั้งอกตั้งใจ ร้องแบบสุดเสียงปานจะขาดใจจนแทบจะจินตนาการเห็นเธออ้าปากและลากเสียงสูงยาวแบบไม่มีผ่อน (จะขาดก็แค่เอามือไปจับไม่ได้) และยิ่งถึงท่อนที่แซคโซโฟนคลอขึ้นมาด้วยนะ คุณเอ้ย จะน้ำตาไหล และหลังจากฟังไปสักพักจนชินหูแล้วต้องไปล้างหูสักพัก เพราะตอนนี้พอไปฟังซิสเต็มไหนที่ว่ารายละเอียดดีๆ ก็ฟังกลายเป็นไม่ชัดไปหมดละครับ
ฟังแว้บเดียว ก็ตกใจ ร้องหูวๆๆๆๆ เพราะเนื้อเสียงกลางแหลม โดยเฉพาะแก้วเสียงของเสียงร้องของเพลง vocal ในแทร๊คต่างๆบน Roon ที่สร้างไว้บน playlist ที่เอาไว้เปิดเทส สะอาด ลื่นไหล ชัดแบบเหมือนนักร้องและทีมงานเขยิบเวทีมาร้องใกล้ๆ แล้วตั้งใจร้อง เสียงชัดถ้อยชัดคำ โอบล้อม เวทีเสียงกว้างใหญ่โต และยังให้บรรยากาสติดปลายนวมพวกเสียงสูดลมหายใจ เสียงลมหายใจต่างๆตอนช่วงรอยต่อระหว่างท่อนของนักร้องที่กำลังจะเริ่มร้อง และตอนที่จบท่อนถูกขับดันออกมาให้ได้ยิน ซึ่งก็จะแอบมีเสียงซิบๆหรือติดแข๊งบ้างในบางจังหวะสำหรับบางเพลงที่บันทึกมาไม่ค่อยดี และตอนที่ตำแหน่งลำโพงยังไม่ลงตัว พอให้รู้นิดๆว่าตอนนี้เราฟังแอมป์ดูหนังอยู่นะ
และก็อาจจะเสียนิดนึงในช่วงย่านเบสที่มันกระชับเก็บตัว ไม่ผ่อนคลาย และฟังแล้วรู้ว่าเป็นแอมป์ดูหนังไปนิด

แต่เพิ่มเติมที่เด่นกว่าแอมป์ 2 ch ก็พวกพวกท่อนที่ดนตรีโหม (dynamic) สามารถทำได้ดี สะอาดและแยกแยะได้ดี ไม่มั่ว ได้เป็นอย่างดี ซึ่งมันเหมาะที่จะนำไปใช้พวกเพลงพวก classic มากๆเลยทีเดียว เพระาไม่ว่าจะเร่งดังยังไง เสียงก็แยกแยะรายละเอียดได้สะอาดอยู่เสมอ และโหมได้อย่างมีจังหวะ และรุนแรงน่าฟัง ไม่ยานครางหรือเริ่มกลบรายละเอียดครับ (เปิดทดสอบด้วยเพลง Kanade version Oreno Request - Juju)
เพราะปกติแล้วส่วนใหญ่เบสของ power amp 2 ch ส่วนใหญ่จะให้ความนุ่มนวล ย้วยและเก้บตัวช้านิดๆ แต่ถ้าใครฟังเพลงที่มีจังหวะและชอบสไตล์นี้ต้องบอกว่ามันฟังดีนะครับ
ฟังไปแปปเดียวก็จดจำบรรยากาศนั้นไว้แล้วเก็บเครื่อง (จริงๆจะส่งลูกค้า 10 โมง แต่ฟังไปสองชั่วโมง จนต้องไปส่งสายตอนเที่ยง)
วันนั้นก็เลยตัดสินใจเลยว่า สั่งมาเลยหนึ่งตัว ยิ่งพอรู้ว่า Storm จะขึ้นราคาอีกครั้งในช่วงต้นปี 2023 ก็เลยยิ่งไม่ลังเล เพราะอะไรเล่าจะดีไปกว่าการครอบครองอุปกรณ์ดีๆ power, pre-processor ที่ถูกใจ
วันนี้จึงได้มานั่งนำเจ้า PA8 MK3 มาลองเล่น ผลลัพธ์ก็คือเสียงที่ได้มีความเหมือนกับตัว PA16 (ซึ่งผมก็เสียวๆเหมือนกันว่า บางทีเราลองรุ่นนึง แล้วสั่งรุ่นนึง แต่ปรากฏว่าเสียงตัวที่เราซื้ออีกรุ่นเสียงดันไม่เหมือนกับรุ่นที่เราฟัง ซึ่งเคยโดนมาแล้วใน preamp 2 ch รุ่นเก่าที่ชอบเสียงมันมาก เลยเข้าใจว่ารุ่นใหม่มันต้องเสียงดีขึ้นเยอะสิว่ะ ก็เลยสั่งรุ่นใหม่ ปรากฏว่ารุ่นใหม่เสียงไปอีกโทนนึง)

สรุป
ผลลัพธ์ในการลอง PA8 MK3 ในระบบ 2 ch นั้น ถ้าให้แนะนำและเขียนลงในนี้ก็คือ ไม่แนะนำให้เล่นในระบบ 2 ch ไปหาแอมป์ฟังเพลงจริงๆมาเล่นดีกว่า แม้ว่ามันจะเสียงดีกว่าแอมป์ 2 ch จริงๆบางตัวเสียอีก แต่มันไม่ใช่วัตถุประสงค์ที่มันถูกผลิตออกมา แต่ในใจส่วนตัวก็คิดว่า ช่างแม่มมันสิ (ว่ะ) ถ้าเสียงมันชอบ ถูกใจ ใครจะทำไม ซึ่งเราเขียนไม่ได้นะครับ (ฮา)
ก็ถ้าซิสเต็มใครรู้สึกว่าเสียงอึดอัด ทึบ ต้องการรายละเอียด ความสะอาด และอยากลองหาแอมป์ที่เล่นในระบบ HT ก็ดี และสลับมาใช้ฟังเล่นในระบบ 2 ch บ้างครั้งคราวก็บอกว่าจะไม่ผิดหวังครับ
จุดเด่น
1. ดูหนังดีมาก อันดับต้นๆของ power amp ที่เคยฟังมาทั้งหมด
2. ฟังเพลงเกือบจะได้ ด้วยกลางแหลม ความสะอาด รายละเอียด และความเป็นดนตรีที่ไม่เคยฟังมาก่อนในแอมป์ดูหนังตัวอื่นๆ
3. น้ำหนักไม่หนักมาก สามารถยกได้ และไม่ร้อน (ใช้ทั้งวันในห้องไม่เปิดแอร์ ไปจับหลังเครื่องไม่ร้อน) ตัวเครื่องมีระบบตัดและ protect ที่ 60 องศา และตัวเครื่องยังเช็คตัวเองสารพัด เช่น เช็คกำลังแรงดันไฟ เกินหรือไม่พอ เช็คว่าพัดลมเสียมั๊ย เช็คว่าร้อนเกินมั๊ย พร้อมบอก status ทุกขณะใช้งาน
ข้อเสีย
1. Design ที่ดูทื่อๆๆ ไม่สะดุดตา ตั้งมองดูไกลๆอาจไม่โดดเด่นพอให้แขกเดินไปใครมาทักทายว่า เฮ้ นี่แอมป์อะไรนะ
2. หากเป็นพวกเน้นปริมาณเบสแบบเยอะมากๆๆๆจริงๆ เบสที่ได้อาจจะไม่มีปริมาณมากอย่างใจหวัง

คะแนนรีวิวจาก avforums แม้ว่าคะแนนจะเป็นยังไง แต่ sound quality ยังไงก็เต็ม 10/10 อย่างไม่ต้องมีข้อสงสัย
สรุปสุดท้าย / แอมป์ตัวนี้เหมาะกับใคร
ปกติตอนที่ได้ทดสอบแอมป์หรืออุปกรณ์ดีๆที่ถูกใจ แล้วมันมีข้อดีสัก 40-70% ผมก็หูตาลุก และอยากซื้อเก็บแล้วครับ เพราะอุปกรณ์ทุกชิ้นล้วนมีข้อดีข้อเสีย แม้แต่ของที่ชอบที่สุดในอดีตก็ยังไม่ได้ชอบมากไปเสียทุกด้าน
แต่นี่อาจพูดได้ว่าเป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกที่ถูกใจเกือบ 80% และให้เสียงที่โดดเด่นในทุกด้านแบบที่ผมชอบ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดที่สุดยอด ความสะอาด ไดนามิค และเบสที่เก็บตัวและลูกไม่บวมใหญ่โตเกินจริง แต่จริงจังสมจริง และรายละเอียดดี ซึ่งก็ไม่แปลกใจว่าทำไมผมถึงสั่งแอมป์ราคา 380,000 นี้ไว้ใช้เองโดยได้ฟังแค่แปปเดียว และตัดสินใจสั่งมาโดยไม่ลังเล ทั้งๆที่ก็มี power amp ในระบบอยู่มากหลายตัวแล้ว
หลักคิดผมมีข้อเดียวคือ ถ้าเราเจอของที่ถูกใจและตามหามานาน ทำไมจะไม่เอาละ เวลาเราเหลืออีกกันไม่มากแล้ว
การที่เรารู้ว่าเราชอบแบบไหน ไม่ชอบแบบไหนนั้นเป็นเรื่องที่โชคดีแค่ไหนแล้ว
แต่หากเราตามหาสิ่งที่เราชอบเจอแล้ว เราคงไม่ปล่อยให้มันหลุดมือ หรือรอมันขึ้นราคา การอยู่รายรอบไปด้วยสิ่งของที่รัก ที่ถูกใจ ผู้คนอันเป็นที่รัก และงานอดิเรกที่ชอบ การไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ มันเป็นสิ่งประเสริฐ และโชคดีที่สุดในชีวิตมนุษย์ที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ที่เราไม่มีวันรู้ว่าเราจะมีเวลาฉลองปีใหม่ และดื่มด่ำกับหน้าหนาวนี้เหลืออีกกี่ปีครับ
ขอให้โชคดีหาทั้งสองสิ่งเจอครับ
ที่แน่ๆ ถ้าคุณหาแอมป์ดูหนังดีๆ ที่ขับลำโพงธรรมดาก็ได้ ขับลำโพงยากๆก็ไว้ และพร้อมกลายร่างเป็นปีศาจร้ายยามที่เรา bridge มันก็ได้ และหาลำโพงที่เด่นทั้งดูหนังฟังเพลง
ผมเชื่อว่า คุณจะไม่ผิดหวังนะครับ...
