Emotiva MC1 - Review
เดิมทีผมไม่ได้ตั้งความคาดหวังอะไรไว้กับ Product ตัวนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะแต่เดิมนั้น MC1 ถูกแนะนำสู่ตลาดเมื่อปลายปี 2021 แต่เนื่องจากสินค้าขายดีมาก ติด back order ยาวเหยียด แม้ Distributer บ้านเราจะสั่งของไป แต่ก็ไม่ได้ของ และไม่มีของส่งจวบจนเวลาผ่านมาร่วม 10 เดือน บ้านเราจึงได้ของในช่วงเวลาที่ผ่านมาผมก็เห็นฝรั่งชื่นชมและเล่นตัวนี้กันค่อนข้างมาก สาเหตุน่าจะเป็นเพราะราคาที่ไม่แพง ฟีเจอร์ที่เยอะกว่าปรีค่ายญี่ปุ่น แต่ด้วยหน้าตาหรือรูปทรงการออกแบบ วัสดุต่างๆที่ผมดูจากรูปแล้วก็ต้องเรียนตรงๆว่า มันดู look cheap มากๆ และด้วยผมเองก็มี Pre-Processor ตัวท๊อปของค่ายอย่าง RMC-1 ที่แพงกว่าร่วม 3-4 เท่าแล้ว ผมจึงไม่ได้ตั้งความหวัง ไม่ได้รอ และไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นใดๆตอนที่ทางผู้นำเข้าแจ้งว่า "ของมาแล้ว" เลยแต่ไหนๆของมาก็ต้องลอง ตอนแรกกลัวว่าจะเสียงไม่ดี เพราะเห็นราคาค่าตัวในระดับราคา 6 หมื่นกว่าบาท ถ้าจ่ายให้ Pre ทั่วๆไปของค่ายญี่ปุ่นเราได้แค่ไหน ผมเชื่อว่านักเล่นก็ทราบกันดี ดังนั้นผมจึงเอามาแค่ตัวเดียว และบอกเขาไปว่า ขอลองก่อน ตัวเครื่องมาในกล่องสองชั้น แพ๊คเกจแน่นหนาปลอดภัยสุด หลังจาก Un-Pack ตัวงานและหน้าตาต้องบอกว่าธรรมด้า ธรรมดามาก ตัวเครื่องบางเฉียบระดับ 7 cm นิดๆ เรียกว่าบางกว่าพวกเครื่องเล่น CD, Bluray เสียอีก และตัวเครื่องก็เบามาก ยกด้วยมือเดียวได้สบาย น้ำหนักตัวอยู่ที่ 4 กิโลกรัมกว่าๆ หน้าจอมี LED บอกสถานะตัวเครื่องที่ปรับ Dim ได้ 11 ระดับ ตั้งแต่มืดสนิทไปจนสว่างสุด และมี Knob สำหรับปรับ Volume โดยแอบใส่ไฟรอบๆตัว Knob ไว้ด้วยSpecification ของ MC1 เป็น Pre-Processor ที่รองรับ 13.2 Channel โดยสามารถต่อได้สูงสุดคือ 9.1.4 หรือ 7.1.6 ตัวช่องต่อให้ HDMI Input 6 ช่อง และ HDMI Output 2 ช่อง รองรับ eARC โดยสามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้ส่งสัญญาณจากช่อง HDMI Output ช่องใด และปิดช่องใดตัวช่องสัญญาณจะให้มาเป็น RCA แต่ในส่วนของ Subwoofer Output จะให้มาทั้งสองแบบคือ RCA และ XLR เผื่อกรณีที่ใช้ลากสายยาวๆไปยัง Subwoofer ที่ตั้งอยู่ในมุมห้องได้ ส่วนตัวช่องสัญญาณอื่นๆจะเป็น RCA เนื่องจากออกแบบให้ใช้ต่อคู่กับ Emotiva BAS X Power Amp ที่ใช้สัญญาณ RCA เช่นกัน
ต่อใช้งาน
หลังจากใช้ความพยายามที่จะปีนไปหลังแร๊คเพื่อต่อสาย RCA เข้ากับ Power Amp และ Emotiva MC1 ใหม่ หลังจากเพิ่งปลดสายจากตัว Onkyo RZ50 ไปหมาดๆ ก็ใช้ระยะเวลาต่อไม่นานนัก ตัวเครื่องก็พร้อมใช้งาน ผมก็เสียบสาย HDMI เข้ากับ input 1, input 2 เอาไว้เพื่อทดสอบการ Switch HDMI ไปมาว่าสามารถทำได้สมูธและเร็วหรือไม่ (ตัวเครื่องของ MC1 มีการให้ฝาปิดช่อง HDMI มาด้วยทุกช่อง ก่อนใช้งานเราจะต้องแกะฝาปิด HDMI ก่อนเริ่มใช้งาน ซึ่งก็แปลกใจไม่ใช่น้อยที่เครื่องราคาประหยัดเช่นนี้ ทำไมถึงใส่ใจในเรื่องพวกนี้)หลังจากกดเปิดเครื่อง ตัว MC1 จะทำการบู๊ทเครื่องและแสดง Version ของ Firmware ที่หน้าจอ LED ว่าเป็นเวอร์ชั่นอะไร การบู๊ทเครื่องใช้เวลาเพียงไม่ถึง 5-6 วินาที ตัว HDMI ก็จะจับสัญญาณที่เราต่อไว้ที่ HDMI1 และแสดงภาพออกมาโดยไม่มีปัญหาใดๆ หลังจากเราลงปรับค่า Speaker ต่างๆ Manual แบบพอให้ใช้งานได้ โดยกดเข้าไปที่เมนู จะแสดง On Screen Menu ขึ้นที่จอภาพ การเซ็ทสามารถทำได้ด้วยมือได้ หรือจะใช้ Auto Room Correction ที่ให้มานั่นคือ Emo-Q โดยจะเป็น Room Correction ของทาง Emotiva เอง แต่ในกล่องจะไม่ให้ไมค์มา เราจะต้องหาไมค์มาใช้เอง ซึ่งแนะนำว่าควรหาไมค์ดีๆหน่อยมาใช้ครับ
System Emotiva MC1Emotiva XPA5 Gen3Klipsch RF-7 IIIKlipsch RP500M IIKef R600CVelodyn Impact10ตัวระบบสามารถ Setup แบบ Manual EQ ได้ในระบบของเครื่องเองหรือจะใช้ Auto ผ่าน Emo-Q ก็ได้ โดยการปรับ EQ จะทำได้ 3 Presets แต่ละ Presets ตั้งค่าได้ดังนี้ - 11 Bands of Full Parametric EQ: Left Front and Right Front. - 11 Bands of Full Parametric EQ: Center Channel. - 7 Bands of Full Parametric EQ: Surround Channels. - 7 Bands of Full Parametric EQ: Top Channels. - 5 Bands of Full Parametric EQ: Subwoofers.และในส่วนของ Crossover สามารถปรับได้ต่ำสุดทีละ 5 Hz เช่น 35, 40, 45, 50 ในส่วนของ Distance สามารถเลือกปรับเป็น Inch, CM ได้โดยปรับในส่วนของมาตราวัดในเมนู Otherการ Update Firmware สามารถทำได้ผ่านทาง USB โดย Save Firmware ลง Flash Drive ที่เป็น Fat32 เสียบที่ด้านหลังเครื่อง ปัจจุบันเท่าที่เช็คยังไม่มีการแก้ไขหรือ Update Firmware ใหม่
ตัว Volume เพิ่มลดได้ทีละ 0.5 และสามารถปรับแต่งให้เพิ่มลดมากกว่านี้ได้เป็น 0.5 เป็น 1 และเป็น 2 การใช้งานเมนูลื่นไหล รวดเร็ว กดติดมือให้ฟีลเหมือนกำลังเซ็ท Pre-Processor ญี่ปุ่น และตอนกดปุ่มเข้า Setup จะไม่มีการหน้าจอดำและตัดหนังหรือ Content ที่กำลังเล่นอยู่เข้าสู่หน้าเมนู Setup เหมือนค่ายญี่ปุ่น แต่หนังทั้งภาพและเสียงจะยังคงเล่นต่อเนื่อง โดยหน้าจอเมนู On Screen จะขึ้นมาซ้อน และสามารถปรับให้โปร่งใสมากหรือน้อยได้Remote control มีการใช้ Remote คนละรุ่นกับรุ่นพี่อย่าง XMC-2, RMC-1 โดยรีโมทของ MC1 จะเป็นพลาสติก แต่ให้มาเป็นแบบ Blacklit มีไฟเมื่อสัมผัสที่ปุ่มใดปุ่มนึง ทำให้ใช้งานในที่มืดได้สะดวกกว่า แต่ข้อเสียของรีโมทคือตัวปุ่มที่ดีไซน์มาค่อนข้างตื้นมาก มองเผินๆเอามือลูบสัมผัสตอนแรกนึกว่าเป็นรีโมทแบบ Touch Screen ด้วยซ้ำ นั่นคือตัวปุ่มมันแทบจะไม่นูนขึ้นมา แต่ราบไปกับตัวรีโมทเลย (ตัวปุ่มมันจะบุ๊มลงไป) ทำให้เวลากดมันกดยากกว่ารีโมทที่มีปุ่มนูนๆสูงๆแบบปกติ การกดแบบเร็วๆจะทำได้ยากครับ ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และกดสักพักถึงจะชิน แต่ในเรื่องหน้าตาของรีโมทนั้นต้องถือว่าทำมาค่อนข้างพอใช้ได้ แม้จะไม่ได้หรูหราอะไร แต่ก็ไม่ได้แย่และขนาดถือว่ากำลังดีครับ
ทดสอบ การ Switch HDMI เราทดสอบต่อ Source Xbox Series X และ Laptops ไว้ที่ MC1 ลองทดสอบสลับ HDMI ไปมาระหว่างสอง HDMI Input นี้ ก็พบว่าการจับภาพเสียงนั้นปกติและราบลื่นในระดับพอๆกับ Pre-Processor ค่ายญี่ปุ่น ใช้เวลาในการสวิทซ์ระหว่าง HDMI นึงไปอีก HDMI นึงประมาณ 1-3 วินาที และทุกครั้งไม่มีปัญหา Hand Shake จับ HDMI ไม่ติดแต่อย่างใด ในการใช้งานส่วนนี้ค่อนข้างสมูธและราบลื่นครับในส่วนของการเปลี่ยน Source เปลี่ยนหนัง เปลี่ยน content หรือ Forward, Backward (เลื่อนหน้า, ถอยหลัง) เวลาดูหนังไม่มีปัญหาเสียงไฟช๊อตหรือปัญหาเสียงจี๊ดจ๊าด จิ๊จ๊ะใดๆ สามารถใช้งานได้สมูธดี
ทดสอบเสียงและภาพในช่วงที่ผ่านมาเราใช้วิธีการต่อ HDMI จาก Source ไปเข้า Pre-Processor / AVR โดยตรงและส่งภาพออกมาที่จอ โดยไม่มีการใช้ HDMI แยกภาพแยกเสียง จึงทำให้เราทดสอบคุณภาพของการประมวลผลภาพของ Pre-Processor / AVR ได้ ที่ผ่านมาตัวที่เราพบว่าการประมวลผลภาพทำได้ดีมากนั่นมีอยู่สองตัว คือ Anthem AVM90, Storm Audio ISP ที่ภาพสวยสด กระจ่างตากว่าชาวบ้าน ในขณะเดียวกันภาพของ AVR อย่าง Onkyo Rz50 หรือ AVR อื่นๆที่เราเคยได้ลองพบว่าทำได้ในระดับแค่พอใช้ได้ ตัว MC1 ที่เราได้ทดสอบ พบว่าภาพทำได้ในระดับมาตรฐานอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่า AVR และอยู่ในระดับเดียวกับ Pre-Processor ในระดับราคา 1-2 แสนบาทที่เราเคยลองเช่น Emotiva RMC-1, Emotiva XMC-2ในส่วนของเสียงตรงนี้ต้องบอกว่าค่อนข้างเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจกับผมพอสมควร เพราะก่อนผมจะถอดระบบมาต่อ MC1 ผมใช้ Storm ISP32 MK2 อยู่และคุ้นชินกับเสียงอันนี้มาสักระยะแล้ว ซึ่งในตอนแรกที่ผมเข้าใจว่าเสียงมันน่าจะอวบๆ บวมๆ หรือแห้งๆบางๆ ตามราคา แต่หลังจากที่ได้ลองเปิด Source Netflix, Youtube เปิดหนังและเพลงที่ผมดูประจำก็ค่อนข้างแปลกใจ เพราะเสียงที่ได้ค่อนข้างชัด เปิด กระจ่าง เสียงไม่บาง และเสียงก็ไม่บวมอิ่มน้ำ แต่เสียงค่อนข้างเป็นไปในทาง American Style อย่างแท้จริงคือ ชัด เสียงเปิด แต่ไม่บาดหู เบสคม กระชับ เก็บตัว รวดเร็ว ฟังดี แม้รายละเอียดกลางแหลมจะไม่ได้ไปไกลเหมือนรุ่นพี่อย่าง Emotiva XMC-2, RMC-1 หรือ Storm ขนาดนั้น แต่เมื่อเทียบกับราคาที่เราจ่ายค่าตัวและเพิ่มเงินเพื่อไป Pre-Pro ที่ดีกว่านี้ราวๆ 5-10 เท่า แล้วเสียงที่ได้มันไม่ได้ต่างเท่ากับส่วนต่างราคา แต่สิ่งที่น่าชื่นชมที่สุดสองเรื่องก็คือ ความชัด กระจ่าง Clear ของเสียง ฟังง่ายไม่มีเมฆหมอก ไม่เบลอใหญ่อวบจนทำลายคุณภาพของรายละเอียดและเบส / ความถี่ต่ำ เพราะเป็นที่รู้กันว่า Pre-Pro ในระดับราคาเดียวกันของฝั่งญี่ปุ่นนั้น จุดอ่อนมักจะเป็นเรื่องความถี่ต่ำ ที่เบสจะไปในทางประนีประนอม ลูกใหญ่ๆ แต่เนื้อในโปร่งๆ จะหนักก็ไม่หนักเหมือน Pre ฝรั่ง จะฟังสบายมันก็ไม่ได้รู้สึกว่านุ่มนวลเหมือน Pre ที่เด่นในเรื่องความเป็นดนตรี
สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนมากๆว่าทำได้ดีและก้าวกระโดดจาก AVR ไปมากๆ ก็คือ การแยกแยะรายละเอียด ความชัด Clear ของเสียง เพราะ AVR นั้นแม้จะเซ็ทดีแค่ไหนก็ตามก็ยังมีจุดอ่อนที่การแยกแยะรายละเอียด ยังมีม่านหมอกบางอย่างที่มาปกคลุมและเรารู้สึกว่าเสียงมันไม่ Crystal Clear และยิ่งเมื่อห้องเราเปิดดังๆได้ เราจะรู้สึกว่า เสียงมันไม่เด็ดขาด ฟังดูตีกัน และดูเจี๊ยวจ๊าว แม้เราจะใช้ Power Amp มาต่อพ่วงแล้วก็ตาม
เมื่อเทียบกับการใช้ภาคปรีที่เป็น Pre-Processor จริงๆ จุดนี้ Pre จะได้เปรียบมากกว่าในเรื่องความสะอาด ความชัด Clear ความจะแจ้งที่ยังไง Pre ย่อมให้คุณภาพสูงกว่าครับ (ยิ่งโดยเฉพาะคุณเปิดดัง จะชัดเจนมากๆว่ามันแตกต่าง)
Emotiva MC1 นั้นหลายๆท่านอาจจะคิดโดดเด่นในเรื่องการดูหนัง และความเด็ดขาดจะแจ้ง แต่จริงๆแล้วในรุ่นนี้ผมเปิดเพลงหลายๆเพลงที่เปิดบ่อยๆ ผมว่าเป็นรุ่นที่ให้ความเป็นดนตรีได้ดีมากทีเดียว แต่เราคงไม่เอาไปเทียบกับ Pre-Processor ราคาหลายๆแสน เพราะดูจะไม่แฟร์เท่าไร่
แต่ถ้าฟังเผินๆ ฟังเพลินๆ โดยไม่บอกให้รู้ว่าตอนนี้เรากำลังฟังอะไรอยู่ ผมว่าบรรยากาศและรายละเอียดในการฟังเพลงผ่านทาง Youtube นั้นทำได้ดีแทบจะใกล้เคียงกับ Pre-Processor ราคาสูงกว่าด้วย
ในส่วนของการดูภาพยนตร์ เปิดหนังที่เราดูประจำ การแยกแยะรายละเอียดทำได้ดีตามราคา ความหนักแน่นทำได้ดีสไตล์ American แต่น้ำหนักเสียง และแรงกระแทกอาจจะเป็นรอง Pre รุ่นพี่อย่าง RMC-1, Storm ที่โดดเด่นในเรื่องนี้อย่างมาก แต่ถ้าเทียบกับ Pre-Processor ญี่ปุ่นแล้วก็ต้องบอกว่าน่าประทับใจ และทิ้งกันเป็นทุ่ง
เมื่อเทียบราคาค่าตัว 6 หมื่นกว่าบาท เราอาจจะได้ Pre-Processor 11 channel ค่ายญี่ปุนรุ่นใหม่สักตัว ที่น้ำเสียงฟังง่าย ฟังสบาย เบสนุ่มๆ
ในขณะที่ Emotiva MC1 เป็น Pre-Processor Entry Level ของเขาที่เสนอทางเลือกใหม่ในแนวทางที่แตกต่างออกไป โดยให้แนวเสียงสไตล์อเมริกาที่แท้จริง เบสหนัก คม พุ่ง กระชับ เสียงไม่กัดหู ให้โทนัลบาล้านในแนวทางของ Pre-Processor แพงๆอย่างครบถ้วน แต่ย่อส่วนลงมา แต่เมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายน้อยลงแล้วต้องบอกว่า ความรู้สึกผมเปลี่ยนไปจากตอนแรกที่ไม่คิดว่าจะต่อทดสอบด้วยซ้ำ เพราะไม่คิดว่าของราคานี้จะคาดหวังอะไรได้ (เอาจริงๆขี้เกียจรื้อสายด้วย)
ซึ่งแน่นอนว่าด้วยราคาในระดับนี้ข้อดีในเรื่องของเสียงที่ทำให้ผมประทับใจมากและคงเลือกเอาไว้ใช้เองด้วยหนึ่งตัว แต่จะบอกว่ามันดีไปหมดทุกอย่างก็คงไม่ใช่ ของราคา Budget มักจะให้ของที่ดีและคุ้มค่ามาล่อคุณในด้านใดด้านนึงเสมอ
แต่มันจะมาพร้อมข้อเสียและสิ่งที่ทำให้คุณต้องทำใจมาด้วย แม้ว่าคุณภาพเสียงกับราคาจะถือว่าน่าตื่นตาตื่นใจและผมเทคะแนนให้ในข้อนี้ แต่ข้อเสียที่คุณควรต้องรู้ก่อนจะตัดสินใจซื้อมาใช้ก็คือ
ข้อเสีย1. Remote Control มันกดยาก หากคุณเป็นคนขี้รำคาญและต้องการอะไรที่มันง่ายๆ ง่ายไปเสียหมดทุกอย่าง ต้องการรีโมที่ Friendly มากๆแบบของ Apple, Nvidia Shield แบบนี้ คงยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้ และตัวมันก็ไม่มี WebUI (IP) ให้ใช้ และไม่มี Application ให้ใช้ด้วย2. ไม่มี Dirac live ซึ่งด้วยราคาเท่านี้ก็พอทำใจได้ละครับว่าต้นทุนแค่นี้ ได้เสียงแบบนี้ แล้วตัด Dirac ออก มันก็พอทำใจได้3. ไม่มี XLR ซึ่งตรงนี้ถ้าระบบใครใช้สาย XLR เป็นหลักและต้องการใช้สาย XLR เดิมที่ใช้อยู่ ตรงนี้จะไม่ตอบโจทย์ 4. หน้าตาและงานดีไซน์ตัวเครื่อง ที่ดูธรรมดา ไม่เหมาะที่จะวางและโชว์บนชั้นวาง ใครคาดหวังความสวยงาม งาน Design ไฟ LED วิบวับ งานดีไซน์ร่วมสมัยที่ใครผ่านไปผ่านมาต้องหันมาถามว่านี่ยี่ห้ออะไร แบบนี้ไม่ตอบโจทย์ครับ เพราะดูผ่านๆเราจะไม่รู้เลยว่ามันเป็น Pre-Processor 13.2 ch และเรานึกว่ามันเป็นเครื่องเล่น DVD จีนแดงตัวบางๆด้วยซ้ำไป5. การเซ็ทอัพ และ Facilities ต่างๆที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานเช่น WebIP, Application, Dirac Live นั้นไม่มี การใช้งานจะทำงานแบบ Traditional คล้าย Pre-Processor ญี่ปุ่นทั่วๆไปทุกประการ นั่นคือใช้รีโมทเซ็ทเอาบนหน้าจอหรือผ่าน On-Screen
ข้อดี1. คุณภาพเสียง ถ้าให้ตีคะแนนคุณภาพเสียงเมื่อเทียบกับราคา ก็คงไม่มีอะไรตำหนิ เสียงที่ได้เกินราคาค่าตัวไปมากครับ คมชัด กระชับ ละเอียด น้องๆ Pre-Processor Hi-End หลายๆตัวที่เราชอบ แม้จะไม่ถึงระดับนั้น แต่ความห่างนั้นผมมั่นใจว่ามันไม่ได้ห่างระดับ 5-10 เท่าเหมือนกับราคาส่วนต่างที่เราต้องจ่ายเพิ่มจาก MC1 ไปเป็น Emotiva RMC-1, Anthem AVM90 อย่างแน่นอนครับ 2. เบาและบาง หนาเพียง 7 เซ็นนิดๆ เพราะตัวเครื่องบางมาก ในแร๊คสามารถประหยัดพื้นที่วางได้มาก สามารถนำเครื่องอื่นมาวางซ้อนตัวนี้ได้เพราะตัวเครื่องไม่ร้อนด้วย3. การใช้งาน การ Switching HDMI ทำได้รวดเร็ว ง่าย สะดวก และเหมาะกับนักเล่นทั่วๆไป ไม่จำเป็นต้องเป็นนักเล่นหรือศึกษาความรู้อะไรมาก สามารถต่อสายและจับรีโมทมาใช้งานให้เสียงดีได้ไม่ยาก4. ราคาค่าตัวที่ถือว่าเป็นมิตรกับนักเล่นมาก เมื่อเทียบกับ Pre-Processor ทั่วไปในระดับเดียวกัน แต่ MC1 ได้ 13.2 channel และเมื่อยิ่งบวกกับคุณภาพเสียงก็ถือว่าเป็นตัวเลือกอีกตัวนึง หากเราไม่ยึดติดกับแบรนด์ญี่ปุ่นครับเหมาะกับใครEmotiva MC1 เหมาะกับนักเล่นที่มุ่งหวัง Pre-Processor ที่โดดเด่นในเรื่องคุณภาพเสียง เนื้อเสียงเป็น American Style ที่แท้จริงและให้เนื้อเสียงที่มีคุณภาพสูง ในขณะที่ยังประนีประนอมกับราคาค่าตัวและการใช้งานที่ไม่ยุ่งยาก โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่มองหา Pre-Processor ในราคาระดับเริ่มต้นในช่วงราคา 60,000 กว่าบาท และยังเหมาะกับนักเล่นที่ต้องการอัพเกรดคุณภาพของภาพและเสียงในระบบ Home Theater จาก AVR ที่อาจจะตันและไปต่อไม่ได้แล้ว ให้ก้าวข้ามกำแพงดังกล่าว โดยไม่ต้องการจ่ายเงินเยอะ และไม่อยากจ่ายเงินค่า Pre-Pro เกินกว่าแสนบาทครับ
สรุปสุดท้าย Emotiva MC1 อาจจะเป็น Entry Level หรืออาจจะเรียกว่าเป็น Budget Pre-Processor สำหรับคนที่เพิ่งเริ่ม หรือคนที่ไม่อยากจ่ายมาก แต่คุณภาพเสียงนั้นไม่ได้ด้อยหรือเริ่มต้นตามราคาครับ คุณสามารถคาดหวังคุณภาพเสียงจากมันได้กับซิสเต็มดีๆแพงๆได้ ฃ มันสามารถจับคู่กับ Power Amp และลำโพงดีๆได้โดยไม่เป็นตัวถ่วงซิสเต็มแต่อย่างใด แม้ผลคะแนนทดสอบความแม่นยำอาจจะไม่ได้คะแนนสูงนัก แต่ด้วยเนื้อเสียงที่มี Color และเดินไปในแนวทางของ Pre-Processor ดีๆแพงๆ อีกหลายตัวที่เราชื่นชอบ และทำได้ดีด้วย ผมว่าส่วนต่างของคุณภาพที่ห่างจาก Pre ดีๆเหล่านี้ไม่ได้ห่างเหมือนราคา และเป็นอุปกรณ์อีกตัวที่ผมมั่นใจว่า"หากคุณได้ลองต่อและลองฟังในห้องหรือซิสเต็มของคุณ คุณจะไม่พูดว่านี่คือของกระจอกอย่างแน่นอน แต่ผมจะไม่บอกว่าด้วยราคานี้มันกินไปถึง Pre-Processor ตัวไหนได้บ้าง เพราะด้วยจรรยาบรรณและมารยาท แต่ผมอยากให้คุณลองด้วยตัวเองมากกว่าครับ เพราะแบรนด์ Emotiva ไม่ใช่เด็กใหม่ อย่างน้อยๆพวกเขาก็ยิ่งใหญ่และมีแฟนๆมากมายทั่วโลกยอมรับในคุณภาพครับ





