StormAudio ISP Elite MK3Storm Audio มีการ Re-Design ใหม่เมื่อต้นปีนี้ โดยจับเอา Storm ISP Elite MK2 แตกไลน์ออกมาเป็นสินค้าสอง Series ได้แก่
1. ISP Core16 เป็นรุ่นใหม่ที่ทาง Storm แตกไลน์ออกมา และวาง Position ให้เป็นตัวประหยัดและเน้นความคุ้มค่า โดยจะใช้อุปกรณ์ภายในที่สืบทอดมาจากรุ่น Elite แต่ย่อมลงมา และตัดฟีเจอร์ในการอัพเกรดต่างๆออกไป เช่นไม่สามารถเพิ่มจำนวน Channel ได้ เป็นต้น
2. ISP Elite MK3 ที่ใช้อุปกรณ์ภายใน Platform และ Features ส่วนใหญ่จาก MK2 รวมไปถึง Module Upgrade ทุกตัวก็สามารถใส่แทนกันได้ (ใช้ตัวเดียวกัน) หรือจะว่าไปมันก็คือ MK2 ที่ปรับปรุงหน้าตาและ Re-design ใส่จอใหม่เข้าไปเพื่อปรับธีมเพื่อเหตุผลทางการตลาดและราคาใหม่ให้เหมาะสมนั่นเอง
Un-Pack
ตัว Storm ISP Elite ตรงหน้าเรานั้นมาในกล่องสองชั้น เรียบง่าย หลังจากแกะและติดตั้งแล้ว ต้องเรียนว่านี่เป็น Pre-Processor ตัวนึงที่ User อาจจะไม่สามารถเสียบแล้วใช้งานได้เองได้ แต่ต้องพึ่งพา Installer หรืออาจจะเป็นนักเล่นที่ใช้เครื่องมืออุปกรณ์เป็นเสียหน่อย เพราะตัวเครื่องมากับ Default Mapping XLR ไว้แค่ 2 แชนแนลเท่านั้น ดังนั้นเปิดเครื่อง เสียบสาย แล้วไม่มีเสียงก็ไม่ต้องตกใจ เพราะต้องทำการตั้งค่าเสียก่อน
Storm Audio เป็น Pre-Processor ที่ไม่ Fix channel ใช้งาน หรือพูดง่ายๆคือมัน Assignable ได้ทุกแชนแนล เราอาจจะเสียบ XLR ของลำโพง Center ไว้ที่ช่องไหนได้แล้วก็ไป mapping เอาในโปรแกรม
และตัวเครื่องหลังจากเปิดใช้งานนั้นก็ต้องะสร้างระบบ Home Theater ของเราก่อนว่าจะเล่นระบบอะไร ซึ่งมีให้เลือกได้ตั้งแต่ 2.0 ไปจน 9.1.6 (สำหรับรุ่น ISP 16 MK3) หรือไปจน 13.1.10 (สำหรับรุ่น ISP 24 MK3) และมากกว่านั้นในรุ่นท๊อปสุดอย่าง ISP 32 MK3

ซึ่งคุณภาพเสียงและฟีเจอร์การใช้งานของทั้งสามรุ่นจะเท่ากันหมด แตกต่างกันแค่จำนวนแชนแนลที่ใช้งานเท่านั้น
ซึ่งการสร้างระบบ Home Theater และการต่อใช้งานสาย XLR รวมถึงการ Assign และเปิดใช้งาน channel ที่ต้องการนั้น ต้องการการเข้าไปปรับตั้งใน WEB UI ที่ทาง Storm เตรียมไว้ ซึ่งจะสามารถเข้าถึงได้ด้วย Web บน Laptop ทั่วไปหรือจะใช้ SmartPhone ก็ได้เช่นกัน
ซึ่งตัว WEB UI ของค่าย Storm จะมีสองส่วนคือ Remote สำหรับคนใช้งานง่ายๆ เพิ่มลด Level, เลือก Source
และในส่วนของ Installer ที่ทำการปรับตั้งได้ละเอียดและมี DSP ที่ถือว่าปรับได้ละเอียดที่สุดตัวนึงของโลก
ตัวหน้าจอของ Storm Audio ISP MK3 นี้มีการเปลี่ยนจอให้เป็นแบบใหม่ มีขนาดใหญ่ขึ้น ดู Modern ทันสมัยและสวยล้ำมากขึ้น มีลูกเล่นในการปรับให้แสดงเป็น VU Meter บนหน้าจอได้เลยว่าขณะเราเล่นหนังหรือเพลงอยู่นั้นมีข้อมูลแชนแนลใดบ้างที่ทำงานอยู่ และแชนแนลไหนทำงานดังหรือค่อยก็มีแสดงเป็นกราฟให้ดูได้เลยบนตัวเครื่อง (สามารถดูได้อีกที่ผ่าน WEBUI) ซึ่งหน้าจอบนตัวเครื่องนั้นต้องเข้าไปปรับถึงจะแสดงผลแบบนี้ได้ และอีกแบบที่เป็น default ติดมากับเครื่องก็คือเปิดแล้วเป็นแบบนี้เลยก็คือ จะแสดง Format ของ Audio ว่า Process เสียงแบบไหนอยู่ และรายละเอียดของ Video ว่าความละเอียดเท่าไร่ครับ ซึ่งแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะได้รู้รายละเอียด แต่ส่วนตัวผมชอบแบบ VU Meter มากกว่า


ส่วนตัวเครื่องยังใช้ตัวถังจากรุ่นเดิมทุกประการ ต่างแค่หน้าจอที่กล่าวไปด้านบน และแผงหน้าตัวเครื่องที่ทำออกมาให้ดูโฉบเฉี่ยวกว่าเดิมด้วยการใส่ลายที่คล้ายสายฟ้าที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์เข้ามา ซึ่งจะดีกว่านี้ถ้าใส่ไฟ LED เข้ามาที่ลายตรงนี้ และทำให้เปิดปิดได้ที่ WEB UI ครับ
และในเวอร์ชั่นนี้ให้รีโมทมาในกล่องด้วยแล้ว แต่การเซ็ทอัพแบบละเอียดนั้นก็ยังต้องทำบน WEBUI บน Laptop หรือ Tablet อยู่ดีครับ (Remote เอาไว้ใช้งานตอนดูหนังและใช้งานทั่วๆไป)
แนวเสียงในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาผมเพิ่ง Review Pre-Processor หนึ่งตัวที่คุณภาพเสียงดีมาก และผมชื่นชอบเป็นการส่วนตัวมาก ซึ่งหูผมยังติดกับเสียงนั้นอยู่ ยังไม่ลืมนะครับ เพราะชอบ วันนี้ได้มาลองตัวนี้ ต้องเรียนว่ามันลบภาพจำและสร้าง
Standard ในการฟังให้ผมใหม่เลยทีเดียว ซึ่งตลอดเวลาหลายชั่วโมงที่ผมได้ลองเล่น มันเพลิดเพลินจริงๆ บันเทิงมากๆ ทั้งการรับชมภาพยนตร์จาก Netflix รวมถึงการนั่งดู Music Video ที่ผมชื่นชอบและคุ้นเคยผ่าน Youtube ซึ่งต้องบอกว่ามันเพลิน เพราะเสียงที่ได้กับหนังเดิมๆ เสียงเดิมๆที่เคยได้ยินจนคุ้นชิน (จาก Pre ตัวเดิมๆที่เคยใช้) มันดีขึ้น จนไปขุดเอาหนังเก่าๆ หรือเพลงเก่าๆมานั่งฟัง ยิ่งฟังยิ่งบันเทิง ยิ่งเพลิน เวลาไหลไปเรื่อยๆ เสียงที่ไม่เคยได้ยิน มิติต่างๆ น้ำหนักเสียงต่างๆ ไม่รู้จะบรรยายอย่างไรเหมือนกัน แต่รู้สึกเสียงมันสมจริง เสียงมันลอยอยู่ตรงหน้า ลอยอยู่รอบๆตัว จะขาดก็แค่เอามือไปคว้ามันไว้ไม่ได้แค่นั้นแหละ น้ำเสียงชัดเจน สะอาด เปิด โดยเฉพาะเสียงในย่านกลางแหลมที่ได้มันเปิด และฟังแล้วไปไกลกว่าที่เคยได้ยินจาก Pre-Processor ตัวอื่นๆมาก

ผมเป็นคนชอบเครื่องเสียงที่มีแนวบุคลิคอยู่อย่างนึงก็คือเสียงกลางแหลมต้องเปิด ชัดเจน ถึงเนื้อถึงตัว เปิดดังๆแล้วมันถึงอกถึงใจ ฟังแล้วหายเครียด ฟังแล้วสนุก ได้เหมือนอยู่ในบรรบยากาศนั้นจริงๆ เหมือนมีคนมายืนร้องตรงหน้า เหมือนเราไปอยู่ในเหตุการณ์ในหนัง ไม่ง่วงนอน ไม่น่าเบื่อ และ Storm Audio ตัวนี้ก็พาไปได้สุดจริงๆ จนรู้สึกว่าการฟังเพลงหรือดูหนังจาก Storm Audio ตัวนี้มันเพลิน และเวลาไหลผ่านไปเร็วจริงๆ เผลอแป๊ปเดียวนั่งฟังไปฟังมาจะเที่ยงคืนแล้วไม่รู้ตัว
ในส่วนของความถี่ต่ำนั้นไม่มีคำไหนเหมาะไปกว่า There is nothing can beat Storm Audio ได้แล้วจริงๆ ธรรมชาติของ Storm Audio เลยก็คือ รายละเอียด ความชัดเจน ชัดและขุดทุกสรรพเสียง ทุกสรรพดีเทลของความถี่ต่ำ ออกมาให้ได้ยิน หนัก รุนแรง มีไดนามิคแบบไร้แรงปราณี แต่ยังคงความสะอาดและเก็บตัว เบสชัดเจน ควบแน่น มีปริมาณแต่ไม่ฟุ้งเบลอ ลงลึกจนเก็บตัวช้าและ Deep จนเกินไป เหมือน Pre ที่เด่นเรื่องความเป็นดนตรีตัวอื่นๆ และมีแรงกระแทกกระทั้นมากกว่า Pre ตัวอื่นๆแบบชัดเจน
และที่นักเล่นน่าจะชอบก็คือบรรยากาศความโอบล้อมที่รู้สึกเหมือนทุกเสียงลอยอยู่รอบๆตัวเราและเสียงไม่ได้อยู่ที่ลำโพง แต่เสียงเกิดขึ้นตรงจุดที่หนังบันทึกมา หรือถ้าเป็นคอนเสริต์หรือเพลงก็รู้สึกเสียงลอยออกมาอยู่ตรงหน้าและถึงตัวเราจริงๆ
ซึ่งก็เป็นคุณสมบัติที่คนดูหนังและนักเล่น Home Cinema จะมองหาจาก Pre-Processor ดีๆสักเครื่อง แต่ถ้าหากเราไม่ชอบและอยากให้น้ำเสียงนุ่มนวลก็สามารถทำได้และปรับได้ด้วยความสามารถ DSP จากตัวเครื่องเองซึ่งสามารถทำให้เสียงออกมาในแนวที่เราชอบได้อย่างง่ายดาย (ด้วยมือของ Installer)
ถ้าจะให้สรุปว่าแนวเสียงของ Storm Audio ISP Elite MK3 เป็นอย่างไรสั้นๆ ผมคงสรุปได้แค่ว่า นี่คือดีที่สุดเท่าที่เคยฟังมาครับ ถ้าให้จบในสองคำก็มีแค่คำนี้เท่านั้นคือ "The Best"
Auto Room Correctionตัว Room Correction หรือภาษาบ้านๆก็คือโปรแกรมเซ็ทอัพเสียงนั้นทาง Storm Audio เลือกใช้ Third Parties เจ้าที่ดีที่สุดในตลาดและให้ Version ที่ดีที่สุดอย่าง Dirrac Live โดยให้มาแบบ Full Version และมี Bass Control ที่ทำงานเพิ่มโดยเฉพาะกับซํบวูฟเฟอร์ที่ปกติทั้งสองฟังชั่นที่กล่าวมานั้นจะต้องจ่ายเงินซื้อ ตัวโปรแกรมใช้งานผ่าน Application ของ Dirac Live โดยตรง หลังปรับแต่งออกมาแล้วค่าจะถูก Upload เข้าเครื่องและปรับแต่งเพิ่มได้อีกผ่าน WebUI ของ Storm เอง ซึ่งผลลัพธ์นั้นต้องบอกว่าน่าจะเป็น Auto Room Correction ที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ ผลลัพธ์ดี ใช้งานได้จริง จะมีข้อแม้ก็แค่คุณจะต้องหา Mic ที่ดีมีมาตรฐานมาใช้วัด และขั้นตอนในการวัดนั้นจะต้องถูกต้องและทำได้อย่างเข้าใจระบบของตัวเองและ Software ว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ และที่สำคัญที่สุดก็คือต้องรู้ว่าตัวเองชอบแบบไหน และปรับ Target Curve อย่างไรถึงจะได้เสียงแบบที่ตัวเองต้องการ
ข้อดี1. The Best Sound Ever เท่าที่ผมเคยฟังมาแล้ว
2. หน้าตาเครื่องดูดีขึ้นมาก วางไว้ในแร๊คแค่มองก็มีความสุขแล้ว
3. เท่าที่ลองใช้ดูแทบจะไม่มีบั๊กใดๆมาให้กวนใจ แม้การใช้งาน การติดตั้งอาจจะไม่ง่ายสำหรับคนที่ไม่ใช่นักเล่นเท่าไร่ แต่หลังจาก Setup แล้ว การใช้งานเครื่องรวดเร็ว การจับ HDMI ไว และเสถียรมาก ไม่มีอะไรมาให้กวนใจ
4. ตัวเครื่องออกแบบมาเป็น Modular มีการอัพเกรดโมดูลได้ตลอด เพิ่มจำนวนแชนแนลหรือเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆในอนาคตได้ และทาง Storm Audio เองก็มีการออกเฟิร์มแวร์มาอัพเดทฟังชั่นใหม่ๆเสมอ เช่นในเร็วๆนี้ก็จะมีฟีเจอร์ HDMI Matrix ที่อนุญาติให้เราสามารถส่ง HDMI Output 1 / 2 ออกไปโดยเล่น Source จากแหล่งที่ไม่เหมือนกันได้ ซึ่งจะต่างจาก Pre-Processor ทั่วๆไปที่เวลาส่งภาพออกไปทาง HDMI Output 1 / 2 นั้นจะเป็นภาพจาก Source เดียวกัน และภาพทั้งสอง HDMI Output นั้นจะต้องเหมือนกันเท่านั้น
ข้อเสีย / ข้อสังเกต
1. รุ่นนี้บู๊ทเครื่องใช้เวลานานกว่ารุ่น MK2 นิดหน่อยครับ และตัวนี้ไม่ใช่ Pre-Processor ที่บู๊ทเร็วที่สุด ถ้ามองหาเครื่องที่บู๊ทเร็วต้องมองไปที่ Pre-Processor ฝั่งญี่ปุ่นแทนครับ
2. ใช้พัดลมในการระบายความร้อน ซึ่งใน Web UI จะมีให้ดูว่าอุณหภูมิเท่าไร่ และพัดลมทำงานกี่ % แต่ตัวนี้ผมทดสอบนั่งดูหนังไป 2-3 ชั่วโมงโดยไม่เปิดแอร์ เพื่อจะดูเสียงรบกวนจากพัดลม ซึ่งในข้อเสียก็มีข้อดีตรงที่มันแทบจะไมไ่ด้ยินเสียงพัดลมเลย และอุณหภูมิสูงสุดที่ไปแตะหลังนั่งดูแบบไม่เปิดแอร์และพัดลมใดๆ วางเครื่องไว้ในแร๊คที่มุมห้องที่ไม่มี Air Flow ซึ่ง Pre บางรุ่นเคยน๊อคที่จุดนี้มาแล้ว ก็พบว่าอุณหภูมิเต็มที่ที่มันวิ่งไปอยู่ที่ 51 องศา และพัดลมทำงานที่ราวๆ 50% ครับ

3. ราคาสูง ซึ่งตัวที่ราคาสูงที่สุดนั้นอยู่ที่ 830,000 บาท (รุ่น ISP Elite 32 MK3)
สรุปการที่ได้นั่งฟัง Pre-Processor Storm Audio ISP Elite MK3 ก่อนการนั่งเขียนรีวิวที่ทุกท่านอ่านอยู่นี้ เป็นการนั่งฟังที่เปี่ยมไปด้วยความสุข การได้ค้นเอาเพลงเก่าๆหนังเดิมๆที่เคยฟังกลับมาฟังใหม่บนเครื่องนี้ เป็นความตื่นเต้น เพราะคุณภาพเสียงที่ได้นั้นมันดีขึ้น เสียงดีขึ้นมาก จนเรารู้สึกอยากจะลองเปิดทุกๆเพลง ลองเปิดหนังทุกเรื่องลองเทียบกับเสียงที่เราเคยจดจำได้ และได้แต่นั่งทึ่งในใจ ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา ผมคงสอย Storm Audio MK3 ไว้ประจำการในห้องดูหนังส่วนตัวแน่นอนครับ เพราะในบรรดา Pre-Processor ที่ฟังมา นี่เป็นตัวที่เสียงดีและผมชอบที่สุดในวันนี้ (Pre ที่ผมใช้เองปัจจุบันมีสามตัว Emotiva RMC-1, Anthem AVM90) และหวังว่าวันนึง Storm Elite ISP MK3 มันจะมาอยู่บนแร๊คของผมในฐานะที่ผมเป็นเจ้าของเต็มๆแบบไม่ต้องส่งคืนใครเสียที ฮาา

