Velodyn Impact X10 Review
3 ปีที่ผ่านมา
Velodyn Impact X10 Review
เดิมที Velodyn สร้างชื่อในแง่ของผู้ผลิตซับวูฟเฟอร์ที่ได้รับความนิยมในบ้านเรารวมถึงตลาดยุโรปมาสักพักแล้ว เราจะเห็นว่านักเล่นระดับรุ่นเก๋าๆ หรือมีอายุหน่อยจะต้องเคยเป็นเจ้าของซับวูฟเฟอร์ Velodyn มาก่อนไม่ว่ารุ่นใดก็รุ่นหนึ่ง แต่ว่าปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับบริษัทแม่อย่าง Velodyn นั่นคือมีการเปลี่ยนผ่านธุรกิจในส่วนของซับวูฟเฟอร์ให้กับเจ้าของใหม่ที่อยู่ในประเทศเยอรมัน ซึ่งมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผู้ผลิตดังเดิมไปผสมผสานกับฝีมือและวืศวกรรมจากเยอะมัน นั่นแปลว่าในช่วงนี้ก็คือการกลับมาใหม่อีกครั้งของ Velodyn และถือเป็น new ERA ของ Velodyn อย่างแท้จริง
Velodyn เปิดตัวซับวูฟเฟอร์ออกมาทั้งหมด 5 series ด้วยกัน ได้แก่
1. Impact X : มีจุดเด่นก็คือเป็นซับเริ่มต้น ราคาประหยัด และเน้นความคุ้มค่าสูงสุด ออกแบบมาเป็นตู้เปิด จึงมีจุดเด่นที่พละกำลัง และแรงปะทะที่หนักแน่น มวลเบสที่ชัดเจน ฟังติดหู เหมาะสำหรับนำมาใช้ในระบบ Home Theater แต่ในขณะเดียวกันก็มีขนาดตัวที่เล็กกว่าซับในระดับราคาเดียวกัน สามารถนำไปติดตั้งในห้องขนาดเล็ก ถึงปานกลาง 20-25 ตรม ได้
2. Deep Blue เป็นซีรี่ย์ที่ออกแบบมาเป็นตู้ปิด เน้นความนุ่มลึก ฟังสบาย และความสะอาดของความถี่ต่ำที่มีคุณภาพ ไม่เน้นปริมาณเบส และเหมาะที่จะนำไปเสริมกับซิสเต็มที่ต้องการความลึก โดยเฉพาะซิสเต็มฟังเพลง สามารถต่อเป็น Hi-level ในชุด 2 ch ใช้งานได้
3. Digital Drive Plus (DD+) เป็นซีรี่ย์รุ่นสูง ในซีรี่ย์นี้จะใส่เทคโนโลยีเด่นๆเข้ามาหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น DSP ที่สามารถต่อไมค์และ calibrate ได้จากตัวซับให้เข้ากับสภาพอคูสติกห้อง (Digital Drive Control System) และรวมถึง Servo หรือทาง Velodyn เรียกว่า Digital High-Gain Servo Control เป็นเทคโนโลยีที่ปรับแต่งและหยุดการสั่นค้างของกรวยวูฟเฟอร์ จึงทำให้สามารถเข้ากับลำโพงได้หลากหลายและให้ความละเอียดและคุณเบสที่สะอาด และมีความเพี้ยนต่ำมาก เหมาะกับคนที่ต้องการความถี่ต่ำคุณภาพสูงไปใช้กับชุดฟังเพลงหรือชุดดูหนังโดยเฉพาะ
4. MicroVee X เป็นซีรี่ย์ที่ทำออกมาปิดช่องว่างในตลาดซับขนาดเล็ก ใช้ดอก 6" คู่ เหมาะสำหรับคนพื้นที่น้อย ตัวนี้ถ้าให้ยกตัวอย่าง ก็จะอยู่ในตลาดเดียวกับ SVS 3000 Micro , Kef KC62 หรือเรียกง่ายๆว่าเป็นซีรี่ย์ซับจิ๋วนั่นเอง
5. SPL-X เป็นซีรี่ย์ที่ต่อยอดมาจาก SPL ในอดีตและผสมผสานเทคโนโลยีของ series Digital Drive ซึ่งให้ DSP ในตัว และถูกสร้างมาด้วยวัตถุประสงค์ก็คือ uncompromise low frequency ที่ให้ความเพี้ยนต่ำ เที่ยงตรงสูง และพลังเบสที่ไร้ขีดจำกัด สามารถนำไปใช้กับชุดใหญ่ๆคุณภาพสูงๆได้
ในวันนี้ตัวที่เรานำมารีวิวและลองแกะมาทดสอบก็คือรุ่นเล็กสุดอย่าง Impact X10 เป็นซับวูฟเฟอร์ขนาดตัวเล็ก กว้างเพียง 32 cm ลึกเพีบง 40 cm ใช้ดอก 10 นิ้ว ตัวตู้ดูเผินๆจะเหมือนเป็นซับตู้ปิด แต่จริงๆแล้วเมื่อหงายตู้ขึ้นมาเราจะพบว่าเป็นตู้เปิดที่มี port อยู่ด้านใต้ของตัวตู้ครับ
ในการทดสอบเราใช้เวลากว่าสองอาทิตย์ทำความคุ้นเคย และเซ็ทอัพ ลองฟัง เนื่องจากในอดีตนั้นเราอาจจะไม่คุ้นเคยกับซับ Velodyn เท่าไรนัก จะเห็นว่าเรามุ่งเน้นไปทางซับที่มีพละกำลังและ impact สำหรับการดูหนังเป็นหลัก ดังนั้นนี่จึงเป็นการฟัง Velodyn ครั้งแรกในช่วงน่าจะเกือบๆ 10 ปีของเราครับ
เนื่องจาก Impaact X10 เป็นซับขนาดเล็ก เราจึงนำมาติดตั้งในห้องฟังเล็กของเราที่มีขนาด dimension 4x5 ตรม ความสูงของฝ้าอยู่ที่ราวๆ 2.6 ม อุปกรณ์ที่ใช้นั้นประกอบไปด้วย
- Klipsch RF-7 III
- Klipsch RC-64 III
- Klipsch RP500M
- Emotiva RMC-1
- Emotiva XPA-5 Gen3
- Audyn Valor2 Gen2
- Velodyn Impact X10
แกะกล่อง
ตัวซับ Impact X10 นั้นให้อุปกรณ์ในกล่องมาประกอบไปด้วยหน้ากาก 1 อัน รีโมท 1 ชุด และสายไฟ ที่น่าสนใจก็คือ การคอนโทรลบางอย่างนั้นต้องใช้รีโมทเท่านั้น และไม่สามารถปรับที่ด้านหลังของซับได้ เช่น การปรับลดแสงไฟ led ที่ตัวตู้และ DSP Mode ที่รุ่นนี้นั้นเตรียม preset เอาไว้ให้เราทั้งหมด 4 preset ซึ่งต้องทำการปรับที่ตัวรีโมทเท่านั้น
และในส่วนอื่นๆช่องต่อ input และป่มควบคุมด้านหลังนั้นก็ประกอบไปด้วย RCA input, RCA output ช่องต่อสายลำโพง Hi-level ปุ่มปรับ phase, ปุ่มปรับ low pass และปุ่มปรับ volume
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ถูกออกแบบอย่างเรียบง่ายและไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่มีอะไรหวือหวา และดู Basic มากๆ
ข้อสังเกตของการใช้งานตรงส่วนนี้ก็คือ จะไม่มี DSP ให้ปรับแบบอิสระในตัวตู้ แต่จะมี preset เตรียมไว้ให้คร่าวๆเท่านั้น ซึ่งผู้ผลิตบอกไว้ว่ามี 4 mode ก็คือ Standard, Movie, Concert, Night Mode ซึ่งข้อเสียก็คือเมื่อเราปรับ Mode บนตัวซับผ่านรีโมทแล้วนั้น เราจะไม่รู้ว่า mode ไหนมันคืออะไร เพราะหน้าจอจะแสดงเป็นตัวเลข 1 - 4 แต่จะไม่บอกเป็นชื่อ Mode เหมือนที่ผมแจ้งไว้ด้านบน ส่วนที่ผมรู้ว่ามี 4 Mode นี้ก็เพราะไปค้นดูในเว็บไซต์ครับ
และข้อสังเกตอีกอย่างก็คือ ตัวซับวูฟเฟอร์จะไม่มี Application ให้เซ็ทผ่าน Smart Phone การปรับแต่งจะต้องทำผ่านสองช่องทางนั่นคือด้านหลังตู้ และรีโมทคอนโทรล
เริ่มใช้งาน
หลังจากแกะออกจากกล่องและติดตั้ง ผมใช้เวลาทดลองฟังโดยไม่มีการปรับแต่งอะไรยกเว้น low pass, volume เท่านั้น และลองฟังอยู่เป็นเวลา 1 อาทิตย์เต็มๆ เพื่อค้นหาว่าบุคลิคเดิมๆของซับตู้นี้ และบุคลิคเสียงเมื่อมันผ่านอคูสติกภายในห้องขนาด 4*5 ห้องนี้นั้นมันมีบุคลิคอย่างไร ซึ่งในใจผมก็รู้อยู่เต็มอกว่า บุคลิคของห้อง (หรือ acoustic ของห้อง นี้มีการโด่งในช่วงความถี่ต่ำในช่วง 30-60 Hz ค่อนข้างมาก ประมาณ 5-12 dB) แต่หลังจาก 100-200 Hz เป็นต้นไปนั้น กราฟของห้องนั้นราบเรียบทั้งหมดไปจนถึง 20,000 Hz และไม่ว่าจะเป็นลำโพงอะไร วางจุดไหน กราฟของกลางแหลมก็เรียบแบบนี้ไปตลอด เรียกว่าห้องนี้มีผลกระทบของความถี่ต่ำที่โด่งและเบสที่มากกว่าปกติจนบางครั้งใช้ลำโพงคู่หน้าดอกใหญ่ๆ 10 นิ้วก็แทบจะดูหนังพอฟังได้เหมือนห้องขนาดใหญ่ๆแต่ใช้ซับเล็กๆ 8-10 นิ้วด้วยซ้ำ
ในส่วนของห้องอีกส่วนที่อยากเขียนถึงก็คือ เมื่อมีการนำโต๊ะกลางมาวางและมีการวางลำโพงเซ็นเตอร์ซึ่งมีตำแหน่งที่โต๊ะกลางบดบังอยู่ ส่งผลให้ความถี่ต่ำบางช่วงนั้นดิ่งเหวลงไปถึง 10 dB แต่เมื่อนำโต๊ะกลางออกหรือปรับความสูงของเซ็นเตอร์ให้สูงมากพ้นระยะของโต๊ะออกมา กราฟก็ออกมาปกติ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะ center เราตัด low pass ที่ 80 ให้เป็นหน้าที่ของซับวูฟเฟอร์แทน ดังนั้นมันจะร่วงลงไปในย่าน 50-70 ก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร ตราบใดที่ย่านอื่นๆของมันทำงานปกติ
เริ่มฟังจริง
หลังจากบ่มเพาะจนถึงแก่เวลา เราก็มาหาตำแหน่งวางซับ Impact X10 และลองเซ็ทอัพให้เหมาะเข้ากับซิสเต็มหลักของเรา และตำแหน่งที่เหมาะสมนั้นไม่มีตำแหน่งไหนเหมาะไปกว่าตรงหน้าแร๊ค แถวลำโพงหน้าขวา นั่นเป็นเพราะปลั๊กไฟมันอยู๋ตรงนั้น และสายสัญญาณเราไม่สามารถลากยาวไปถึงตำแหน่งหน้าซ้ายของห้องได้ ดังนั้นนี่คือจุดเดียวที่เราวางได้
ดังนั้นโจทย์คือ การเล่นเครื่องเสียงที่ดี ต้องตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ ไม่ใช่ให้ผู้ใช้ต้องปรับตัวตามมัน เพราะไม่ใช่ทุกห้องที่จะลากซับไปวางกลางบ้าน หรือกลางห้องได้ เพราะข้อจำกัดของซับ entry level ข้อนึงก็คือช่องต่อ RCA ที่ทำให้มันลิมิทอยู่ที่ไม่เกิน 5-8 เมตร และเราก็ไม่แนะนำให้ใช้สาย RCA ยาวขนาดนั้นด้วยเช่นกัน
หลังจากวัดกราฟแล้วก็พบว่าตำแหน่งนี้ได้รับผลกระทบจากอคูสติกห้องหรือน่าจะเป็นโต๊ะกลางที่วางอยู่ ทำให้กราฟในช่วง 30-40 Hz นั้นโด่งตามปกติที่มันควรเป็น แต่พบว่าในย่าน 60, 70-80 Hz นั้นมีเหวลงไปลึกพอสมควร ซึ่งวิธีแก้ที่ถูกต้องนั้นคือ ย้ายซับไปตำแหน่งอื่นเลย หรือเอาวัสถุใดๆที่มันขวางและกระทบกับคลื่นความถี่ต่ำที่น่าจะมาถึงจุดนั่งฟังออก เพราะถ้าเราไม่ทำอะไรเลยนั้น เสียงที่ได้จากกราฟลักษณะนี้ก็คือมันจะมีแต่คลื่นความถี่ต่ำ หึ่มๆ ฮึ่งๆ แต่ขาดหัวโน๊ต ขาดความคม และขาดหัวเบส หรือภาษาบ้านๆก็คือไม่มีแรงปะทะ ไม่มีเบสลูกๆให้สัมผัส จะมีแต่เบสครางๆหึ่งๆแผ่ๆ ออกมาแทน ยิ่งเร่งยิ่งกลบรายละเอียด ซึ่งก็ตรงกับที่เราทดลองฟังแบบไม่ปรับอะไรเลยมาตลอดสัปดาห์ครับ
*กราฟเป็นตามรูป
หลังจากเราหาวิธีแก้เหวที่ความถี่ดังกล่าวแล้ว (แก้ได้ 3 วิธี ได้แก่ หาที่วางใหม่ , ปรับอคูสติกสัดส่วนห้องใหม่ , ใช้ DSP ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือวิธีแรกและวิธีที่สอง เพราะตามหลักแล้วการดึงขึ้นมักไม่ได้ผลดีเท่าการกดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดึงขึ้นที่มากขนาด 10 dB ขนาดนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่ดี)
แนวเสียง
แนวเสียงที่ได้จากซับ Impact X10 นั้น เริ่มจากข้อดีก่อนนั้นคือ ด้วยความที่มันเป็นตู้ปิด จึงให้พละกำลังและเบสที่มากเพียงพอที่จะควบคุมห้อง 4*5 นี้ได้พอเพียง ในระดับที่ไม่ต้องเร่งมากจนเกินไป เมื่อเทียบกับซับขนาดเล็กยี่ห้ออื่นๆที่เป็นตู้ปิด ที่เรามักจะต้องเร่งไปจนเกือบสุด
ในขณะที่แนวเสียงที่ได้นั้น ต้องบอกว่าเป็นความถี่ต่ำที่มีมวล หนา เป็นลูกใหญ่ มีเนื้อมีหนัง อิ่มน้ำ มีความกลางๆระหว่างช้ากับเร็ว คือไม่เร็วจนห้วน ในขณะเดียวกันก็ไม่ช้ามากนัก แต่ยังมีความกระฉับกระเฉงพอในการดูหนัง ไม่ยืดย้วนอย่างที่เราคิด ในขณะเดียวกันก็ให้ความถี่ต่ำที่ fill ห้องฟังได้เต็มห้อง และให้บรรยากาศแผ่ปกคลุมเต็มห้องเป็นบรรยากาศได้ดี ในขณะที่ลูกพั๊นซ์ที่แฟนๆหนังแอคชั่นถวิลหาอย่างเสียงลูกปืนใน John Wick นั้นก็ให้ความคมในระดับนึง ไม่ถึงขนาดเป็นลูกเหล็กวิ่งมากระแทกอก แต่ก็มีให้เป็นมวลเบสที่สมกับราคาและไม่ขี้เหร่
ซึ่งที่ทดลองฟังหลายแทร๊ค หนังที่เน้นบรรยากาศของความถี่ต่ำนั้น ซับ Impact X10 จะทำได้ดีเป็นพิเศษเช่นหนังสยองขวัญ หรือหนังอย่าง Ford vs Ferrari นั้น พบว่ามีความน่าประทับใจในความถี่ต่ำที่ได้ตรงที่ได้มวลเบสและเสียงกระหึ่มของเครื่องยนตร์ลอยรอบๆห้องและปกคลุมให้บรรยากาศที่ทำให้รู้สึกว่าความถี่ต่ำที่ได้นั้นได้ทำหน้าที่เติมเต็มเสียงกระหึ่มคำรามแผดของเครื่องยนตร์ให้มีความดุดันและน่าฟังยิ่งขึ้นกว่าเดิมๆที่ผมเคยใช้ซับตัวอื่น (ในระดับราคา Budget ใกล้เคียงกันในห้องนี้มาก่อน)
ข้อดี และเหมาะกับใคร
ดังนั้นซับตัวนี้จึงเหมาะกับคนที่ต้องการซับในราคาไม่แพงมาก ใช้ในห้องขนาดกลาง แต่ต้องการปริมาณเบสที่มากพอ และมีคุณลักษณะของเบสที่มีมวล อิ่มเอิบ ปกคลุมห้อง และเสริมบรรยากาศของความถี่ต่ำได้ดี รวมไปถึงก็ต้องไม่ขาดแรงปะทะที่หนักแน่นและมีปริมาณ แต่กระนั้นแรงปะทะก็ไม่ใช่แรงปะทะแบบบ้าคลั่งเหมือนซับ Cinema ตัวใหญ่ๆ passive ให้ แต่ให้ในรูปแบบที่ประนีประนอมระหว่างบรรยากาศ และเบส punch ที่มีในแบบลูกหนาใหญ่ มีมวลอิ่ม มากกว่าแรงกระแทกของลูกเหล็กที่ัฟังนานๆแล้วล้าหู แต่ฟังได้นาน สบายหู ไม่ขาดเบส
Impact X จะให้หัวเบสที่ติดนุ่มนิดๆ เหมือนใส่ปลายนวม ไม่ช้าและไม่ไว เมื่อปรับเซ็ทลงตัวแล้ว เบสไม่แผ่ออกมาเป็นคลื่นจนขาดหัวโน๊ต และก็ไม่คมจัดจ้านจนขาดความอบอุ่น
เรียกว่ามาแบบพอดีๆ และจูนมาอยู่ในจุดที่เมื่อเทียบราคาค่าตัวแล้วถือว่าคุ้มค่า หากคุณชอบลักษณะของเบสสไตล์นี้ นี่น่าจะเป็นซับที่หาตัวเปรียบเทียบยาก (ในช่วงราคานี้) และที่สำคัญยังช่องต่อ RCA Output และ Hi-level มาใช้งานด้วย จึงถือว่าคุ้มและครบครั้นในระดับนึง (ยังขาด XLR Input ซึ่งซับในระดับราคาไม่เกิน 5 หมื่น ผมยังไม่เจอตัวไหนที่ให้มา)
แต่กระนั้นเมื่อมีข้อดีก็ย่อมต้องมีข้อเสีย ข้อเสียของซับก็มีดังนี้
1. ไม่มี DSP Build-in การจะปรับด้วย Software นั้นต้องพึ่ง external DSP เช่น MiniDSP หรือจาก Pre-Processor ที่มีฟังชั่นนี้ หรือจาก Software ภายนอกอื่นๆเช่น Dirac Live เป็นต้น
2. Preset ที่ให้มาทั้ง 4 mode นั้นให้เสียงคล้ายๆกัน และไม่มีบอกในคู่มือและไม่บอกบนหน้าจอว่า 1 - 4 นั้นคือ Mode อะไร
3. ในส่วนของงานประกอบนั้นถือว่าทำได้ตามมาตรฐาน แน่น และหนัก ดูแข๊งแรงดี ตัวขอบนอกที่ไม่ใช้ขอบยางดู professional มาก แต่ในส่วนของแผงควบคุมด้านหลังยังดู budget ไปสักนิดนึงเช่นปุ่มปรับ Low pass ที่เป็น analog และไม่บอกบนหน้าจอว่าตอนนี้ low pass เท่าไร่ แม้ว่าจะมีหน้าปัด digital อยู่ แต่ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในส่วนนี้ และปุ่ม volume control ก็ดูธรรมดาและใช้งานยากไปนิดนึง เพราะปุ่ม volume จะออกแบบให้หมุนได้รอบ free ได้เรื่อยๆ แต่ volume บนหน้าจอจะสุดแค่่ 1-9 หากเราหมุนเกินก็ยังหมุนต่อได้ แต่ที่หน้าจอจะสุดแค่ 9
4. ในส่วนของแผงดิจิตอลด้านหน้า เมื่อเปิดเครื่องแสงไฟมีความสว่างในระดับสูงมาก ถ้าติดตั้งในห้องที่มืด รับรองว่าแยงตาแน่นอน เราพยายามหาจุดที่ปรับลดหรือปิดไม่เจอ จนสุดท้ายพบว่าการปิดไฟตรงนี้นั้นต้องทำผ่าน Remote เท่านั้น
5. ในกล่องไม่แถมคู่มือ และในเว็บไซต์ก็ไม่มีให้ดาวน์โหลด ทำให้การหาข้อมูลเชิงลึกนั้นต้องอาศัยเว็บไซต์อื่นๆที่ไม่ใช่เว็บไซต์ผู้ผลิต
นี่น่าจะเป็นซับที่อยู่ตรงกลางของซับที่มีบุคลิคดุดัน กระโฉกโฮกฮากแต่ขาดความน่าฟัง และ ซับฟังเพลงที่นุ่มแผ่แต่ขาดความเด็ดขาด เพราะนี่น่าจะเป็นซับที่รวมข้อดีของซับหลายๆตัวในตลาด ไม่ว่าจะเป็นข้อดีของตู้เปิด และความเป็น Velodyn ที่ฟังสบาย และอิ่มเอิบและยังให้บรรยากาศในการดูหนังได้ดีและไม่เด่นไปในด้านใดด้านนึงจนทำให้สูญเสียความเป็นกลางและการใช้งานที่หลากหลายไป
หากคุณมองหาซับที่เน้นความคุ้มค่ามากๆ แต่ไม่ต้องการความสุดขอบไปในด้านใดด้านนึง และมีโจทย์ว่าต้องเป็นซับระดับราคาเริ่มต้น ไม่แพง ขนาดเล็ก ใช้งานในห้องไซส์มาตรฐานสักตัว ต้องการแนวเสียงที่ฟังง่าย อิ่มเอิบ อบอวล หนักแน่น แต่ฟังได้นาน ติดปลายนวมหน่อยๆ นุ่มนิดๆ พั๊นซ์กำลังดี ฟังได้นานไม่ล้าหู และเติมเต็มความถี่ต่ำได้ดี นี่น่าจะเป็นซับวูฟเฟอร์อีกตัวที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีความต้องการแนวนี้ได้ครับ
ส่วนท่านใดที่ต้องการซับดุสุดขีด กระแทกสุดขั้ว หรือ deep สุดใจลากจนวูบตกเก้าอี้ หรือแผ่มากๆ หรือฟังเพลงเน้นเปิดเบาๆมากๆ หรือมีงบประมาณมากๆต้องกการซับที่วางเป็นเฟอร์นิเจอร์สักชิ้น อาจจะต้องมองหาตัวเลือกอื่นแทนครับ
เดิมที Velodyn สร้างชื่อในแง่ของผู้ผลิตซับวูฟเฟอร์ที่ได้รับความนิยมในบ้านเรารวมถึงตลาดยุโรปมาสักพักแล้ว เราจะเห็นว่านักเล่นระดับรุ่นเก๋าๆ หรือมีอายุหน่อยจะต้องเคยเป็นเจ้าของซับวูฟเฟอร์ Velodyn มาก่อนไม่ว่ารุ่นใดก็รุ่นหนึ่ง แต่ว่าปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับบริษัทแม่อย่าง Velodyn นั่นคือมีการเปลี่ยนผ่านธุรกิจในส่วนของซับวูฟเฟอร์ให้กับเจ้าของใหม่ที่อยู่ในประเทศเยอรมัน ซึ่งมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผู้ผลิตดังเดิมไปผสมผสานกับฝีมือและวืศวกรรมจากเยอะมัน นั่นแปลว่าในช่วงนี้ก็คือการกลับมาใหม่อีกครั้งของ Velodyn และถือเป็น new ERA ของ Velodyn อย่างแท้จริง
Velodyn เปิดตัวซับวูฟเฟอร์ออกมาทั้งหมด 5 series ด้วยกัน ได้แก่
1. Impact X : มีจุดเด่นก็คือเป็นซับเริ่มต้น ราคาประหยัด และเน้นความคุ้มค่าสูงสุด ออกแบบมาเป็นตู้เปิด จึงมีจุดเด่นที่พละกำลัง และแรงปะทะที่หนักแน่น มวลเบสที่ชัดเจน ฟังติดหู เหมาะสำหรับนำมาใช้ในระบบ Home Theater แต่ในขณะเดียวกันก็มีขนาดตัวที่เล็กกว่าซับในระดับราคาเดียวกัน สามารถนำไปติดตั้งในห้องขนาดเล็ก ถึงปานกลาง 20-25 ตรม ได้
2. Deep Blue เป็นซีรี่ย์ที่ออกแบบมาเป็นตู้ปิด เน้นความนุ่มลึก ฟังสบาย และความสะอาดของความถี่ต่ำที่มีคุณภาพ ไม่เน้นปริมาณเบส และเหมาะที่จะนำไปเสริมกับซิสเต็มที่ต้องการความลึก โดยเฉพาะซิสเต็มฟังเพลง สามารถต่อเป็น Hi-level ในชุด 2 ch ใช้งานได้
3. Digital Drive Plus (DD+) เป็นซีรี่ย์รุ่นสูง ในซีรี่ย์นี้จะใส่เทคโนโลยีเด่นๆเข้ามาหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น DSP ที่สามารถต่อไมค์และ calibrate ได้จากตัวซับให้เข้ากับสภาพอคูสติกห้อง (Digital Drive Control System) และรวมถึง Servo หรือทาง Velodyn เรียกว่า Digital High-Gain Servo Control เป็นเทคโนโลยีที่ปรับแต่งและหยุดการสั่นค้างของกรวยวูฟเฟอร์ จึงทำให้สามารถเข้ากับลำโพงได้หลากหลายและให้ความละเอียดและคุณเบสที่สะอาด และมีความเพี้ยนต่ำมาก เหมาะกับคนที่ต้องการความถี่ต่ำคุณภาพสูงไปใช้กับชุดฟังเพลงหรือชุดดูหนังโดยเฉพาะ
4. MicroVee X เป็นซีรี่ย์ที่ทำออกมาปิดช่องว่างในตลาดซับขนาดเล็ก ใช้ดอก 6" คู่ เหมาะสำหรับคนพื้นที่น้อย ตัวนี้ถ้าให้ยกตัวอย่าง ก็จะอยู่ในตลาดเดียวกับ SVS 3000 Micro , Kef KC62 หรือเรียกง่ายๆว่าเป็นซีรี่ย์ซับจิ๋วนั่นเอง
5. SPL-X เป็นซีรี่ย์ที่ต่อยอดมาจาก SPL ในอดีตและผสมผสานเทคโนโลยีของ series Digital Drive ซึ่งให้ DSP ในตัว และถูกสร้างมาด้วยวัตถุประสงค์ก็คือ uncompromise low frequency ที่ให้ความเพี้ยนต่ำ เที่ยงตรงสูง และพลังเบสที่ไร้ขีดจำกัด สามารถนำไปใช้กับชุดใหญ่ๆคุณภาพสูงๆได้
ในวันนี้ตัวที่เรานำมารีวิวและลองแกะมาทดสอบก็คือรุ่นเล็กสุดอย่าง Impact X10 เป็นซับวูฟเฟอร์ขนาดตัวเล็ก กว้างเพียง 32 cm ลึกเพีบง 40 cm ใช้ดอก 10 นิ้ว ตัวตู้ดูเผินๆจะเหมือนเป็นซับตู้ปิด แต่จริงๆแล้วเมื่อหงายตู้ขึ้นมาเราจะพบว่าเป็นตู้เปิดที่มี port อยู่ด้านใต้ของตัวตู้ครับ
ในการทดสอบเราใช้เวลากว่าสองอาทิตย์ทำความคุ้นเคย และเซ็ทอัพ ลองฟัง เนื่องจากในอดีตนั้นเราอาจจะไม่คุ้นเคยกับซับ Velodyn เท่าไรนัก จะเห็นว่าเรามุ่งเน้นไปทางซับที่มีพละกำลังและ impact สำหรับการดูหนังเป็นหลัก ดังนั้นนี่จึงเป็นการฟัง Velodyn ครั้งแรกในช่วงน่าจะเกือบๆ 10 ปีของเราครับ
เนื่องจาก Impaact X10 เป็นซับขนาดเล็ก เราจึงนำมาติดตั้งในห้องฟังเล็กของเราที่มีขนาด dimension 4x5 ตรม ความสูงของฝ้าอยู่ที่ราวๆ 2.6 ม อุปกรณ์ที่ใช้นั้นประกอบไปด้วย
- Klipsch RF-7 III
- Klipsch RC-64 III
- Klipsch RP500M
- Emotiva RMC-1
- Emotiva XPA-5 Gen3
- Audyn Valor2 Gen2
- Velodyn Impact X10
แกะกล่อง
ตัวซับ Impact X10 นั้นให้อุปกรณ์ในกล่องมาประกอบไปด้วยหน้ากาก 1 อัน รีโมท 1 ชุด และสายไฟ ที่น่าสนใจก็คือ การคอนโทรลบางอย่างนั้นต้องใช้รีโมทเท่านั้น และไม่สามารถปรับที่ด้านหลังของซับได้ เช่น การปรับลดแสงไฟ led ที่ตัวตู้และ DSP Mode ที่รุ่นนี้นั้นเตรียม preset เอาไว้ให้เราทั้งหมด 4 preset ซึ่งต้องทำการปรับที่ตัวรีโมทเท่านั้น
และในส่วนอื่นๆช่องต่อ input และป่มควบคุมด้านหลังนั้นก็ประกอบไปด้วย RCA input, RCA output ช่องต่อสายลำโพง Hi-level ปุ่มปรับ phase, ปุ่มปรับ low pass และปุ่มปรับ volume
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ถูกออกแบบอย่างเรียบง่ายและไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่มีอะไรหวือหวา และดู Basic มากๆ
ข้อสังเกตของการใช้งานตรงส่วนนี้ก็คือ จะไม่มี DSP ให้ปรับแบบอิสระในตัวตู้ แต่จะมี preset เตรียมไว้ให้คร่าวๆเท่านั้น ซึ่งผู้ผลิตบอกไว้ว่ามี 4 mode ก็คือ Standard, Movie, Concert, Night Mode ซึ่งข้อเสียก็คือเมื่อเราปรับ Mode บนตัวซับผ่านรีโมทแล้วนั้น เราจะไม่รู้ว่า mode ไหนมันคืออะไร เพราะหน้าจอจะแสดงเป็นตัวเลข 1 - 4 แต่จะไม่บอกเป็นชื่อ Mode เหมือนที่ผมแจ้งไว้ด้านบน ส่วนที่ผมรู้ว่ามี 4 Mode นี้ก็เพราะไปค้นดูในเว็บไซต์ครับ
และข้อสังเกตอีกอย่างก็คือ ตัวซับวูฟเฟอร์จะไม่มี Application ให้เซ็ทผ่าน Smart Phone การปรับแต่งจะต้องทำผ่านสองช่องทางนั่นคือด้านหลังตู้ และรีโมทคอนโทรล
เริ่มใช้งาน
หลังจากแกะออกจากกล่องและติดตั้ง ผมใช้เวลาทดลองฟังโดยไม่มีการปรับแต่งอะไรยกเว้น low pass, volume เท่านั้น และลองฟังอยู่เป็นเวลา 1 อาทิตย์เต็มๆ เพื่อค้นหาว่าบุคลิคเดิมๆของซับตู้นี้ และบุคลิคเสียงเมื่อมันผ่านอคูสติกภายในห้องขนาด 4*5 ห้องนี้นั้นมันมีบุคลิคอย่างไร ซึ่งในใจผมก็รู้อยู่เต็มอกว่า บุคลิคของห้อง (หรือ acoustic ของห้อง นี้มีการโด่งในช่วงความถี่ต่ำในช่วง 30-60 Hz ค่อนข้างมาก ประมาณ 5-12 dB) แต่หลังจาก 100-200 Hz เป็นต้นไปนั้น กราฟของห้องนั้นราบเรียบทั้งหมดไปจนถึง 20,000 Hz และไม่ว่าจะเป็นลำโพงอะไร วางจุดไหน กราฟของกลางแหลมก็เรียบแบบนี้ไปตลอด เรียกว่าห้องนี้มีผลกระทบของความถี่ต่ำที่โด่งและเบสที่มากกว่าปกติจนบางครั้งใช้ลำโพงคู่หน้าดอกใหญ่ๆ 10 นิ้วก็แทบจะดูหนังพอฟังได้เหมือนห้องขนาดใหญ่ๆแต่ใช้ซับเล็กๆ 8-10 นิ้วด้วยซ้ำ
ในส่วนของห้องอีกส่วนที่อยากเขียนถึงก็คือ เมื่อมีการนำโต๊ะกลางมาวางและมีการวางลำโพงเซ็นเตอร์ซึ่งมีตำแหน่งที่โต๊ะกลางบดบังอยู่ ส่งผลให้ความถี่ต่ำบางช่วงนั้นดิ่งเหวลงไปถึง 10 dB แต่เมื่อนำโต๊ะกลางออกหรือปรับความสูงของเซ็นเตอร์ให้สูงมากพ้นระยะของโต๊ะออกมา กราฟก็ออกมาปกติ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะ center เราตัด low pass ที่ 80 ให้เป็นหน้าที่ของซับวูฟเฟอร์แทน ดังนั้นมันจะร่วงลงไปในย่าน 50-70 ก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร ตราบใดที่ย่านอื่นๆของมันทำงานปกติ
เริ่มฟังจริง
หลังจากบ่มเพาะจนถึงแก่เวลา เราก็มาหาตำแหน่งวางซับ Impact X10 และลองเซ็ทอัพให้เหมาะเข้ากับซิสเต็มหลักของเรา และตำแหน่งที่เหมาะสมนั้นไม่มีตำแหน่งไหนเหมาะไปกว่าตรงหน้าแร๊ค แถวลำโพงหน้าขวา นั่นเป็นเพราะปลั๊กไฟมันอยู๋ตรงนั้น และสายสัญญาณเราไม่สามารถลากยาวไปถึงตำแหน่งหน้าซ้ายของห้องได้ ดังนั้นนี่คือจุดเดียวที่เราวางได้
ดังนั้นโจทย์คือ การเล่นเครื่องเสียงที่ดี ต้องตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ ไม่ใช่ให้ผู้ใช้ต้องปรับตัวตามมัน เพราะไม่ใช่ทุกห้องที่จะลากซับไปวางกลางบ้าน หรือกลางห้องได้ เพราะข้อจำกัดของซับ entry level ข้อนึงก็คือช่องต่อ RCA ที่ทำให้มันลิมิทอยู่ที่ไม่เกิน 5-8 เมตร และเราก็ไม่แนะนำให้ใช้สาย RCA ยาวขนาดนั้นด้วยเช่นกัน
หลังจากวัดกราฟแล้วก็พบว่าตำแหน่งนี้ได้รับผลกระทบจากอคูสติกห้องหรือน่าจะเป็นโต๊ะกลางที่วางอยู่ ทำให้กราฟในช่วง 30-40 Hz นั้นโด่งตามปกติที่มันควรเป็น แต่พบว่าในย่าน 60, 70-80 Hz นั้นมีเหวลงไปลึกพอสมควร ซึ่งวิธีแก้ที่ถูกต้องนั้นคือ ย้ายซับไปตำแหน่งอื่นเลย หรือเอาวัสถุใดๆที่มันขวางและกระทบกับคลื่นความถี่ต่ำที่น่าจะมาถึงจุดนั่งฟังออก เพราะถ้าเราไม่ทำอะไรเลยนั้น เสียงที่ได้จากกราฟลักษณะนี้ก็คือมันจะมีแต่คลื่นความถี่ต่ำ หึ่มๆ ฮึ่งๆ แต่ขาดหัวโน๊ต ขาดความคม และขาดหัวเบส หรือภาษาบ้านๆก็คือไม่มีแรงปะทะ ไม่มีเบสลูกๆให้สัมผัส จะมีแต่เบสครางๆหึ่งๆแผ่ๆ ออกมาแทน ยิ่งเร่งยิ่งกลบรายละเอียด ซึ่งก็ตรงกับที่เราทดลองฟังแบบไม่ปรับอะไรเลยมาตลอดสัปดาห์ครับ
*กราฟเป็นตามรูป
หลังจากเราหาวิธีแก้เหวที่ความถี่ดังกล่าวแล้ว (แก้ได้ 3 วิธี ได้แก่ หาที่วางใหม่ , ปรับอคูสติกสัดส่วนห้องใหม่ , ใช้ DSP ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือวิธีแรกและวิธีที่สอง เพราะตามหลักแล้วการดึงขึ้นมักไม่ได้ผลดีเท่าการกดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดึงขึ้นที่มากขนาด 10 dB ขนาดนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่ดี)
แนวเสียง
แนวเสียงที่ได้จากซับ Impact X10 นั้น เริ่มจากข้อดีก่อนนั้นคือ ด้วยความที่มันเป็นตู้ปิด จึงให้พละกำลังและเบสที่มากเพียงพอที่จะควบคุมห้อง 4*5 นี้ได้พอเพียง ในระดับที่ไม่ต้องเร่งมากจนเกินไป เมื่อเทียบกับซับขนาดเล็กยี่ห้ออื่นๆที่เป็นตู้ปิด ที่เรามักจะต้องเร่งไปจนเกือบสุด
ในขณะที่แนวเสียงที่ได้นั้น ต้องบอกว่าเป็นความถี่ต่ำที่มีมวล หนา เป็นลูกใหญ่ มีเนื้อมีหนัง อิ่มน้ำ มีความกลางๆระหว่างช้ากับเร็ว คือไม่เร็วจนห้วน ในขณะเดียวกันก็ไม่ช้ามากนัก แต่ยังมีความกระฉับกระเฉงพอในการดูหนัง ไม่ยืดย้วนอย่างที่เราคิด ในขณะเดียวกันก็ให้ความถี่ต่ำที่ fill ห้องฟังได้เต็มห้อง และให้บรรยากาศแผ่ปกคลุมเต็มห้องเป็นบรรยากาศได้ดี ในขณะที่ลูกพั๊นซ์ที่แฟนๆหนังแอคชั่นถวิลหาอย่างเสียงลูกปืนใน John Wick นั้นก็ให้ความคมในระดับนึง ไม่ถึงขนาดเป็นลูกเหล็กวิ่งมากระแทกอก แต่ก็มีให้เป็นมวลเบสที่สมกับราคาและไม่ขี้เหร่
ซึ่งที่ทดลองฟังหลายแทร๊ค หนังที่เน้นบรรยากาศของความถี่ต่ำนั้น ซับ Impact X10 จะทำได้ดีเป็นพิเศษเช่นหนังสยองขวัญ หรือหนังอย่าง Ford vs Ferrari นั้น พบว่ามีความน่าประทับใจในความถี่ต่ำที่ได้ตรงที่ได้มวลเบสและเสียงกระหึ่มของเครื่องยนตร์ลอยรอบๆห้องและปกคลุมให้บรรยากาศที่ทำให้รู้สึกว่าความถี่ต่ำที่ได้นั้นได้ทำหน้าที่เติมเต็มเสียงกระหึ่มคำรามแผดของเครื่องยนตร์ให้มีความดุดันและน่าฟังยิ่งขึ้นกว่าเดิมๆที่ผมเคยใช้ซับตัวอื่น (ในระดับราคา Budget ใกล้เคียงกันในห้องนี้มาก่อน)
ข้อดี และเหมาะกับใคร
ดังนั้นซับตัวนี้จึงเหมาะกับคนที่ต้องการซับในราคาไม่แพงมาก ใช้ในห้องขนาดกลาง แต่ต้องการปริมาณเบสที่มากพอ และมีคุณลักษณะของเบสที่มีมวล อิ่มเอิบ ปกคลุมห้อง และเสริมบรรยากาศของความถี่ต่ำได้ดี รวมไปถึงก็ต้องไม่ขาดแรงปะทะที่หนักแน่นและมีปริมาณ แต่กระนั้นแรงปะทะก็ไม่ใช่แรงปะทะแบบบ้าคลั่งเหมือนซับ Cinema ตัวใหญ่ๆ passive ให้ แต่ให้ในรูปแบบที่ประนีประนอมระหว่างบรรยากาศ และเบส punch ที่มีในแบบลูกหนาใหญ่ มีมวลอิ่ม มากกว่าแรงกระแทกของลูกเหล็กที่ัฟังนานๆแล้วล้าหู แต่ฟังได้นาน สบายหู ไม่ขาดเบส
Impact X จะให้หัวเบสที่ติดนุ่มนิดๆ เหมือนใส่ปลายนวม ไม่ช้าและไม่ไว เมื่อปรับเซ็ทลงตัวแล้ว เบสไม่แผ่ออกมาเป็นคลื่นจนขาดหัวโน๊ต และก็ไม่คมจัดจ้านจนขาดความอบอุ่น
เรียกว่ามาแบบพอดีๆ และจูนมาอยู่ในจุดที่เมื่อเทียบราคาค่าตัวแล้วถือว่าคุ้มค่า หากคุณชอบลักษณะของเบสสไตล์นี้ นี่น่าจะเป็นซับที่หาตัวเปรียบเทียบยาก (ในช่วงราคานี้) และที่สำคัญยังช่องต่อ RCA Output และ Hi-level มาใช้งานด้วย จึงถือว่าคุ้มและครบครั้นในระดับนึง (ยังขาด XLR Input ซึ่งซับในระดับราคาไม่เกิน 5 หมื่น ผมยังไม่เจอตัวไหนที่ให้มา)
แต่กระนั้นเมื่อมีข้อดีก็ย่อมต้องมีข้อเสีย ข้อเสียของซับก็มีดังนี้
1. ไม่มี DSP Build-in การจะปรับด้วย Software นั้นต้องพึ่ง external DSP เช่น MiniDSP หรือจาก Pre-Processor ที่มีฟังชั่นนี้ หรือจาก Software ภายนอกอื่นๆเช่น Dirac Live เป็นต้น
2. Preset ที่ให้มาทั้ง 4 mode นั้นให้เสียงคล้ายๆกัน และไม่มีบอกในคู่มือและไม่บอกบนหน้าจอว่า 1 - 4 นั้นคือ Mode อะไร
3. ในส่วนของงานประกอบนั้นถือว่าทำได้ตามมาตรฐาน แน่น และหนัก ดูแข๊งแรงดี ตัวขอบนอกที่ไม่ใช้ขอบยางดู professional มาก แต่ในส่วนของแผงควบคุมด้านหลังยังดู budget ไปสักนิดนึงเช่นปุ่มปรับ Low pass ที่เป็น analog และไม่บอกบนหน้าจอว่าตอนนี้ low pass เท่าไร่ แม้ว่าจะมีหน้าปัด digital อยู่ แต่ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในส่วนนี้ และปุ่ม volume control ก็ดูธรรมดาและใช้งานยากไปนิดนึง เพราะปุ่ม volume จะออกแบบให้หมุนได้รอบ free ได้เรื่อยๆ แต่ volume บนหน้าจอจะสุดแค่่ 1-9 หากเราหมุนเกินก็ยังหมุนต่อได้ แต่ที่หน้าจอจะสุดแค่ 9
4. ในส่วนของแผงดิจิตอลด้านหน้า เมื่อเปิดเครื่องแสงไฟมีความสว่างในระดับสูงมาก ถ้าติดตั้งในห้องที่มืด รับรองว่าแยงตาแน่นอน เราพยายามหาจุดที่ปรับลดหรือปิดไม่เจอ จนสุดท้ายพบว่าการปิดไฟตรงนี้นั้นต้องทำผ่าน Remote เท่านั้น
5. ในกล่องไม่แถมคู่มือ และในเว็บไซต์ก็ไม่มีให้ดาวน์โหลด ทำให้การหาข้อมูลเชิงลึกนั้นต้องอาศัยเว็บไซต์อื่นๆที่ไม่ใช่เว็บไซต์ผู้ผลิต
นี่น่าจะเป็นซับที่อยู่ตรงกลางของซับที่มีบุคลิคดุดัน กระโฉกโฮกฮากแต่ขาดความน่าฟัง และ ซับฟังเพลงที่นุ่มแผ่แต่ขาดความเด็ดขาด เพราะนี่น่าจะเป็นซับที่รวมข้อดีของซับหลายๆตัวในตลาด ไม่ว่าจะเป็นข้อดีของตู้เปิด และความเป็น Velodyn ที่ฟังสบาย และอิ่มเอิบและยังให้บรรยากาศในการดูหนังได้ดีและไม่เด่นไปในด้านใดด้านนึงจนทำให้สูญเสียความเป็นกลางและการใช้งานที่หลากหลายไป
หากคุณมองหาซับที่เน้นความคุ้มค่ามากๆ แต่ไม่ต้องการความสุดขอบไปในด้านใดด้านนึง และมีโจทย์ว่าต้องเป็นซับระดับราคาเริ่มต้น ไม่แพง ขนาดเล็ก ใช้งานในห้องไซส์มาตรฐานสักตัว ต้องการแนวเสียงที่ฟังง่าย อิ่มเอิบ อบอวล หนักแน่น แต่ฟังได้นาน ติดปลายนวมหน่อยๆ นุ่มนิดๆ พั๊นซ์กำลังดี ฟังได้นานไม่ล้าหู และเติมเต็มความถี่ต่ำได้ดี นี่น่าจะเป็นซับวูฟเฟอร์อีกตัวที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีความต้องการแนวนี้ได้ครับ
ส่วนท่านใดที่ต้องการซับดุสุดขีด กระแทกสุดขั้ว หรือ deep สุดใจลากจนวูบตกเก้าอี้ หรือแผ่มากๆ หรือฟังเพลงเน้นเปิดเบาๆมากๆ หรือมีงบประมาณมากๆต้องกการซับที่วางเป็นเฟอร์นิเจอร์สักชิ้น อาจจะต้องมองหาตัวเลือกอื่นแทนครับ
สินค้าในตะกร้า ({{total_num}} รายการ)
ขออภัย ขณะนี้ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า
ราคาสินค้าทั้งหมด
฿ {{price_format(total_price)}}
- ฿ {{price_format(discount.price)}}
ราคาสินค้าทั้งหมด
{{total_quantity}} ชิ้น
฿ {{price_format(after_product_price)}}
ราคาไม่รวมค่าจัดส่ง
➜ เลือกซื้อสินค้าเพิ่ม