NAS กับ Home Theater (บทความนี้ไม่มีสปอนเซอร์)
วันนี้จะมาพูดกึงเรื่อง NAS ครับ
ซึ่งปัจจุบันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่น่าสนใจและค่อนข้างจำเป็นสำหรับนักเล่น Home Theater ในปัจจุบัน แม้ว่าสภาพ network ของผม (เป็นออฟฟิสที่แยกออกมาอีกหลังนั้นจะไม่เอื้ออำนวยเพราะไม่ได้เดินสายแลนไว้และห้องที่ใช้บุด้วย Rockwool ทำให้สัญญาณ WIfi อ่อนและบล๊อคสัญญาณมาก)

แต่ด้วยใจมันคิดว่าต้องศึกษาและลองเล่นดู ไม่งั้นก็ไม่รู้เสียทีว่ามันมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ลำพังการอ่านข้อมูลอย่างเดียว มันไม่สามารถตอบได้ว่าสิ่งนั้นเหมาะกับเราหรือเปล่า (เหมือนกับเครื่องเสียง อ่านมาก หาข้อมูลมาก ฟังห้องคนอื่นมาก แต่สุดท้ายก็ตอบไม่ได้ว่าของชิ้นนั้นมันจะเหมาะกับเรามั๊ยจนกว่าจะได้มาลองในห้องเราจริงๆครับ) ไม่ลองเล่นก็ไม่รู้นะครับ
ตัว NAS ที่ผมเลือกนั้นเป็นของแบรนด์นึงที่มีชื่อเสียงด้านนี้โดยเฉพาะ ตอนที่หาข้อมูลตอนแรก ปวดหัวมาก เพราะฟังชั่นมันเยอะ มันทำอะไรได้เยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเก็บไฟล์ แชร์ไฟล์ ทำ email server ทำ permission ได้ว่าใครควร access ไฟล์ไหนได้หรือไม่ได้ หรือแม้แต่ลง RoonCore เพื่อทำ Roon Reeady ก็ทำได้ หรือจะทำ server กล้องวงจรปิดก็ได้ (มี license ให้ติดกล้องได้ 2 ตัว) หรือจะทำ server multimedia ให้ชาวบ้านเข้ามา access content พวกหนัง (ซึ่งอันนี้ผมไม่ทำแน่นอน)

ไปจนถึงฟังชั่นอีกมากมายที่ไปทาง business ที่จะไม่พูดถึง ซึ่งส่วนใหญ่ผมก็ไม่ได้ใช้หรอกครับ แต่ผมใช้แค่เก็บข้อมูลไฟล์งาน ไฟล์ vdo งานรีวิว content ต่างๆ เอกสาร และหนังที่ก่อนหน้านั้นจะเก็บใน External Drive ที่เวลาจะใช้ทีก็ต้องโยกและเดินไปเสียบที่เครื่องเล่น (Zidoo UHD3000, NEo X) ตอนนี้ก็เลยอยากให้มันสามารถเก็บไว้ตรงกลางเป็น center แล้วให้ทุกเครื่องคอมพิวเตอร์ และ Zidoo สามารถ connect มาดึงไปเล่น มาใช้งานได้ครับ
อุปกรณ์ที่ใช้ก็มี NAS Server 1 ตัว และ Hard Disk 3.5" ยี่ห้ออะไรก็ได้ที่มันเคลมว่ารองรับการใช้งานหนักๆพวก NAS ได้ ซึ่งผมใช่เป็น 14 TB x 4 ลูกก่อนในเบื้องต้น ต่อ Raid 5 แบบที่อนุญาติให้ Hard Disk เสียได้ลูกนึง โดยที่ข้อมูลของเราจะไม่เสียหาย หากอนาคตไม่พอก็สามารถต่อขยายออกไปได้ตามกำลังทรัพย์ (ข้อนี้สำคัญ) และข้อมูลที่เรามี

การต่อใช้งานและเรื่องเทคนิคขอข้ามไปเลยนะครับ หลักง่ายๆก็คือเอาเครื่อง NAS มาใส่ Hard Disk แล้วเสียบสายแลนให้มันอยู่ในวง network เดียวกับวงที่เราใช้ แล้วก็เอาข้อมูลเรายัดลงไปแล้วก็แชร์และตั้ง permission มัน ซึ่งผลลัพธ์ก็ค่อนข้างน่าพอใจตรงที่มันก้จะสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆได้
สามารถดูหนังจาก Zidoo และอุปกรณ์ทุกอย่างที่เรามีไม่ว่าจะเป็น คอม หรือมือถือต่างๆได้ง่าย ซึ่งทุกห้องดูหนังก็สามารถเรียกดูหนังได้จากคลังเดียวกันโดยไม่ต้อง copy หนังโยกไปโยกมา ทุกห้องสามารถดูหนังได้อิสระโดยแค่โยนหนังลงไปใน NAS แค่นั้น (จริงๆทุก media player ก็สามารถดูผ่าน NAS ได้หมดครับขอแค่รองรับ SMB Network เป็นใช้ได้) แต่สาเหตุที่เลือกใช้ Zidoo เพราะด้วยระบบที่เสถียร เร็ว และแนวเสียงที่ให้โทนัลบาล้านดี ไม่บาง และไม่แฮ้ง ไม่เอ๋อ ทำให้เหมาะที่จะใช้กับ NAS มากกว่าครับ (บางทีคลิ๊กไปแล้วรอ 10 วินาที เรานึกว่าช้าที่ network จริงๆไม่ใช่ ช้าที่เครื่องเล่นเราอะไรแบบนี้ก็ไม่ไหว มันนานไป)
รวมถึงสามารถเปิดแชร์ให้คนภายนอกเข้าถึงไฟล์ของเราได้โดยการส่งลิ้งค์ให้ได้ด้วย ซึ่งก็สะดวกดี
แต่ข้อจำกัดเดียวคือ NAS นั้นต้องพึ่งพิง Network และโครงสร้างการวาง Network ก่อน ถ้าวางแผนเดินสายแลนไว้ตามจุดต่างๆที่เราใช้งานได้ จะได้ประสิทธิภาพสูงสุด ไม่อย่างนั้นก็จะต้องใช้ Wifi แทน ซึ่งความเร็วก็จะดรอปลงมาค่อนข้างเยอะพอสมควรครับ

สำหรับคอ Home Theater นั้นการมี คอลเลคชั่นหนังที่เรา rip เก็บไว้ และสามารถเรียกดูจากในระบบของเราทุกที่ ทุกเวลา ไม่ต้องลุกขึ้นจากโซฟา ไม่ต้องใส่แผ่น ดูได้ทุกจุด มันสะดวกดี และน่าจะเหมาะกับระบบ Home Entertainment ในบ้านยุคใหม่ที่นับวันเทรนการไปดูภาพยนตร์นอกบ้านจะโรยราลงเรื่อยๆ แต่การมีโรงหนังส่วนตัว มีระบบที่สามารถเรียกดูหนังได้ทุกที่ทุกเวลาที่ไม่ใช่การเช่า แต่เราเป็นเจ้าของ content นั้นและเก็บไว้ใน Network ของเราที่อนุญาติให้เราบริหารจัดการได้เองไม่ว่าจะลง หรือลบ content อะไร ก็ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
ที่กล่าวมาไม่ใช่แค่รองรับความบันเทิงอย่างเดียว แต่ยังรอบรับการทำงานหรือ content ต่างๆได้ด้วย เหมาะกับบ้านยุคใหม่ครับ
แนะนำว่าใครมี network ที่พร้อมก็สามารถลองเล่นดูได้ครับ
แต่ถ้าใครยังไม่มีอะไรเลยทั้งเครื่องเสียงและระบบ แนะนำว่าออกแบบ Home Cinema , ทำห้องดูหนัง และรวมไปถึง Soultion NAS แบบครบวงจร แบบเสร็จพร้อมดูได้ไปเลยทีเดียวจะดีที่สุดครับ
เราเปลี่ยนอดีตไม่ได้ และอนาคตก็เดินหน้าทุกวัน ผมเชื่อว่าอนาคตยังไงการดูหนังแบบสมัครสมาชิกดู (Netflix, Disney Plus , etc) ก็ต้องมา และจะพัฒนาไปเรื่อยๆ ในขณะที่ physical disc และโรงหนังก็ไม่สามารถสู้กับความเป็นจริงที่ว่า อะไรที่มันสะดวกสบายกว่า ถูกกว่า และเข้าถึงง่ายกว่า ก็ย่อมมาแทนที่
วันเวลาของเราเหลือน้อยลงทุกวันเช่นกัน ตอนนี้อยากเล่นอยากทำอะไรที่มีความสุขและไม่เดือดร้อนใคร ก็ทำเลย อย่าให้ถึงวันที่เรารู้สึกว่าเป็นวันที่เราไม่ไหวแล้ว เดินไม่ไหว หูตึง ตาพร่าเบลอแล้วมานั่งเสียดายว่า ยังมีสิ่งสนุกๆอีกมากที่เรายังไม่ได้ทำ รู้งี้น่าจะลองเล่นลองทำเสียก่อนตอนที่ยังมีแรงดีกว่า

ปล ข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็น (Data is King) หาข้อมูลได้ถึงจุดนึง ก็ต้องลงมือทำด้วย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการลงมือทำ เราไม่มีวันรู้ได้จากการอ่าน แต่คือการลงมือทำจริง ข้อดีข้อเสียมาจากการลอง ลำโพงและอุปกรณ์ที่เสียงดีของคนอื่นอาจจะไม่ใช่สำหรับเรา สิ่งที่การันตีให้เราได้ระดับนึงก็คือข้อมูลจากชาวโลก เขานิยมอะไรกัน เล่นอะไรกัน ไม่ใช่ข้อมูลของร้านค้า หรือ influencer ที่รับเงินหรือของแล้วมาเชียใน Social Network (ก่อนนั้นก็เชียร์ใน ThaiDVD, และตามเว็บบอร์ด)




