วันนี้ได้มีโอกาสไปส่ง Klipsch La Scala AL5

ของใหม่แกะกล่องให้กับพี่ท่านนึงที่พระราม 2 ครับ
ในขั้นตอนของการติดตั้งคงไม่ลงดีเทลอะไร และชื่อเสียงและความยอดเยี่ยมของลำโพงเราก็คงไม่ต้องพูดกันอีกแล้ว เพราะนี่เป็น หนึ่งใน The Best Horn Speaker ที่มีอายุการตลาดยืนยาวกว่า 75 ปี และเป็น generation ที่ 5 แล้วที่ถูกปรับปรุงขึ้นมา (ราคาพุ่งขึ้นทุก gen) โดยที่มันยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องมาตลอดกว่า 7 ทศวรรษ โดยที่ไม่เคยสร่างความนิยมลงเลย และกลับกันมันยิ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในลำโพง Horn ที่ดีที่สุดตัวหนึ่งในโลกที่หาซื้อได้ในตลาด ณ เวลานี้
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่ใช่ตัวลำโพง เพราะตัวมันพิสูจน์ตัวเองไปแล้วผ่านการเดินทางของเวลากว่า 70 ปีบนเวทีโลกด้วยการยอมรับของนักเล่น ทั้งอเมริกาและยุโรปทั้งในเรื่องของความทนทาน และคุณภาพเสียงที่ให้ความกลาง, musical, เที่ยงตรง ดังที่เราจะเห็นว่าลำโพงตัวนี้ยืนหยัดมาหลายชั่วอายุคน รุ่นต่อรุ่น และไม่ว่าจะเป็นวัยไหนก็หลงรักในคุณภาพเสียงของมันได้ไม่ยาก เพราะคาแรคเตอร์ของมันนั้นไม่ใช่เสียงแบบลำโพงวินเทจ หรอลำโพงฟังเพลงทั่วๆไป แต่มันให้เสียงที่เที่ยงตรงและเข้ากันได้กับทุกรูปแบบแนวเพลง โดยเฉพาะจุดเด่นที่ทุกคนต่างยอมรับนั่นก็คือ detail. clarity, image, soundstage และความเป็น live ที่เหมือนพาเราไปยืนฟังอยู่ตรงหน้าเวทีจริงๆครับ

แต่สิ่งที่น่าสนใจวันนี้ก็คือ ระหว่างที่เรา un-pack และติดตั้งกันเสร็จแล้วนั้น (ใช้เวลาแป๊ปเดียว) ระหว่างที่ผมกำลังนั่งฟังนั่งเล่น เปิดเพลงอะไรเทสไปเรื่อยเปื่อย เพื่อให้มั่นใจว่าลำโพงทำงานได้ถูกต้องตามที่มันควรจะเป็น (รูปติดตั้ง และคลิปตัวอย่างเสียงดูได้ในคอมเม้นด้านล่างครับ) ก็มีบทสนทนานึงที่คุยกับพี่เจ้าของลำโพงสั้นๆว่า......
"เดี๋ยวนี้ Trend และข้อมูลข่าวสารมัน connect กันทั้งโลก เราปิดกั้นคนเหมือนอดีตไม่ได้อีกต่อไปแล้ว อะไรที่ดีในอีกซีกโลกนึง ผมคิดว่ามันเข้าถึงคนในอีกซีกโลกได้ง่าย เพราะข้อมูลมันเข้าถึงกันหมด...."
"ผมเชื่อว่าปัจจุบัน Trend เป็นสิ่งที่ connect กันทั้งโลก ทุกวันนี้เรามี internet เราสามารถคุยและสื่อสารกันข้ามโลก พิมพ์ข้อความส่งรูปถ่าย ส่งวีดีโอเจรจาธุรกิจกันข้ามทวีป เรารู้ว่าวันนี้อะไรฮิตที่ไหน เราสามารถรับรู้สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นได้ที่อีกมุมโลกนึงได้ภายในไม่กี่วินาที และรวมถึงความบันเทิงที่เข้าถึง กันง่ายและเร็วขึ้น ความรู้ต่างๆ รวมถึง Trend ที่ส่วนใหญ่มันไปในทิศทางเดียวกันทั้งโลก (One Trend) ผมเชื่อว่าคุณภาพเป็นตัวพิสูจน์สินค้า ถ้ามันได้รับความนิยมและเสียงตอบรับที่ดีในเวทีโลก ผมไม่คิดว่า จะมีประเทศใดประเทศนึงจะแตกต่างออกไป แม้สินค้านั้นอาจจะไม่ได้รับการ PR หรือทำการตลาด แต่ของดีก็คือของดี ผู้บริโภคเป็นคนเลือก ยุคนี้ข้อมูลมาเร็วมาก
ไม่เหมือนในอดีตที่เราอาจจะไม่มีข้อมูลข่าวสารเพียงพอ โดนปิดกั้น เราไม่รู้ว่าอีกซีกโลกนึงเขานิยม เขาเล่นอะไรกันถ้าเราไม่ได้ไปสัมผัสมันจริงๆ แต่วันนี้มันต่างออกไป การปิดกั้นต่างๆน้อยลงมาก (ใช้คำว่าน้อย เพราะยังมีอยู่)

ผมยังเชื่อว่าทุกวันนี้ข้อมูลที่มากมายมหาศาล ทำให้เราเลือกสินค้าได้ง่ายขึ้น รู้ว่ามีสินค้าตัวไหนที่เหมาะกับเรา ตัวไหนแนวไหน ตัวไหนเด่นด้านใด ตัวไหนที่คนนิยม ตัวไหนมีจุดอ่อนอะไร
และการหาซื้อของกันข้ามทวีปก็ทำได้ไม่ยาก เราโดนจำกัดน้อยลง ร้านใกล้บ้านอาจจะไม่ใช่คำตอบและไม่ใช่ solution อีกต่อไป การหาสิ่งที่ใช่ที่สุดหรือสิ่งที่ดีที่สุด ทำได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องแม้แต่ขยับตัวออกจากบ้าน รวมถึงไม่ต้องออกไปตระเวนหาซื้อ ทุกสิ่งวิ่งเข้ามาหาเรา ไม่ใช่ให้เราต้องวิ่งไปหาของหรือเราต้องขับรถไปหาคนขาย ทุกอย่างมา serve ถึงที่ (นี่คือ trend ของโลก)

บางทีข้อมูลที่จริงใจที่สุดอาจจะไม่ใช่ข้อมูลจากพนักงานขายหรือ Influencer หรือสื่อที่รีวิว แต่เป็น information จากนักเล่นด้วยกันที่เราเข้าถึงได้บน laptop ในห้องนั่งเล่น หรือใน smartphone ที่เปิดโลกให้เรารู้ได้เท่าๆกับคนทั้งโลกว่าวันนี้ ถ้าเราคิดจะเล่นเครื่องเสียง วันนี้เราจะซื้อ วันนี้จะซื้อ Smartphone วันนี้เราจะเซ็ทอัพ Home Theater วันนี้เราจฟัง Streaming วันนี้เราจะซื้อลำโพงใหม่มาฟัง
อะไรคือ The Best ที่เหมาะกับความชอบของเราที่สุด โดยไม่มีข้อจำกัดว่า "เราต้องซื้อแค่ที่ในห้างมีให้เลือก หรือเซลล์แนะนำ หรือซื้อแค่ที่แบรนด์ที่จ่ายเงินซื้อโฆษณาบนหน้าหนังสือ หรือลงในสื่อ local ที่เราอ่านประจำเท่านั้น วันนี้เราซื้อของตามข้อมูลของนักเล่นที่อยู่อเมริกาได้ เพื่อนเราที่อังกฤษบอกเราว่าแบรนด์ไหนดีได้ เราดูข้อมูลลำโพง เราดู spec เราได้ information กันข้ามโลกง่ายขึ้น โดยที่ตัวเรายังนั่งอยู่ในบ้านได้

เทคโนโลยีทำลายข้อจำกัดและ barrier เดิมๆที่เราเคยมี เราถูกหลอกน้อยลง เราได้ trusted information มากขึ้น เรารู้มากขึ้น เราตัดสินใจง่ายขึ้น เราซื้อง่ายขึ้น เหนื่อยน้อยลง ออกจากบ้านน้อยลง มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัวมากขึ้น lift style, work life balnce บริโภคของดีมากขึ้น มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และสุดท้ายก็ตือ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น"
แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา สิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องรู้ก่อนก็คือ "แนวหรือความชอบและการใช้งานของคุณคือแบบไหน?" คนเราคงไม่เหมือนกันทั้งโลก บางคนชอบเสียงวินเทจ บางคนชอบเสียงไม่มี color บางคนชอบพุ่งๆ บางคนชอบนุ่มๆช้าๆเนิบๆ ถ้าเรารู้ว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่เราตามหา ที่เหลือก็ไม่ยากที่จะตามหาสิ่งที่ดีที่สุดครับ
เพราะการใช้ของที่ไม่ตรงกับความชอบและการใช้งานของเราเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่า ซื้อรถซีดานไปขนของก็ไม่คุ้ม ซื้อรถกระบะไปส่งลูกที่โรงเรียนก็นั่งไม่สบาย ซื้อ suv หวังจะได้ทั้งสองอย่างถ้างบไม่มากพอก็ย้วยโคลงอีก

แน่นอนไม่มีลำโพงไหนในโลกที่ปิดกั้นตัวเองและบอกกับทุกคนว่าลำโพงเขาฟังเพลงดีอย่างเดียวนะ อย่าเอาไปดูหนัง ไดนามิคไม่ดี หรือเร่งมากๆแล้วมัน distort
หรือแบรนด์ไหนที่บอกว่าลำโพงเขาดูหนังดีนะ แต่ฟังเพลงเสียงกัดหู และแข๊ง
ทุกคนบอกว่าตัวเองคือ Music & Home Theater ทั้งนั้นแหละครับ ไม่มีใครตัดโอกาศตัวเองบอกว่า เฮ้ยคุณห้ามเอาไปเปิดเพลงนะ หรือห้ามเอาไปเปิดหนังนะ
แต่ความเป็นจริงแล้วไม่มีลำโพงหรืออุปกรณ์เครื่องเสียงใดๆในโลกที่ all around the world หรือตอบโจทย์ได้หมดทุกอย่าง ทุกแบรนด์ต่างก็ presence ข้อดีของตัวเอง
ลำโพงฟังเพลงดูหนังได้มั๊ย ตอบว่าได้ แล้วข้อเสียคืออะไร?
แล้วลำโพงดูหนังละ ฟังเพลงได้มั๊ย ตอบว่าได้ แล้วข้อเสียคืออะไร?
แต่ดีมั๊ยนั้นผมให้คุณๆท่านๆ ที่อ่านบทความนี้จบลองหาข้อมูลดูเองครับ

หลักการในการถ่ายทอดเสียงจริงๆแล้วก็คือ ป้อนอะไรเข้าไป ก็ส่งแบบนั้นออกมา นี่คือดีที่สุด แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ เพราะเสียงมันมีคาแรคเตอร์ มีความดัง มี distort มีบุคลิคที่ไม่เหมือนกัน และการฟังเพลงกับการดูหนังก็มีคุณลักษณะที่ความชอบของคนเราที่ชอบไม่เหมือนกัน เราคงไม่เอาเครื่องมือที่เหมาะกับใช้ไขอย่างนึง ไปใช้ไขของอีกอย่างนึงที่ต่างกันออกไป
ลำโพงที่ดูหนังดีมากๆ แต่ฟังเพลงแข๊งมากมีมั๊ย = มี แล้วคุณให้ความสำคัญกับการดูหนังหรือฟังเพลงมากกว่ากันละ เพราะจะคุ้มหรือไม่คุ้มก็อยู่ที่ตรงนี้ ?
ลำโพงที่ฟังเพลงดีมากๆ แต่ดูหนังไม่สนุกมีมั้ย = มี แล้วคุณหวังเรื่องฟังเพลงหรือดูหนังเป็นหลักละ?
ลำโพงที่ดูหนังและฟังเพลงดีมีมั้ย = มี แต่มันจะกลางๆ คุณพอใจกับความกลางๆของมันมั้ยละ?
กล้อง DSLR FullFrame, MirrorLess ตัวเป็นแสนถ่ายรูปดี แต่โทรออกไม่ได้ ทำไมมีคนซื้อ เพราะเอาไปทำงานและเน้นถ่ายรูป
ในขณะที่กล้อง Smart phone เครื่อง 4-5 หมื่น ที่เคลมว่าเป็นที่สุดเรื่องถ่ายรูปทำได้ทุกอย่างแต่ยังสู้กล้องด้านบนไม่ได้ ทำไมมีคนซื้อ ก็เพราะคนซื้อไม่ได้ต้องการ the best แต่ต้องการ all in one ที่ดีพอสำหรับเขา และไม่ได้เอาไฟล์ไปทำงานอะไรที่มันใหญ่โตมากนัก
ก็คำตอบก็คือคุณพอใจคุณภาพแค่ไหน ใช้งานแบบไหนก็ซื้อแบบนั้น แต่ของที่ดีทุกอย่าง ทั้งดูหนังก็ดี ฟังเพลงก็เยี่ยม ไอ้นู้นก็ดี ไอ้นั้นก็สุดยอด ของแบบนี้ไม่มีในโลกครับ
ขอบคุณที่ติดตาม
