Zidoo Neo X - Flagship 4k Media Player

Zidoo เป็นบริษัทสัญชาติจีนที่ก่อตั้งในปี 2014 (17 ปีที่แล้ว) มีความเชี่ยวชาญในการทำเครื่องเล่นประเภท Media player ทำเครื่องเล่นไฟล์ส่งออกไปขายฝรั่งไปทั่วโลก และได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีสินค้าคลอบคลุมตั้งแต่ entry level ระดับหลักพันบาท ไปจนหลักครึ่งแสน
ล่าสุด Zidoo ออกเครื่องรุ่นใหม่ใช้ชื่อว่า Neo X ที่เราเห็นตั้งท่าจะออกมาสักพักนึงแล้ว และก็เว้นช่วงหายไป จนสุดท้ายมาประกาศข่าวดีเมื่อเดือนก่อนว่าจะออกจริงๆเสียที และไม่พอ Zidoo ยังทำรุ่น Neo X Founder Edition หรือรุ่นโมเต็มสูบออกมา ราคาพุ่งไปเฉียดแสน ซึ่งส่วนตัวคิดว่าถ้าจะจ่ายราคานี้สู้ไปหิ้ว kaleidescape มาไม่ดีกว่าเหรอ (บ้านเรานำเข้ามาแต่ตัวปกติ ไม่นำเข้า Founder Edition ถ้าใครเห็นรุ่นนี้มีจำหน่ายก็ให้ทราบว่าเป็นสินค้าหิ้วมาเอง)
ตัวเครื่องของ Neo X ดูในรูปแล้วหวั่นใจเหลือเกินว่าจะทำออกมาดูเป็นเครื่องเล่นไฟล์เพลงแนว Cocktail และหน้าตามันก็ดูเป็นเครื่องเล่นเพลงมากกว่าเครื่องเล่นไฟล์หนัง
จนในที่สุดมาเห็นตัวจริงก็ต้องบอกว่า โล่งใจนิดหน่อยเพราะหน้าตามันดูดี ไม่ก๊องแก๊ง และการใช้งานก็ไหลลื่น แถมตัวเครื่องดูบึกบึน ดูมีราคา และตัวเครื่องค่อนข้างหนักพอสมควร (หนัก 10 kg)

ตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียมเกรดอากาศยาน (Aviation Grade) มีหน้าปัด 5-inch OLED HD touch screen ได้ให้มาด้วย ซึ่งไอ้หน้าจอนี้เราคงหวั่นใจว่าสำหรับคนดูหนังนั้น มันจะเอาไว้ทำอะไร และดูหนังอยู่แล้วหน้าจอสว่างโร่ออกมาแยงตามันจะเวิร์คหรือเปล่า ปรากฏว่าการใช้งาน ไอ้หน้าจอ OLED นี้มันจะติดเฉพาะตอนที่เราอยู่หน้าจอใดๆก็ตามที่ไม่ได้ดูหนัง แต่เมื่อใดก็ตามที่เรากดเข้าหนังหรือเล่นหนังเมื่อไร่ หน้าจอตัวนี้มันจะดับเองโดยอัตโนมัติ และเมื่อเรากดออกมาเลือกหนังที่ด้านนอก หน้าจอก็จะติดกลับมาให้เรา

Specification
- CPU Realtek RTD1619DR ARM Cortex-A55(hexa-core) ใช้ DAC ES 9038Pro
- รองรับ Analog output ทั้งXLR, RCA และรองรับ Digital input ทั้ง USB, AES/EBU, Coaxial input *1
ซึ่งช่อง AES/EBU นี้ไม่ค่อยเจอในเครื่องทั่วๆไปเท่าไร่ ผมเห็นใน Gryphon ก็ให้ช่องนี้มา เป็นช่องเชื่อมต่อกับที่ดูคล้ายกับสาย XLR แต่เวลาถ่ายโอนสัญญาณจะทำงานแบบเดียวกับสาย S/PDIF ซึ่งจะไม่ค่อยพบในอุปกรณ์ทั่วไปในตลาดเท่าไรนัก
- HDMI output ให้มา 1 ช่องไม่มีการแยก Audio , Video
- USB input ให้มา 3 ช่องสามารถเชื่อมต่อ Hard Disk external ได้พร้อมกัน 3 ลูก
- รองรับ Hard Disk internal ได้ 1 ลูก ความจุสูงสุด 16 TB
- เครื่องยังปล่อย wifi hotspot ในตัวเองได้ (ซึ่งอันนี้ไม่รู้ว่ามีเอาไว้เพื่ออะไรจริงๆ)
- มีฟังชั่นในการทำ Network Sharing Protocal แชร์และถ่ายโอนข้อมูล NAS server ผ่าน LAN ด้วย NFS, SMB v1/v2/v3, UPnP network protocols
- ตัวเครื่องรองรับ Dolby Vision, HDR10 , HDR10+
- ระบบเสียง passthrough ออกไปด้านนอกจึงรองรับหมดทุกระบบเสียงในโลกนี้อยู่แล้ว
- หน้าจอ OLED แบบ Touch screen 5 นิ้ว ด้านหน้านั้นไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์เท่าไรนักกับคนเล่น home theater เพราะมันใช้สำหรับเลื่อนแทร๊ก เลือกเพลงต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่คนดูหนังคงไม่มีใครเดินไปเปลี่ยนหนังที่ตัวเครื่อง แต่เรามักจะใช้รีโมทหรือใช้ app remote แทนมากกว่า (ซึ่งเราซื้อเครื่องแบบนี้มาก็เพื่อลดภาระและอำนวยความสะดวกในการเดินไปเปลี่ยนแผ่น ดังนั้นจึงไม่น่ามีใครที่ชอบเดินไปกดเปลี่ยนที่ตัวเครื่อง ยกเว้นคนที่วางเครื่องไว้ใกล้ๆมือ หรือใช้ทดแทนรีโมทตอนช่วงที่เดินไปตรงจุดนั้นพอดี)
- NEO X ใช้ DAC ES9038 PRO 32-bit HyperStream ซึ่งเป็น Dac ที่ให้ Dynamic Range สูงถึงระดับ 140dB
- ภายในออกแบบโดยใช้ Toroidal Linear Power Supplies 2 ลูกแยกกันระหว่างวงจร Analog และ Digital
- ให้ SNR 118dB, crosstalk -128dB และลด Background noise และ distortion เพื่อวัตถุประสงค์คือให้คุณภาพเสียงที่สะอาดที่สุด
- รองรับ MQA Decoding
- รองรับ decond up to 768kHz/32bit PCM , DSD512 ผ่านช่อง USBDAC
- Bluetooth รองรับ SBC.AAC/aptx/aptX LL/ aptx HD/LDA รองรับการเชื่อมต่อ bluetooth แบบ lossless
- รองรับ Music Streaming Airplay, Spotify, DLNA ผ่านทางวงแลนเดียวกัน
- ใช้ Dual Audio Clock คุณภาพสูง อย่าง ACCUSILICON high-precision femtosecond
- สามารถปรับแต่ง EQ สำหรับการฟังเพลง

การใช้งาน
เราทดสอบต่อกับ 2 system ด้วยกันนั้นคือ ชุด 5.1 Emotiva rmc-1, Emotiva xpa5 และลำโพง Klipsch Heresy iv
ส่วนอีกชุดเป็น Strom isp24 mk2, ATI at6003, Emotiva xpa6, Emotiva XPA7, Aurea
การใช้งานไม่มีอะไรยุ่งยากแค่เสียบ hdmi แล้วก็นำ hard disk มาต่อใช้งานได้เลย ไม่ต้องโหลดแอปอะไรมาลงอีก
จะสังเกตว่าโปรแกรมที่ใช้ใน Neo X จะไม่เหมือนกับตัวอื่นๆของ Zidoo ทั้งหน้าจอเมนู และ Poster Wall ซึ่งจะแตกต่างเล็กน้อยอย่างไม่มีนัยยะสำคัญ


Poster Wall
คุณภาพเสียง (ในการรับชมภาพยนตร์):
เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นรองลงมาอย่าง UHD3000 สังเกตและสรุปเป็นข้อๆที่แตกต่างกันได้ดังนี้
- ความสะอาด ความกระจ่าง ความชัด clear และรายละเอียดเสียงเล็กๆน้อยๆ ที่ขุดดีเทลทำได้ดีกว่า (มาก) โดยเฉพาะความสะอาดของเนื้อเสียงเช่น Logan ฉากที่พระเอกขับรถหนีแล้วไปชนกับรั้วลวดหนาม จนได้ยินเสียงเครื่องยนต์เบิ้ลรัวๆ ครืดๆๆออกมาที่เดิมออกมาเป็นเบสก้อนๆ แต่อันนี้ได้ยินรายละเอียดในเสียงที่รู้สึกถึงความสั่นของเครื่องและกำลังที่ถููกเค้นออกมา
และหลายๆฉากที่มีเบสมาเยอะๆ ก็ให้ความสะอาดและรายละเอียดที่ชัดขึ้นไม่อึมครึมและขุ่นมัว
และ 300 Rise of Empire เสียงพูดก็ชัดและคม สะอาด clear กว่าเดิมแบบเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะการรับชมคอนเสิรต์ เช่น แอด ชีแรน ก็ให้ความคมชัดและกระจ่างของเสียงตัวนักร้องได้แบบไม่ต้องจับผิด
และอีกฉากที่ทดสอบก็คือ Ready Player One ฉากที่พระเอกกับนางเอกยิงและหนีออกมา เสียงพูดและเสียงกระสุนชัดเจน ในขณะที่คุณภาพของความถี่ต่ำไม่จำเป็นต้องลดลง
ซึ่งรายละเอียดและความชัดเป็นสิ่งที่ improve ขึ้นมากและเห็นได้ชัดที่สุดที่พัฒนาขึ้นกว่าตัว UHD3000 มากครับ (เครื่องปลายทางควรต้องสามารถแสดงศักยภาพได้ด้วย)
- ไดนามิคของเบส แรงปะทะฉับพลัน ทำได้ดีกว่าพอสมควร สังเกตจากเรื่อง 300 Rise of Empire ฉากเปิดเรื่องที่เราความเป็นมาของ Themistokles เสียงฟ้าผ่า เสียงเอฟเฟคตอนดาบฟาดไปที่คู่ต่อสู้หนักหน่วงและรุนแรงกว่า uhd3000
- รวมๆแล้วบุคลิคเสียงของ Neo X ให้โทนัลบาล้านที่ดีกว่าตัว UHD3000 อย่างเห็นได้ชัด ในแง่ของ UHD3000 ที่ให้โทนไปทางดุดัน เน้นเบส มีเนื้อ และแรงปะทะที่เหนือกว่าเครื่องเล่นหลายๆตัว แต่ในบางจังหวะในแง่ของความชัดใส กระจ่างและยามที่เบสมาเยอะๆก็ยังสังเกตได้ว่ายังสู้เครื่องเล่นที่ให้เด่นในด้านรายละเอียดไม่ได้บ้าง (แต่เครื่องเล่นที่เด่นในด้านรายละเอียดก็ขาดคุณภาพเบสที่สู้ UHD3000 ไม่ได้เช่นกัน)
ตัว Neo X จึงเหมือนมาเพื่อปรับสมดุลตรงนี้ให้เนื้อเสียงมีรายละเอียด ชัด สะอาด และแยกแยะรายละเอียดได้ดีในขณะที่เนื้อเบสไม่ได้ลดลง และผลพลอยได้ที่ตามมานั่นคือ back groud ที่สงัดและสะอาดทำให้ไดนามิคในฉากพวกฟ้าผ่า ผีโผล่ หรือฉากที่ตูมแรงๆดังๆนั้นทำได้ดีและโหดกว่าเดิมแบบเห็นได้ชัดครับ

คุณภาพของภาพ
ทั้งคู่รองรับ HDR10, HDR10+, Dolby Vision ทั้งคู่ คุณภาพภาพเป็นไปตามมาตรฐาน 4K และไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญกับเครื่องเล่น 4K Media player อื่นๆ (เพราะมันตันด้วยเทคโนโลยีภาพเดียวกัน มาตตรฐานเดียวกัน)
แต่ในเรื่องโทนสี ความสว่างและคาแรคเตอร์ของภาพที่แตกต่างกันในแต่ละ player นั้นย่อมมีความแตกต่างกันไปบ้างเล็กน้อย ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ของเครื่องเล่นแต่ละชนิด จอแสดงผลที่แต่ละคนใช้ และห้อง แสง การปรับภาพ และความชอบของแต่ละคน แต่ส่วนตัวไม่ได้ต่างกันมากพอที่จะให้ลงทุน (หากจะซื้อแค่เหตุผลเฉพาะเรื่องภาพ)

การใช้งาน
แน่นอนว่า Zidoo ก็คือ Zidoo ทุกอย่างยังรวดเร็ว ฉับไว ปุ๊ปปั๊ป กดปุ๊ปมาปั๊ป ลื่นไหลและใช้งานง่าย user friendly และ แทบจะ free of bug หายห่วงเรื่องการใช้งาน ทุกอย่างยังสมูธเหมือนเดิม และเหมือนจะเร็วกว่าตัว uhd3000 เล็กน้อย (เล็กน้อยมาก)
ในเรื่องความทนทานนั้นอาจจะต้องดูกันไปสักระยะ แต่ด้วยตัว uhd3000 และ uhd2000 ที่ผ่านมือเรามาไม่ต่ำกว่า 30-40 เครื่อง ยังไม่เคยเจอเครื่องเสียแม้แต่เครื่องเดียว
remote control ทำงานรวดเร็ว กดติดง่าย ไม่หน่วง แต่กินแบต (เพราะมี backlit)
การอ่านไฟล์ทำได้รวดเร็ว ไม่หน่วง กดแล้วมาตามมือ และอ่านไฟล์ได้ทุกไฟล์ (ก็แน่ละ) ตัวเครื่องไม่ต้องไปลงแอปดูหนังอะไรและไม่ต้องปรับแต่งอะไรให้เยอะแยะ มาถึงปรับแค่ audio output เป็น raw แค่นี้ก็ดูได้เลย

การฟังเพลง
ในจุดนี้เนื่องจากเราไม่มีไฟล์เพลงมาทดสอบและเราหยุดการทำตลาดสินค้าประเภท 2 แชนแนล จึงขอไม่พูดถึงในเรื่องนี้ครับ แต่ในส่วนของตัว Neeo X นั้นมีฟังชั่นสามารถ Streaming ได้ด้วย (ว้าว) โดยสามารถต่อ Spotify, Air play, DLNA ได้ ซึ่งก็น่าเสียดายที่ได้แค่ Spotify จริงๆด้วยราคาค่าตัวแบบนี้ Zidoo น่าจะออก firmware ออกมาอัพเดทให้รองรับ Tidal connect และ Roon Ready (Roon Ready Certified จริงๆที่ไม่ใช่ Roon Ready แต่ไม่ Certified แล้วใช้ผ่าน network ไม่ได้เหมือนเครื่องไทยบางตัว)
ส่วนการทำงานผมลองใช้ Spotify ก็พบว่าเครื่องทำงานรองรับ Spotify connect นั้นคือแค่ให้ Neo X เข้า wifi หรือวงแลนเดียวกันกับอุปกรณ์ที่จะเล่น Spotify แค่นี้ก็สามารถเือก output โดยจะเห็น Neo X เป็นปลายทางได้เลย ง่ายดีใช้ได้ครับ
คุณภาพเสียงก็ใช้ได้และค่อนข้างดีกว่า Spotify จากเครื่องเล่น Streaming ในระดับเริ่มต้นและกลางๆเลยทีเดียว แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ควรรองรับ Tidal Connect และ Roon Ready ครับ (ขอมากไปไหม)

เครื่องสามารถปล่อย wifi hotspot ได้แต่ยังหาวิธีใใช้ประโยชน์จากตรงนี้ไม่เจอ

รองรับ Spotify Connect โดยตรง โดยจะมองเห็น Neo X เป็นปลายทางเลย

เครื่องสามารถโชว์ปกได้ด้วย
ข้อดี
1. ตัวเครื่องงานประกอบดีมาก หนักแน่น หนัก หนา และคงทน durable มากๆ โดยเฉพาะตัวถังอลูมิเนียมแบบนี้ทำให้ไม่ดูเก่าและทนต่อรอยขีดข่วน รวมถึงอุปกรณ์ภายในที่คัดเกรด หม้อแปลงเทอรอยด์สองลูก ทรงเครื่องที่ดูหรูหรา (แต่ไซส์เครื่องไม่มาตรฐาน มันแคบ แต่ลึก แต่อย่างไรก็ตามก้ไมไ่ม่มีปัญหาในการใส่ในแร๊ค)
การใช้งานเครื่องก็มีความร้อนสูงกว่าตัว uhd3000 พอสมควร แต่ไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนแต่อย่างใดแม้วางในตำแหน่งอับลมและอากาศไม่ถ่ายเท (ตำแหน่งที่วางนั้นร้อนและอากาศไม่ถ่ายเท ขนาดที่ ps5 วางตำแหน่งนี้ไม่ได้ ใช้ไปแล้วเครื่องดับ)
2. คุณภาพเสียงในการรับชมภาพยนตร์ดีมาก และก้าวข้าม uhd3000 ไปอีกขั้น หากใครที่อยากได้คุณภาพเสียงที่สะอาด clear และมีความเป็น hi-end สูง มี tonal balance ที่ดี ไม่เน้นรายละเอียดจนเบสไม่มี และไม่เน้นเบสจนขาดรายละเอียด เหมือนเครื่องในระดับราคาเริ่มต้นหรือปานกลางที่มักจะให้ได้อย่างใดอย่างนึงแต่ขาดอีกด้าน (บางตัวราคาแพงก็ยังให้ได้แค่บางอย่าง)
3. การใช้งานที่สมูธ user interface ดี ไม่หน่วง รีโมทที่ดี ใช้ง่าย กดติดสะดวกไม่ต้องเพ่งมาก และมี remote app ให้ใช้งานได้สะดวกสบาย

ข้อสังเกต
1. HDMI ไม่แยกภาพและเสียง (แต่ข้อนี้ใน uhd3000 ผมก็ไม่ได้ต่อแยก เพราะรู้สึกว่าผมแยกความแตกต่างของภาพจากการแยก hdmi ไม่ออก) ส่วนใครที่มีข้อสงสัยว่าทำไมไม่รองรับ hdmi 2.1 ต้องอธิบายว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะใช้ hdmi 2.1 เพราะปัจจุบันยังไม่มี content 8k หรือหนัง 4k 120 fps
2.เครื่องไม่เก่งเรื่อง application androide หากใครจะหาเครื่องมาลงแอปเล่น netflix, youtube, disney + ให้ไปใช้ nvidia shield ครับ
3. เครื่องแสดงเวลาบนตัวหน้าจอไม่ถูกต้อง ผมนั่งหาอยู่นานว่าต้องปรับตรงไหน และเพิ่งเจอว่าปรับตาม language ซึ่งมันควรปรับตาม location มากกว่า language
4. รองรับ Hard Disk internal ได้ลูกเดียว
5. ราคา เมืองนอกขาย 1965 เหรียญ บ้านเราขาย 63,000 บาท จัดว่าสูงสำหรับคนที่จะลงทุนเครื่องเล่นไฟล์ดีๆสักเครื่อง
6. เครื่องไม่เหมาะกับนักเล่นที่ต้องการสตรีมหนังผ่าน server ของ user ทั่วไปผ่าน internet ที่ทำ server หนังเอง แล้วเอาหนังพวก BDMV, ISO, MKV มาปล่อยเอง ซึ่งถ้าต้องการเพียงแค่นี้ ใช้ Android พวก Nvidia Shield Pro จะประหยัดกว่า
แต่ตัวเครื่องเหมาะกับคนที่สะสมหนังและ Rip หนังลงไฟล์ไว้ดู เป็นเจ้าของไฟล์เองมากกว่าครับ
7. เครื่องไม่เหมาะกับนักเล่นที่ต้องการกล่อง Android ที่ต้องการ Stream Netflix
สรุป
ถ้าถามว่าคุ้มมั๊ย ผมตอบไม่ได้เพราะคุ้มแต่ละคนไม่เท่ากัน ถ้าถามใหม่ว่าเสียงดีไหม ต้องตอบว่าดีมาก โดยเฉพาะความสะอาดและ clear และคุณภาพของเบสและไดนามิค และถ้าถามว่าเสียงดีกว่า uhd3000 ไหม ต้องตอบว่าดีกว่าครับ
แต่จะคุ้มกับการเพิ่มเงินอีก 2 เท่าไปต่อมั้ย ต้องอยู่ที่ท่านว่าค้นหาอะไรจากระบบดูหนังสักชุด
หากชุดคุณนำไปดูกับ sound bar หรือ HT in the box แบบนี้ผมก็ว่าไม่สมควรลงทุนถึงขนาดนี้ เหมือนประมาณชุด 50000 แต่ซื้อสายกับตัวรอง + ชั้นวาง 2 แสน (มันไม่ใช่)
แต่ถ้าโจทย์ท่านมีชุดดีๆ ลำโพงดีๆ แอมป์และปรีที่มีคุณภาพและต้องการคุณภาพเสียงที่ดีจริงๆ อันนี้ก็ดีกว่าและดีขึ้นแน่นอนครับยืนยัน แต่จะคุ้มไม่คุ้มผมตอบไม่ได้เพราะของยิ่งแพง ความคุ้มค่ายิ่งน้อยลง บางคนมองหาอะไรที่เครื่องในระดับราคากลางๆให้ไม่ได้และยอมจ่ายก็มองว่าคุ้ม แต่บางคนทุกอย่างต้องสุด ซื้อของต้องรอลดราคา ต้องได้ราคาถูกสุดๆ ต่อทุกเม็ด เช็คทุกร้าน ซัดทุกคูปอง ราคาแพงกว่าพันสองพันต้องมีคำถามในหัวว่าได้อะไรเพิ่มมา ถ้าท่านคิดเช่นนี้ก็อาจจะมองว่าไม่คุ้มครับ
ส่วนตัวผมคงไม่ตัดสินแทนใครว่าคุ้มมั๊ย แต่ขอสรุปสั้นๆว่าตั้งแต่เล่นเครื่องเล่น Media player ในระดับราคา 2- 8 หมื่นบาทมาในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา Zidoo Neo X เป็นเครื่องเล่นที่ดีและให้คุณภาพเสียงดีที่สุด และปัจจุบันผมก็เลือกเอาไว้ใช้เองในชุดส่วนตัวครับ









