Gryphon Diablo 300
แบรนด์ Gryphon ถือกำเนิดมาจากประเทศ Denmark เป็นผู้ผลิตเครื่องเสียงไฮเอ็นท์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น power amp, pre-amp และ int amp ตัวที่อยู่ตรงหน้าเรานี่ก็คือ int amp ตัวท๊อปสุดของทางค่ายแล้ว (มีรุ่นรองชื่อรุ่นว่า Diablo 120)
โดยสัญลักษณ์ของแบรนด์จะใช้เป็นรูปสัตว์ในเทพนิยายที่ชื่อว่า Gryphon ร่างกายเป็นครึ่งนกอินทรี ครึ่งสิงโต และมีหางเป็นงู กริฟฟินเป็นสัตว์เทพผู้พิทักษ์เหมืองทองคำ และเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ
ปัจจุบันสามารถพบเห็นกริฟฟินได้ทั่วไปจากงานศิลปะในหลาย ๆ วัฒนธรรม และพบได้ในตราประจำตระกูลของเหล่าขุนนางชั้นสูง ประติมากรรมเก่าแก่ และไปปรากฏตัวอยู่ในตำนานต่าง ๆ ทั่วโลก
Int amp ตัวนี้มาถึงเราหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงตัวแทนผู้นำเข้าใหม่ในไทยเป็นเจ้าใหม่แล้ว ซึ่งเราก็ได้รับ Diablo 300 มาจากพี่ท่านนึงที่มีอุปกระคุณ ซึ่งเป็นของใหม่แกะกล่อง ตีลังไม้มาจากโรงงาน ยังไม่ได้แกะกล่องใดๆทั้งสิ้น
ซึ่งตอนแรกที่มาถึงผมยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าในกล่องมันเป็นแอมป์อะไร รู้แต่เพียงว่าจะส่งแอมป์มา (ใจผมนึกว่าแอมป MARK LEVINSON หรือแอมป์ DIY) หลังจากเปิดกล่องก็ค่อนข้างตกใจเมื่อรู้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นมันคือ Gryphon Diablo 300 ที่ผมเคยมีโอกาสไปฟังรุ่นน้องอย่าง Diablo 120 กับลำโพง Klipsch Heresy iii ที่บ้านนักเล่นท่านนึงแล้วรู้สึกประทับใจในคุณภาพเสียงเอามากๆๆ จนเก็บเป็นความหลังฝังใจมาจนทุกวันนี้ไม่รู้ลืม
อุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบ
Kef Reference 3
Klipsch La Scala AL5
Klipsch Heresy IV
DAC Streaming NAD C658
Tidal (Tidal Connect), Roon
Specification
ตัว Gryphon Diablo 300 ให้กำลังแบบ Dual mono 2 แชนแนลที่ 300 วัตต์ x2 @ 8ohm, 400 วัตต์ x2 @ 4ohm Class AB
ออกแบบภายนอกโดย Flemming E. Rasmussen ตัวถังมีความโดดเด่นไปทางด้านความหรูหราล้ำยุคด้วยการเลือกใช้โทนสีดำ และวัสดุที่ดูเป็นเมทัลลิค และมีเหลี่ยมคม เงา ให้อารมณ์เป็นอวกาศพอสมควร ซึ่งไม่ว่าจะดูยังไง อีกกี่ปีงานของเขาก็ยังดูทันสมัย ดูทรงพลัง โดดเด่นและดูน่าตื่นตะลึงและชวงหลงใหลอยู่ตลอดเวลา
ตัวแอมป์ภายในออกแบบโดย Tom Møller
เป็น Diablo 300 มาตรฐานจะให้ช่องต่อแบบ Analog มาอย่างเดียวเท่านั้น มีช่องต่อลำโพงได้สองชุด แต่จะมี option เสริมเข้ามาขายเพิ่ม ซึ่งจะประกอบไปด้วย MM/MC phonostage Module และ PCM/DSD DAC module ซึ่งจะให้ช่องต่อ 1 x USB, 2 x SPDIF, 1 x AES และ optical input ซึ่งตรงนี้ถ้าอยากจะได้มาใช้งานต้องจ่ายเพิ่ม และตัว standard นั้นราคาจะเริ่มต้นที่ 13,590 ปอนด์ หรือราวๆเกือบ 6 แสนบาทไทย แต่ตัวที่ใส่ module มา full option นั้นราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก
หน้าที่เข้าชม | 2,192,113 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,300,950 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 31 ส.ค. 2568 |