
HDFury Vertex2 คืออะไร
ตอบคำถามสั้นๆก็คือ มันเป็น HDMI Managment ที่พ่วงฟังชั่นการจัดการด้านภาพและเสียง (เน้นไปทางภาพ) เช่น Splitter, Scaler Upscale, Downscale และฟังชั่น Video Processor เกี่ยวกับภาพต่างๆพ่วงมาด้วย รวมถึงสามารถควบคุมและปรับแต่งได้ผ่าน Web Browser หรือ Ipad, Smart phone ทั้ง IOS, Android ได้ง่ายๆ
โดย HDFury นี้เองก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2007 และมุ่งเน้นในการคิดค้นสินค้าเกี่ยวกับการจัดการสัญญาณภาพและเสียงเหล่านี้มาโดยตลอด สินค้าของพวกเขามีหลายตัวมาก แต่มีตัวนึงที่น่าสนใจและเรานำมาแนะนำกันเนื่องจากมีความสามารถที่หลากหลายและราคาที่ไม่แพง นั่นคือ Vertex 2

โดย Spec ของตัว Vertex2 นี้มีดังนี้
HDMI input : 4 ช่อง รองรับ HDMI 2.0b (Level A) 600Mcsc – 18Gbps
HDMI outtput (Video) : 2 ช่อง with Scaling option
HDMI output (Audio) : 1 ช่อง รองรับ ARC / eARC (HDMI2.1) , Dolby Atmos, DTS:X
Support : 600MHz/18Gbps HDR, HDR10+, HLG, DV & LLDV, eARC, ALLM, IMAX
Max Resolution : 4K60 4:4:4 8b, 4K60 4:2:2 12b, 4K120 4:2:0 8b or 8K30 4:2:0 8b
ฟังชั่นการทำงานหลักๆของ Vertex 21. Splitter / Matrix
การทำงานพื้นฐานสามารถรองรับ hdmi input 4 ช่อง และ output 2 ช่อง โดยสามารถทำงานเป็น spitter คือต่อ source เดียวกัน เช่นเปิดหนังจาก source nvidia shield และให้ออกที่ hdmi output 2 จอไปคนละห้องแต่ดู content เดียวกันได้ โดยทั้งสองจอสามารถ adjust ความละเอียดและ upscale , downscale ให้เหมาะสมกับจอที่ใช้งานของทั้งสอง output ได้
ในส่วนของ Matrix ก็จะทำงานคล้ายกันแต่ต่างกันที่สามารถรองรับ hdmi input เข้ามาจากหลาย source และเลือกได้ว่าจะเอา source ไหนให้ออกที่ output ไหน เช่นภรรยาดู netflix ที่ห้องนั่งเล่น และคุณสามีสามารถปลีกวิเวกไปเล่น ps5 ที่ห้องส่วนตัวของตัวเองได้ และ hdmi input ของแต่ละช่องก็สามารถปรับและ process ให้มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไปได้ทั้ง 4 ช่อง input
2. Scaler
ในส่วนของ Vertex2 จะมีการทำงานที่ช่วย upscale, downscale ภาพให้เหมาะสมกับการใช้งาน และประเภทของจอที่เรารองรับด้วย โดยสามารถ config ได้ผ่าน browser หรือแอปบน smart phone โดยกำหนดค่าช่อง HDMI output ทั้งสองช่องได้อิสระแยกจากกัน เช่น หากเราต้องการให้ภาพจาก youtube ที่ส่งมาเป็น full hd 1080p upscale ให้มีความละเอียดสูงขึ้น หรือปล่อยไม่ต้องทำอะไรก็สามารถจัดการได้
รวมถึงสามารถปรับตั้งค่าเกี่ยวกับ HDR/Dolby Vision ได้ด้วย โดยสามารถเข้าไปกำหนดที่ EDID ซึ่งสามารถ กำหนดได้ 10 custom และ 90 predefined EDID หรือจะใช้ AUTOMIX ที่จะ process ให้อัตโนมัติตามค่าที่เราระบุไว้ว่าอยากให้ output ออกมาเป็นอย่างไรก็ได้
โดยการใช้งานในส่วนนี้ ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเราขอยกไปพูดถึงและแสดงตัวอย่างให้ชมกันจริงๆใน clip vdo ที่จะทำออกมาให้ชมกันเร็วๆนี้ว่า มันสามารถใช้งานและช่วยให้ภาพดีขึ้นได้มากแค่ไหน



3. ราคา และการใช้งาน
สนนราคาตัว Vertex2 ที่จำหน่ายในบ้านเรานั้นอยู่ที่ 14,990 บาท พร้อมประกันการใช้งาน และหากใครที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องการตั้งค่า ซึ่งต้องใช้ความเข้าใจและใช้การจำค่าและศัพพท์เทคนิคต่างๆที่ชวนปวดหัวอยู่ ก็สามารถให้มือปรับภาพบางท่านที่รับปรับ Verttex2 ให้เข้ากับการใช้งานของ source และ projector ไปทำให้ และถ้ายังไม่พอได้ข่าวว่าในบ้านเราก็ยังปรับ projector ให้ด้วย ซึ่งมือปรับภาพที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมืออาชีพแบบจริงจังในบ้านเรานั้นถ้าให้นับก็เห็นจะมีอยู่ไม่กี่คน (ผมนับได้ 6) ซึ่งความละเอียด ฝีมือ ความอดทน และ skill ก็แตกต่างกันออกไป
เมื่อเทียบกับการไปหิ้วมาเองจากเมืองนอกที่ตอนนี้ราคาจะอยู่ที่ 399$ บวกค่าส่งอีก 40$ รวมเป็น 439$ ก็เท่ากับเงินไทยราวๆ 13,170 บาท ด้วยการส่งผ่าน DHL , UPS ที่มาทางเครื่องที่เร็ว แต่ยังไงก็โดนภาษีแน่ๆ (99%) ภาษีแบบถูกต้องก็ตกราวๆอยู่ที่ 16,000 บาท โดยประมาณ
แล้วก็ต้องเอามานั่งงมกันเองสำหรับมือใหม่เช่นเรา หรือผู้ใช้ที่ไม่เคยใช้งานเครื่องแนวนี้ เ
ดังนั้นความคุ้มค่านั้นอาจจะสู้ซื้อในบ้านเราไม่ได้ เพราะนอกจากเรื่องราคาซื้อในบ้านเราจะถูกกว่าแล้ว ยังมีมือปรับภาพมืออาชีพไปแนะนำและตั้งค่าให้ภาพเหมาะกับเครื่องที่ใช้ จอภาพที่มีอีกด้วยครับ
ส่วนตัวมองว่าหากคนที่ซีเรียสเรื่องระบบภาพ และต้องการคุณภาพของภาพที่เต็มประสิทธิภาพ เงินจำนวน 1 หมื่นกว่าบาทอาจจะถือว่าน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับ features ของตัวเครื่อง
ซึ่งข้อเสียของเครื่องก็อาจจะมี 2 ข้อ ก็คือการใช้งานนั้นอาจจะต้องการความเข้าใจและการปรับให้ถูกต้องและการแนะนำจากมืออาชีพ
และฟังชั่นในการปรับแต่ง calibrate ภาพนั้นจะไม่ได้รวมอยู่ในตัวนี้ แต่เมื่อพิจารณาถึงราคาค่าตัวของอุปกรณ์ที่มีฟังชั่นนี้แต่ต้องจ่ายแพงกว่าเป็น สิบเท่าและเราอาจจะไม่ได้ใช้การปรับแต่งภาพขนาดนั้น ก็ต้องบอกว่่า Vertex2 เป็น Scaler , HDMI Matrix/ Spitter ที่คุ้มค่า คุ้มราคาที่สุดในตอนนี้ เหมาะที่จะใช้งานกับ projector ในระดับราคาหลักหมื่นไปจนถึงแสนกว่าๆอย่างเหมาะสมกันดีครับ
อย่าลืมพิจารณาราคาอุปกรณ์หลักและอุปกรณ์ปรัับแต่งว่าเหมาะกันหรือไม่ด้วยนะครับ
สรุป
ใครพิจารณาเลือกซื้อ Scaler ตัวนี้จะมีข้อดีและประโยชน์ของ Vertex2 ดังนี้
1. ช่วยแยกภาพและเสียงออกจากกันสำหรับอุปกรณ์ที่ไม่มี Hdmi แยกภาพและเสียง
2. ช่วยให้ส่งสัญญาณ dolby vision ไปให้ projector ได้
3. ช่วยให้ projector เก่าๆทำงานร่วมกับอุปกรณ์ยุคใหม่ๆ ได้ดีขึ้น เช่น ช่วยเรื่อง HDMI version 1.4 ใช้ร่วมกับ 2.0 โดยมี Vertex เป็นตัวคั่นกลาง
4. แก้ปัญหา handshake ของอุปกรณ์บางอย่างที่เข้ากันไมไ่ด้ เช่น projector บางรุ่น กับ media player บางรุ่น หรือ pre/pro ที่จับสัญญาณไม่ค่อยเสถียร โดยใช้ hdfury เป็น switcher แทน
5. ลดเวลาที่ภาพหายเป็นจอดำเวลาเปลี่ยน mode ภาพของ projector บางรุ่น
6. สามารถโหลด macro ช่วยให้การใช้งานภาพและสีของ projector บางรุ่นเช่น JVC ดีขึ้น




