Hegel H390 - The Robinhood ที่จะมาขโมยหัวใจนักฟังเพลงที่หลงรักในความเที่ยงตรง สะอาด พละกำลัง และสปีดที่รวดเร็ว


ที่มาของ Integrated amplifiers Hegel H390
ที่หน้าตาดูเรียบๆเชยๆ และดูไม่มีอะไรเครื่องที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเรานี้ ถ้าเราไม่ได้รับรู้เรื่องราวและความสำเร็จของพวกเขาที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เราก็คงไม่มีวันที่จะซื้อมาใช้อย่างแน่นอน เพราะใครเล่าจะรู้ว่าภายใต้ตัวถังที่ดูเฉิ่มแบบนี้ จะมีของดีซ่อนอยู่
ซึ่งของดีที่ว่านั้น เราไม่ได้มั่วหรือมโนกันขึ้นมาเองแต่มันผ่านการพิสูจน์มาแล้วจากตลาด Hifi ที่ต้องบอกว่า ตลาดนี้มันทั้งหินทั้งหฤโหด เพราะกลุ่มลูกค้าในตลาดนี้ไม่ได้ยอมรับสินค้าใหม่อะไรง่ายๆเหมือนตลาด Multi channel
ซึ่งถือเป็นเรื่องยากมากที่จะทำแอมป์เสียงเหมือนแอมป์ดังๆ อย่าง mcintosh แล้วขายให้ได้เหมือนเขา เพราะชื่อเสียงคุณไม่เหมือนกับเขา คุณไม่มีสตอรี่ ไม่มีตำนาน ไม่มีความภาคภูมิใจในตัวสินค้าเหมือนเขา คนซื้อของแพงไม่ใช่แค่คุณภาพแต่เป็นเรื่องของความภาคภูมิใจ และความมั่นใจในตัวแบรนด์ ความสวยงามด้วย

คุณจะทำแอมป์เหมือนยี่ห้อไหนๆก็ได้ แต่ถ้าคุณทำเหมือนหรือเท่ากับเขา ก็เท่ากับว่าคุณแพ้เพราะคุณมาทีหลัง
สิ่งที่ต้องทำคือ ทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป ทำสิ่งที่ดีกว่า และขายในราคาที่ใกล้เคียงหรือถูกกว่าเล็กน้อย
Hegel จึงให้แนวเสียงไม่เหมือนกับผู้นำในตลาดแบรนด์ไหนเลย และที่สำคัญมันถูกสร้างมาเพื่อแมทกับลำโพงได้มากมายไม่ว่าจะเป็น Kef, Dynaudio,B&W, Harbet
ชื่อเสียง branding ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเป็นเรื่องสำคัญมาก ใครจะไปซื้อเครื่องราคา 6000 เหรียญ ที่หน้าตาดูเชยๆแบบนี้ แต่มันพิสูจน์แล้วว่า Hegel ไม่ได้มาแบบฟลุ้กๆ ถึงขนาดมีการทำ group test เทียบกับแอมป์ในตลาดชื่อดังอีกสองแบรนด์ที่แพงกว่าแล้ว Hegel ได้ผลตอบรับที่ดีกว่าด้วย รวมถึงในต่างประเทศก็มีการนำไปเปรียบเทียบกับแบรน์ดังๆที่ค่าตัวสูงกว่า ไม่ว่าจะเป็น Mcintosh , PS Audio และอีกหลายๆตัว
ฉายาของพวกเขาก็คือ Robinhood เพราะพวกเขาสร้างผลิตภัณฑ์โดยใช้มาตรฐานในระดับ reference ที่ให้คุณภาพดีที่สุดจากสินค้า High end หลายๆตัว แล้วนำข้อดีเหล่านั้นมาใส่ในตัวเอง และนำเสนอกับนักฟังในราคาถูกกว่า
แต่ทุกอย่างบนโลกไม่ได้ง่ายเหมือนเวทย์ยนตร์ เขาขายมันถูกได้ยังไง ในเมื่อใช้ของดี
แน่นอนครับ ของถูกและดีไม่มีในโลก พวกเขาต้องยอมเสียบางอย่างเพื่อให้ได้บางอย่าง เขาลงทุนในการพัฒนาและวิจัยไปมาก แต่ต้องแลกด้วยการยอมไปผลิตในประเทศที่ค่าแรงถูก
Hegel เองเป็นน้องใหม่ในวงการจากนอร์เวย์ที่มีขนาดบริษัทไม่ใหญ่มากนัก หรือจะเรียกว่าเพิ่งตั้งไข่ก็ว่าได้ แต่ทว่าในความไม่ใหญ่ของเขา แต่ดันมีของดีอยู่ในมือ นั่นคือเทคโนโลยีที่เรียกว่า sound engine และมันก็ดันไปถูกอกถูกใจและ ดันไปแตะตากับยักษ์ใหญ่ในวงการอย่าง Kef เข้าและด้วยแนวคิดและปรัชญาที่คิดอะไรเหมือนๆกัน นั่นคือ Noise ต้องต่ำที่สุด (Extremely low noise) และไดนามิคต้องสูงที่สุด (High Damping factor)

เมื่อสองฝั่งที่มีแนวคิดตรงกัน ก็การเกิดการร่วมมือกัน วิจัย และพัฒนา โดย Kef ได้ประโยชน์จากสูตรลับสูตรเด็ดของ Hegel ที่เขาเล็งเห็นแล้วว่านี่คือ unicorn ตัวต่อไปของวงการ และ Hegel ก็ได้ประโยชน์จากการทดลอง และได้ทำงานร่วมกับบริษัทผลิตลำโพงยักษ์ใหญ่ รวมถึงได้ชื่อเสียงจากการติดสอยห้อยตาม พ่วงของไปออกงานโชว์ระดับโลกอีกด้วย (จริงๆ Hegel ร่วมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กับบริษัทผู้ผลิตลำโพงอีกหลายแบรนด์ ทั้งในอังกฤษเองและในยุโรปด้วย)
Kef จึงร่วมพัฒนาและใช้ลำโพงของตัวเองและแอมป์ของ Hegel เป็น benchmark เพื่อให้เสียงออกมาดีที่สุดเมื่อจับคู่กัน ซึ่งเราจะเห็นว่า Kef และ Hegel ออกงานร่วมกันตามงานเครื่องเสียงใหญ่ๆทั่วโลกมากมาย
นี่จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม Kef blade ที่ฟังตามงานและ match กับ Hegel ถึงเสียงดีมาก แต่ทำไมตามดีลเลอร์ที่ไม่ได้ใช้แอมป์ของ Hegel เสียงจึงสู้เสียงที่โชว์ในงานไม่ได้
จนช่วงหลังๆนั้นได้รับความสำเร็จมากขึ้น ได้ทั้งเงินและกล่อง และรางวัลต่างๆจนล้นมือ เราจึงเห็นแอมป์ Hegel ไปจับกับลำโพงอีกมากมายหลายแบรนด์

พูดให้เข้าใจง่ายๆ โดยไม่ใช้ศัพท์แสงเชิงเทคนิคเลยก็คือ การทำให้สัญญาณต้นทางที่ป้อนเข้าไป และออกมาเท่ากัน เพื่อวัตถุประสงค์สองอย่างคือ คุณภาพเสียงเท่าต้นฉบับและ Dyanamic range
(preserving the original details and the dynamic range in the original music signal)
แต่การจะทำได้แบบนั้นมีปัจจัยมากมายที่ทำให้เกิดความเพี้ยน พวกเขาจึงคิดวิธีที่จะลดการสูญเสียและความเพี้ยนของสัญญาณต้นทางและปลายทางว่าเกิดจากอะไรได้บ้าง แล้วก็ป้อนสัญญาณเพื่อหักล้างมันเสียตั้งแต่ในตัวเครื่อง จึงทำให้ผลลัพธ์ทั้งสองอย่าง นั่นคือ low noise และ Dynamic range สูง
เมื่อ Dynamic range สูงผลที่ตามมาก็คือ รายละเอียดที่พรั่งพรู สงัด บรรยากาศเยี่ยม และให้ดีเทลที่กว้างมาก ตั้งแต่จุดที่เงียบที่สุดไปจนจุดที่ดังที่สุด
แอมป์ของพวกเขาใช้หม้อแปลง toroidal แบบ Unwrap ลูกใหญ่เบิ้ม รองรับ impedance ได้ถึง 2 โอมห์ มีค่า Damping สูงเกิน 4000 มีช่วงความถี่ตอบสนองสูงถึงระดับ Frequency response: 5 Hz - 180 kHz
มี Signal-to-noise ratio มากกว่า 100 dB และกำลังขับสูงถึงระดับ 250 วัตต์ x 2 ที่ 8 ohm
แค่เห็นสเปกก็พอจะรู้แล้วว่า สเปกแบบนี้มันควรจะอยู่ในแอมป์ฟังเพลงแบรน์ดังๆ ราคาแพงมากๆ แน่นอน และภายในเครื่องมีหม้อแปลงลูกยักษ์สีแดงระเรื่ออยู่ภายใต้แชสสี ดูน่าเกรงขามทีเดียว
Hegel H390 ใช้ DAC AKM4493 ซึ่งเป็นเบอร์ที่เราชอบในน้ำเสียง และโทนัลบาล้าน รองรับ PCM ได้สูงถึง 32 bit 384 kHz ตัวเครื่องให้ streaming service อย่าง Spotify Connect , Apple AirPlay มาด้วย แต่เป็นแบบ Wire ต้องเสียบสายแลนไม่ใช่ Wireless
ตัวเครื่องดูเรียบง่าย และไม่มีอะไรดูรกตาหรือยุ่งยากซับซ้อน ทุกอย่างออกแบบง่ายๆ ให้ช่องต่อที่จำเป็นได้แก่ analog output aca / xlr และช่องต่อ input ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น usb, rca, optical, Coaxcial
แต่สิ่งที่ Hegel ทำก็คือ ให้ของพวกนี้มา ในราคาที่ถูกกว่าเขาและผลลัพธ์ก็คือความสำเร็จ
ด้วยน้ำเสียงที่เรารับรู้มาจาก user reivew และสำนักต่างๆ Hegel สามารถถ่ายทอดเสียงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ รวดเร็ว คุมดอกลำโพงได้ดีเยี่ยม ให้ความเป็น analog สูง และรีดประสิทธิภาพของลำโพงที่มันขับได้อย่างเต็มที่ นี่จึง matching กับลำโพงได้มากมายหลายแบรนด์ และเราจะเห็น review และผลตอบรับจาก user review จริงๆที่ไม่ใช่สำนักรีวิวต่างๆ และแม้กระทั่งรางวัลจากงานใหญ่ก็ให้การตอบรับในเชิงบวก ด้วยเช่นกัน เช่นล่าสุดรางวัลจาก EISA Award, Best Product 2019-2020, High-End Amplifier
Sound
เราได้ทดสอบเสียงกับ KEF Reference 3 ที่เคลมความไวเอาไว้ที่ 87 dB และต้องการกำลังขับที่ 50 - 300 watt ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นลำโพงที่รับประทานวัตต์มากตัวนึง และ KEF LS50 ที่เคลมความไวเอาไว้ที่ 85 dB และต้องการกำลังขับที่ 20 - 100 watt ซึ่งแอมป์ H390 ตัวนี้ก็เรียกว่ากล้ามโตและเอา LS50 อยู่แบบ 100% แน่นอน
ได้ลองไล่เปิดเพลงเดิมๆที่ฟังบ่อยๆกับซิสเต็มนี้และแอมป์ตัวเดิม แนวเสียงต้องบอกว่า H390 นั้นแปลกตรงที่บุคลิคมันเปลี่ยนไปตามแนวเพลงที่เล่นและลำโพงที่เราจับกับมัน บทจะเล่นเพลงร๊อคก็โคตรมัน บทจะเล่นเพลงช้าก็ฟังเพลิน นุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ เนื้อเสียงกลางน่าฟังขึ้นมากตามบุคลิคของลำโพง ส่วนเบสก็เร็วกว่าเดิมมาก และให้จังหวะจะโคนที่ดี เร็ว แรง ฟาดเบสได้หัวคมขึ้นมาก ยิ่งฟังยิ่งอยากเร่งดังขึ้น เพราะเนื้อเสียงที่ได้ทุกย่านล้วนฟังดีขึ้นหมด

เราเดาว่าสาเหตุที่เป็นแบบนั้นเพราะสิ่งที่ Hegel เคลมไว้ว่าสิ่งสำคัญของพวกเขามีสองอย่างนั่นคือ Dynamic range (ค่า damping factor สูงถึงระดับ 4000) และอีกข้อคือ low noise
Dynamic range และ damping factor ที่สูง ทำให้สามารถควบคุมลำโพงและไดอะเฟรมได้อย่างอยู่หมัด เบสบทจะเร็วก็กระชับ กระชากแบบน่าตกใจ ไม่มีอาการหลุดคราง ย้วยหรือเบลอปรากฏให้เห็น มีแต่จังหวะที่ชัดขึ้นและคมขึ้น แต่พอฟังเพลงช้า เบสก็ไม่ได้มีอาการแข๊ง หรือห้วนแบบเครื่องเสียง pa ที่ damping สูงๆเป็นกันแต่อย่างใด แต่เบสก็กระชับและนุ่มนวล ลงลึกได้ตามสไตล์เพลงที่ฟัง
ผมค่อนข้างมีความสุขมากกับการนั่งฟัง Hegel H390 คืนแรกที่ได้มานั้นก็นั่งปล้ำกับมันอยู่ถึงตี 2 เปิดเพลงเก่าๆฟังวนไปวนมา ซึ่งความแตกต่างจากเดิมก็ต้องบอกว่าฟังออกทันที และไม่ต้องจับผิด ด้วยบุคลิคของแอมป์ Damping factor สูงที่ควบคุมดอกลำโพงได้ดี เสียงก็น่าจะออกมาดี และธรรมชาติ
และก็ได้ลองเทียบกับ source ต่างๆว่าแบบไหนเสียงดีที่สุด
ซึ่งก็พบว่า ด้วย source Spotify เหมือนๆกันนั้น ผมชอบเสียงของการ Streaming ผ่าน network มากกว่าช่อง Analog ที่ต่อจาก Streaming DAC ภายนอกเข้ามา และก็ไม่นับรวมการหาทางแก้ปัญหา wifi การต่อ spotify และการลง firmware update อีกหลายอย่าง จนเวลาล่วงเลยไปจนดึกมาก

H390's Character
ผมจึงตัดสินใจสรุปว่า บุคลิคของ Hegel คือไม่มีบุคลิค แต่แอมป์มีประสิทธิภาพสูงมาก สเปกโหดมาก จนทำให้ลำโพงที่เราใช้แสดงบุคลิค และตัวตนของซิสเต็มที่เราใช้ออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ (หาข้อมูลจากผู้ผลิตก็บอกไว้เช่นเดียวกัน)

ลำโพง KEF Reference 3 ที่เคยฟังเพลงบางเพลงแล้วย้วยๆไปนิดนึง กลางต่ำหนาเบลอไปบ้าง เมื่อเปิดเพลงเร็ว พอเร่งดังๆแล้วจัดจ้าน เบสตามไม่ทัน
พอมาเจอ H390 แล้วต้องบอกว่า เร่ขึ้นไปอีกได้ไหม เบสเร็ว ชัด และกระชับขึ้นอีกมาก ฟังสนุก สปีดและ timing ของดนตรีรวดเร็ว และตามจริงเหมือนที่เราได้ฟังตามดนตรีสด และ record ที่บันทึกมา
ส่วน KEF LS50 ที่แอมป์นั้นเกินสเปกลำโพงไปมาก ถ้าฟังในห้องเล็กนี่ถือว่ายอดเยี่ยมสุดๆเลย เพราะลำโพงที่ราคาแค่ 1500 เหรียญ หรือราคาบ้านเราแค่ 42900 บาทนี้ แต่ให้โทนเสียงที่ดีมาก เมื่อจับกับ H390
แต่จะมีติก็คือถ้าฟังในห้องใหญ่ก็ยังพอฟังออกว่า สเกลเสียงนั้นสู้ reference 3 ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง และเบสย่านกลางต่ำก็ยังน้อยไปหน่อยสำหรับดนตรีบางประเภท เช่นร๊อค และ Electronic แต่ถ้าเพลงประเภท Vocal แล้วละก็ขอบอกเลยว่า มันคุ้มเกินราคาค่าตัวของลำโพงไปไกลมากก ไกลลิบ เพราะเสียงที่ได้จากการจับกับ H390 นั้นให้กลางแหลมที่สะอาดมากๆ ฟังพริ้วสุดๆ
กลางแหลมฟังดี เนียน ใส ไม่มีอาการกัดหูใดๆ เพลงช้าก็ฟังลื่นหู เพลงเร็วจังหวะจะโคนก็กระชับกระฉับกระเฉง ทันใจ สะอาด เป็นธรรมชาติ เสียงให้ความเป็น analog สูงมาก ให้ความรู้สึกสมจริง ให้ความรู้สึก live ได้ดีมากทีเดียวถ้าห้องคุณไม่ใหญ่มาก
ซึ่งในการทดสอบ ผมทดสอบ LS50 ที่ห้องเล็ก (4*5) และทดสอบ KEF Reference 3 ที่ห้องใหญ่กว่า (4.7*7.5)
และได้มีโอกาศลองต่อฟังกับ Klipsch Heresy iii ความรู้สึกผมคิดว่ามันชัดและคมเกินไป ให้ความชัดที่ดีมาก แต่ความชัดระดับนี้อาจไม่ใช่ความชัดที่อยู่ในระดับที่คนทั่วๆไปและ music lover จะฟังแล้วสบายหู เพราะฟังไปนานๆก็รู้สึกเครียดได้เหมือนกัน (Heresy ชัดมากเป็นทุนเดิมและเบสน้อยมากอยู่แล้ว )
อีกสักพักเราจะนำไปทดสอบกับลำโพงที่ให้เสียง live มากๆอยู่แล้วอย่าง Klipsch cornwall iv ว่าจะให้เสียงออกมาเป็นอย่างไรกันต่อ
แต่สรุปโดยรวมแล้วการฟังกับ KEF Reference 3 และ KEF LS50 นั้นผมค่อนข้างประทับใจกับ matching ของคู่นี้ครับ

ในปี 2020 นี้ เหลืออีกครึ่งปีหลัง หากไม่มีอะไรมาเซอร์ไพรส์ นอกจาก Storm isp24 mk2 แล้วก็มี Hegel H390 นี่ละครับ ที่สร้างความพึงพอใจและทำให้ผมรู้สึกว่า มันคุ้มค่าจริงๆกับราคาค่าตัวที่ต้องจ่ายไป หลังจากจดๆจ้องๆมานาน และเฝ้าดูฝรั่งชื่นชม hegel มานานมาก แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่เคยและไม่กล้าลอง สุดท้ายไหนๆก็ไหนๆ มีลำโพงแต่ไม่มีแอมป์ขับก็ไม่ได้ มาแล้วต้องไปให้สุดทาง วันนี้ได้ลองเสียที (รีวิวนี้ไม่ได้อวยนะครับ เพราะว่าจ่ายตังค์ซื้อ ไม่ได้ขอยืมมาลองฟรี)
ข้อดี
1. เสียงดีมาก ให้ความ analog สูง สะอาด ให้จังหวะและสปีดที่เร็ว เบสที่ให้ความกระชับสมจริง และเสียงกลางที่เนียนและชัดเจน ฟังลื่นหูได้ดี
จับกับลำโพงแล้วสามารถแสดงตัวตนของลำโพงตัวนั้นๆให้ออกมาได้ตามครบถ้วน และอย่าลืมว่า H390 ไม่ใช่แอมป์ Hi-end audiophile จ๋า จนฟังเพลงที่บันทึกมาธรรมดาๆได้ไม่ดี พวกเขาเคลมว่า นี่เป็นแอมป์สำหรับ music lover ที่สามารถให้ความบันเทิงได้กับทุกคนในบ้านฟัง
2. Dampig factor ที่สูง ทำให้ dynamic range ดีมาก รายละเอียดอะไรที่อยู่ระหว่างความเงียบกับดังสุด นั้นแสดงตัวออกมาได้หมดเปลือก แยกแยะได้หมดจรด สะอาด ชัดเจน มีมิติ ดนตรีซ้อนกันหลายเลเยอร์ทำได้ดีไม่มั่วและหนวกหู และรวมถึงเพลงเร็วๆที่เคยมีปัญหาเบสตีกันมั่วไปหมด แต่กับ H390 ไม่มีปัญหานั้น แต่สามารถแยกแยะรายละเอียดเบสออกมาได้ชัดเจน ซึ่งเหมาะมากกับคนที่ฟังเพลงที่มีจังหวะและมีบีทที่เร็วมากๆ ซึ่ง amp หรือลำโพงฟังเพลงในระดับราคานี้ หรือแพงกว่านี้บางตัวทำไม่ได้ และส่วนใหญ่แอมป์แพงๆก็พบว่าไม่ค่อยมีใครทำแอมป์ที่ให้แนวเสียงที่มี damping factor สูงแล้วฟังดี มีความเป็นดนตรีสูงเช่นนี้ครับ
3. น้ำหนักไม่หนักเกินไป กำลังเยอะ สเปกยอดเยี่ยม เราจะหาแอมปกำลังขับ 250 วัตต์ที่ 8 โอมห์ รองรับโหลด impedance ได้ถึง 2 โอมห์ ซึ่งถือว่าโคตรโหด
มีค่า Damping สูงเกิน 4000 มีช่วงความถี่ตอบสนองสูงถึงระดับ Frequency response ตั้งแต่ 5 Hz - 180 kHz