Pre-Processor มีความสำคัญอย่างไรกับคุณภาพเสียงในระบบ Home theater / Home cinema อย่างไร และทำไม Pre-processor คุณภาพสูงๆถึงแพงนัก
pre-processor ทำหน้าที่
1. จัดการกับสัญญาณ input ของเครื่องเล่นต่างๆที่เรามี แล้วส่งออกมาในรูปแบบ output ทั้งสัญญาณภาพและเสียง ให้ power amp รับไม้ต่อไปทำงานตามคำสั่งอีกทอดนึง รวมถึง ทำหน้าที่แปลงสัญญาณภาพที่มีความละเอียดแตกต่างกันและส่งต่อให้กับ projector หรือ tv แสดงผลออกมาเป็นภาพให้เราชมกัน
2. ทำหน้าที่ decode สัญญาณเสียงต่างๆมากมายหลายรูปแบบที่เข้ารหัสไว้ เช่น Dolby, dts, auro 3d แปลงให้ออกมาเป็นสัญญาณ analog และส่งต่อให้ power amp ไม่นับรวมระบบอิสระอื่นที่ออกมาอีกเช่น imax enhance
3. ทำหน้าที่ประมวลผลเสียงต่างๆที่มีความละเอียดซับซ้อนให้ออกมาเป็นเสียงภาพยนตร์ที่เรารับชมกัน ดังนั้นเสียงจะดีไม่ดี ผู้ที่รับหน้าที่สำคัญและชี้เป็นชี้ตายว่าจะส่งสัญญาณไปให้แอมป์ทำงานได้ละเอียดชนิดมิลลิวินาทีได้แค่ไหน โอบล้อมเพียงใด เบสหนักมั้ย แหลมฟังดีหรือไม่ ก็คือปรีโปรเซสเซอร์นี่เอง สัญญาณเหล่านี้มีความซับซ้อนและละเอียดมาก การประมวลผลที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยของปรีแต่ละตัวก็ส่งผลต่อคุณภาพเสียงที่ออกมาได้
4. ทำหน้าที่เป็น dsp ใช้ปรับแต่ง setup เสียงให้เหมาะสมกับห้อง อุปกรณ์เครื่องเสียง ลำโพงต่างๆ และความชอบของผู้ฟัง pre ที่ดีจะสามารถปรับแต่งได้ละเอียดสูงมาก ไม่ใช่แค่ distance, level, lowpass, eq แต่ลงไปถึงระดับ time domain, frequency, phase และ assign output xlr ได้อิสระออกจากกัน
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า pre-processor รับบทหนักในการจัดการทั้งภาพและเสียง จัดการ input, decode และส่งสัญญาณ output ในช่วงเสี้ยววินาทีเพื่อให้เสียงของลำโพงต่างๆเกิดความโอบล้อมสมจริง
และยังรับบทในการแก้ไขปรับแต่งค่าต่างๆ
พูดง่ายๆถ้าเปรียบปรี เป็นคนหนึ่งคน คนนี้ก็คงจะเป็นผู้บริหารที่รับบทจัดการตารางเวลาว่าตอนนี้ใครต้องทำอะไร
แปลงความต้องการของลูกค้า (decode)
สั่งงานให้พนักงานไปทำ (ส่งสัญญาณ output)
รวมถึงเป็น engineer ที่ต้องคอยปรับแต่งให้ลูกค้าถูกใจทั้ง auto, manual
และต้องแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งหมด
(room correction, config)
จะเหลืองานอย่างเดียวที่ปรียังไม่ได้ทำก็คือลงไปออกแรงยกของลงมือทำเองเหมือนที่ power amp ทำนั่นละครับ ลองนึกภาพดูว่าถ้าผู้บริหารต้องลงไปลงมือยกของ ก่อสร้าง ทำงานเองด้วย เขาจะทำงานทั้งสองแบบพร้อมๆกันได้ดีแค่ไหน เมื่อเทียบกับการแยกงานกัน ปรีคิด เพาเว่อร์ทำ แบบไหนจะได้งานเต็มที่มากกว่ากัน
จะเห็นว่างานเกือบ 70% รับบทโดย pre-processor ถ้า pre ดี เซ็ทอัพถูกต้องและถูกใจ ที่เหลือก็คือลุ้นว่า power amp และลำโพงที่เราเลือกใช้จะถ่ายทอดเสียงออกไปได้แค่ไหนนั่นแหละครับ อย่าลืมว่าบริหารจัดการดีแค่ไหน แต่ถ้าแอมป์ขับไม่ไหว หรือลำโพงไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ สุดท้าย output ที่ได้ก็น่าผิดหวังได้เช่นกันครับ
เมื่อรู้ว่าปรีทำงานเยอะขนาดนี้เลย เราควรเลือกปรีตัวไหนดีน้าาาา และเราควรจะเลิกคิดว่า แค่ pre แค่นี้ไม่เห็นต้องใช้ของแพงของดีเลย ปรีไหนๆก็เสียงเหมือนกัน
อย่าลืมว่าปรีก็มีบุคลิคเสียงเช่นกัน
ปรีก็เหมือนคนบางตัวดุดัน บางตัวนุ่มนิ่มเชื่องช้า บางตัวประนีประนอม บางตัวใสๆ บางตัวเข้มข้นหนักแน่น
การจะปรับเปลี่ยนให้ปรีตัวนึงบุคลิคเหมือนอีกตัวนึงก็เหมือนสอนคนบุคลิคแบบนึงให้เป็นอีกแบบนึงนั่นละครับ มันทำได้ แต่ไม่เนียนและไม่เหมือน
ดังนั้นเลือกใช้ให้ถูกงาน ถูกกับความชอบส่วนตัว แล้วชีวิตจะมีความสุขครับ
หน้าที่เข้าชม | 2,192,113 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,300,950 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 31 ส.ค. 2568 |