Zappiti Pro 4K HDR & Zidoo UHD2000
ภายใต้ยุคนี้ที่กระแสการสตรีมและเครื่องเล่นประเภท media player ที่สามารถเล่น content ในรูปแบบ file และเล่น application ต่างๆได้มาแรงนั้น วันนี้เราจึงนำเครื่องเล่นตัวท๊อป ที่เป็นตัว standard ของสองค่ายมาเปรียบเทียบกัน ว่าตัวไหนมีความน่าสนใจอย่างไร โดยเราได้ต่อทดลองเทียบในซิสเต็มเดียวกัน โดยต่อแยกแชนแนล และเล่นด้วยไฟล์เดียวกัน โดยได้ข้อสรุปที่เป็นความชอบและความเห็นส่วนตัวดังนี้
1. Specification
น้ำหนัก
Zappiti : 8.5 kg
Zidoo : 6.8 kg
Chipset
Zappiti : Reaktek RTD1295
Zidoo : Realtek RTD1296
Ram
Zappiti : 2 GB DDR4
Zidoo : 4GB DDR4
Internal Storage
Zappiti 16 GB
Zidoo : 32 GB
HDMI Output
Zappiti : Audio/video : 2.0a, Audio only: 1.4
Zidoo: audio/video: 2.0a, Audio only: 1.4
4K 10 bit HDR10
Zappiti : Yes
Zidoo: Yes
USB input
Zappiti : 4
Zidoo : 3
Internal Harddisk
Zappiti : 2
Zidoo : 2
XLR Output
Zappiti : No
Zidoo : Yes
ISF Certified
Zappiti : Yes
Zidoo : No
Price
Zappiti : xx,xxx
Zidoo : 30,000
2. User interface / การใช้งาน / ความสะดวก / รีโมท
ในส่วนของ Zappiti ออกแบบ ui ออกมาสีสันสวยงาม สีสันสดใสดูน่าใช้งานออกโทนไปทางสดใส ในขณะที่ ui ของ Zidoo ออกมาทางคุมโทนและมืดๆทึม
ในขณะที่การใช้งานนั้น Zappiti เห็นได้ชัดว่าเมนู การเข้าถึงต่างๆ นั้นหลังจากกดแล้วต้องรอนิดนึง มีการหน่วง รีโมทไม่ทันมือเท่ากับฝั่ง zidoo ที่กดแล้วจะไปตามมือมากกว่า
การกดเล่นหนังจาก file ของฝั่ง Zappiti หลังจากกดไปแล้วต้องรอประมาณ 4-5 วินาที หนังจึงจะเริ่มเล่น แต่ในขณะที่ฝั่ง Zidoo กดแล้วจะรอประมาณ 2-3 วินาทีหนังจะเริ่มเล่น และการกดรีโมทของ Zidoo จะทันมือและไปตามมือ รวดเร็วกว่า
เมนูของทั้งคู่ใช้งานง่าย และมีแยกเมนูไว้ชัดเจน ทั้ง movie, music และการ setup การปรับตั้งทำได้ละเอียดทั้งคู่ สามารถเลือกความละเอียดของ hdmi output ได้ว่าจะใช้งานกับ tv หรือ pro่jector ที่ความละเอียดเท่าไรได้ทั้งคู่
และสุดท้ายในส่วนของ รีโมทตัว Zappiti จะออกแบบและจัดวางปุ่ม navigate ที่ใช้งานบ่อยๆเช่น ปุ่ม บนล่างซ้ายขวามาค่อนข้างใช้งานยากกว่าฝั่ง zidoo ที่ออกแบบรีโมทมาได้ใช้งานง่าย กว่า ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางปุ่ม
และทั้งคู่ก็ให้รีโมทที่มีไฟ backlit มาให้ทำให้ใช้งานง่ายในห้องดูหนัง
ซึ่งสุดท้ายแล้วร๊โมทหากใช้งานไปนานๆ ก็ไม่ใช่ประเด็นใหญ่อะไรมากนัก เพราะหากเราคุ้นเคยและปรับตัวสักพัก ก็น่าจะใช้งานได้ไม่มีปัญหาอะไรมากนักในการใช้งานครับ
3. เสียง
แนวเสียงของ Zappiti Pro 4k HDR ตัว Standard ให้แนวเสียงที่ชัดเจน รายละเอียดกลางแหลมชัด มี clarity ที่ดีกว่า Zidoo UHD2000 ในระดับที่ฟังออก รายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่หยุมหยิมแสดงออกมาได้ครบครัน ในขณะที่ย่านกลางต่ำ เบสของ Zappiti ให้ปริมาณที่กลางๆ ไม่มากนัก น่าจะถูกใจสายรายละเอียด ไม่เน้นตูมตาม และไม่เน้นปริมาณ แต่เน้นรายละเอียด แบบนี้จะถูกใจมากครับ
ในส่วนของ zidoo uhd2000 จะมีจุดเด่นที่ย่านกลางต่ำที่ให้ปริมาณเนื้อเบส ความหนักแน่น และความเข้มข้นของเนื้อเสียงที่หนาและมีมวลกว่า แต่ก็แลกมากับรายละเอียดและความชัดเจน ที่อาจจะถูกกลืนไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ
Zappiti แต่เนื้อเบส ขนาดของลูกเบสที่มาปะทะนั้น Zidoo ทำได้ดีกว่า เหมาะกับคนที่ชอบปริมาณ และเบสเยอะ และต้องคุมเบสได้ ในส่วนของไดนามิค และอิมแพคของย่านเสียงอื่นๆ รวมถึงการโยนเสียงต่างๆนั้นทั้งคู่ทำได้น่าประทับใจทั้งคู่
เพียงแต่แนวเสียงทั้งคู่อาจจะมีจุดเด่นต่างกันออกไป หากต้องการความชัดเจนและรายละเอียดที่ดี Zappiti อาจจะเป็นทางเลือกที่ดี
แต่หากมองหาเครื่องเล่นที่ให้โทนัลบาล้านที่หนักไปทางกลางต่ำ เบสหนัก ดูหนังสนุก ดุดัน หรือมีซิสเต็มที่ไม่ใหญ่นัก แต่ต้องการความดุดัน หรือกลางต่ำมาชดเชยตัวนี้ก็เป็นอีกตัวที่ตอบโจทย์ได้
4. ภาพ
การปรับแต่งของเครื่องเล่นทั้งคู่สามารถทำได้ที่เมนู Setup
แต่ภาพที่เรารับชมจะเป็นค่ามาตรฐาน ไม่ได้ปรับแต่งอะไรเพิ่มเติม ภาพมาตรฐานของ Zappiti จะออกโทนสว่างกว่าและสีสันเป็นธรรมชาติมากกว่า Zidoo ที่จะออกไปทาง contrast ที่จัดและสีเข้มกว่านิดหน่อย แต่ทั้งคู่ให้รายละเอียดและภาพที่ดีทั้งคู่ เมื่อรับชมกับ Projector 140" ที่เราฉาย
5. ตัวเครื่อง
ข้อสุดท้ายนั้น ตัวเครื่องและการออกแบบของทั้งคู่นั้นใกล้เคียงกัน ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไร่ จะมีแค่ในส่วนของ Zidoo ที่ใช้พัดลมระบายความร้อน ส่วน Zappiti ไม่ใช้พัดลมทำให้ตัวเครื่อง Zappiti ใช้งานนานๆในห้องที่มีอุณหภูมิสูงมีความร้อนสูงกว่า Zidoo เมื่อเอามือไปจับตัวถัง (แต่ไม่มีปัญหาในห้องแอร์)
และกลับกัน Zidoo หากห้องที่รับชมเงียบในตอนเปิดเครื่อง 4-5 วินาทีแรกถ้าเอาหูไปฟังใกล้ๆเราจะได้ยินเสียงพัดลมเบาๆในช่วง start เครื่องครับ แต่ตอนใช้งานปกติก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร และเสียงพัดลมนั้นเบากว่าเสียง pjt มาก
หากใช้งานนานๆ Zidoo เมื่อจับตัวถังจะร้อนน้อยกว่า Zappiti ครับ
ข้อสอง Zidoo ที่หากเราจะใช้งานเครื่องนั้นจะต้องเปิดฝาเครื่องไว้ เพราะเขาออกแบบให้ปุ่ม on/off อยู่ภายใต้ฝา ทำให้เวลาจะเปิดปิด ต้องเปิดฝาเครื่องด้านหน้าทิ้งไว้ ซึ่งแตกต่างกับของฝั่ง Zappiti ที่ออกแบบให้ปุ่ม on/off อยู่ด้านนอกฝาปิดด้านหน้า ทำให้สามารถใส่ hard disk 3.5" ในตัวเครื่องแล้วปิดฝาได้เลย ไม่ต้องคาฝาไว้เหมือน zidoo ครับ ก็เป็นจุดเล็กๆที่ผมมมองว่าเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงผู้ใช้งาน แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่ก็น่าสนใจสำหรับใครที่ชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการใช้งานครับ
Conclusion
เครื่องเล่น Media Player ทั้งคู่เป็นตัวมาตรฐานที่ไม่ได้ modified อะไร และจัดเป็นเครื่องเล่นที่คุ้มค่าทั้งคู่
การเลือกเล่นตัวไหนอยู่ที่ความชอบและสไตล์ของแต่ละคน ส่วนตัวผมมีอยู่ในแร๊คทั้งคู่ ต่อ hdmi ไว้กับ Pre-processot แยกแชนแนลกัน เมื่อทดสอบชมภาพยนตร์เรื่องเดียวกันจากเครื่องเล่นทั้งคู่นั้นผมก็พอจะแยกได้ว่าตอนนี้เล่นจากเครื่องไหนอยู่หากตั้งใจฟัง
แต่หากเราเผลอ และเสพย์ content และรับชมภาพยนตร์เป็นหลัก ก็อาจจะมีเดาผิดได้ว่าตอนนี้กำลังเล่นเครื่องไหนอยู่ เพราะทั้งคู่ก็ให้คุณภาพในการรับชมที่ดี
ส่วนใครอยากลองเทียบฝีมือตัวเองว่าจะฟังออกหรือไม่ก็สามารถมารับชมและฟังได้ครับ เรามีของเล่นอีกมากมายไว้รองรับความต้องการนักเล่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Home cinema หรือ 2 channel ไม่ว่าจะเป็น emotiva rmc-1, xmc-2 รวมไปถึง สุดยอด power amp ATI AT6000 series
ไปจนถึงแนวฟังเพลงอย่าง Kef Reference ลำโพงรุ่นเรือธงที่ made to order และส่งตรงมาประจำการที่เราที่แรกและที่เดียว และก็ยังมี Klipsch forte iii ลำโพง Heritage series ที่มีประวัติและตำนานอันยาวนาน ก็จะมาประจำการให้ลองฟังกันด้วยครับ
แต่สุดท้ายเรายังคงยึดมั่นเสมอ นั่นคือเรายังคงเลือกของที่ฟังดีที่สุด คุ้มราคาที่สุดเสมอ
สุดท้ายหากบทความนี้มีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ขอบคุณครับ
หน้าที่เข้าชม | 2,192,372 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,301,209 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |