วันนี้นำบรรยากาศงานติดตั้งและเปลี่ยน Pre-Processor ตัวใหม่ให้ห้องลูกค้าที่บางขุนเทียนชายทะเลมาฝากกันครับ

ห้องนี้เป็นห้องที่สร้างขึ้นมาใหม่เพื่อวัตถุประสงค์ใช้เป็น Home Cinema โดยเฉพาะ มีขนาดห้องที่กระทัดรัดในระดับที่หาได้ในบ้านจัดสรรในเมืองไทยทุกแห่งครับ มีหน้ากว้าง สามเมตรกว่า ลึก 4-5 เมตร เป็นไซส์ยอดนิยมก็ว่าได้
และห้องนี้ได้รับการออกแบบและสร้างเพื่อให้รองรับความถี่ต่ำ มีค่าการซับเสียงและป้องกันเสียงได้ในระดับที่เหมาะกับการใช้งานดูหนัง (ซับเสียงกับป้องกันเสียงออกคนละอย่างกัน)
ระบบของลูกค้าท่านนี้เเป็น 7.2.4 ใช้ลำโพง M&K S150 MK II เดิมทีมีปัญหาเรื่องความคมชัด หนักแน่น ที่ลูกค้าอยากให้เสียงออกแนวดุดัน และดูหนังสนุกขึ้น คมขึ้น เบสหนักกว่านี้ จากเดิมที่ใช้ Pre Marantz AV7702 mk ii ที่สไตล์เสียงไปทางใสๆ พริ้วๆ
ต่อมาจึงตัดสินใจเปลี่ยนซับวูฟเฟอร์จากของเดิมมาเป็น Procella P15a ก็พอใจขึ้นมาก แต่การเดินทางยังไม่มีที่สิ้นสุด มนุษย์เรายังคงแสวงหาสิ่งที่ดีกว่า และดีขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
เราจึงนำ Pre-Processor 9.1.6 ตัวใหม่ล่าสุด 16 ch ของ Emotiva RMC-1 มาใส่แทน

ชื่อชั้นของแบรนด์ Emotiva อาจจะไม่ติดหูหรือไม่เป็นที่รู้จักเลยในหมู่ของนักเล่นเครื่องเสียงระดับไฮเอ็นท์ หรือนักเล่น 2 แชนแนล (ก็ไม่น่าแปลกใจ เหมือนผู้ชายเราไม่รู้จักแบรนด์เครื่องสำอางของคุณผู้หญิง และคุณผู้หญิงไม่รู้จักชื่อแบรนด์เครื่องเสียง ชื่อนักเตะ และนักแข่งรถ F1 ที่เราชื่นชอบ)
และพากันเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆว่าแบรนด์นี้เป็นแบรนด์จีน ไต้หวัน ไหหลำ ตรุษจีน ตุรกี เวียดนาม ฮ่องกง ปาปัวนิวกีนี อะไรก็สุดแล้วแต่จินตนาการ และประกอบกับร้านค้าบางร้านที่ไม่ทราบข้อมูล หรือบางทีก็ทราบแต่แกล้งให้ลูกค้าเข้าใจผิด แจ้งลูกค้าให้หลงทางเข้าใจว่าแบรนด์นี้เป็นแบรนด์จีน
แต่จริงๆแล้ว Emotiva คือแบรนด์ American แท้ๆ ที่สินค้าทุกชิ้นในปัจจุบัน Made / Engineer / QC in USA ทั้งหมด ไม่มีการส่งไปผลิตจีนหรือผลิตเวียดนามแต่อย่างใด เป็นแบรนด์ที่เริ่มต้นผลิตเครื่องเสียง Mid-End เป็นหลัก แต่ภายหลังได้ขยายศักยภาพและผลิต Pre-Processor Hi-end ที่รองรับการเชื่อมต่อในระบบ Dolby Atmos, DTS:X ในระบบ 9.1.6 หรือ 16 แชนแนล และสามารถ expand ออกมาได้เพิ่มในอนาคตอีก 4+4
เป็นปรีที่มีศักยภาพและรองรับระบบในอนาคตได้มากกว่าปรียุโรปและปรีญี่ปุ่นชื่อดังไปแล้ว

ลูกค้าท่านนี้นำ Emotiva RMC-1 มาใช้งาน 11 ch เป็น 7.2.4 หลังจากที่ติดตั้งและเซ็ทอัพคร่าวๆแล้ว ให้ลูกค้าลองฟัง สิ่งที่ได้เหนือจากฟังก์ชั่นการใช้งานที่รองรับ 9.1.6 แล้ว ยังได้คุณภาพของเสียงที่ดีมาก ในเรื่องของรายละเอียด สเกลเสียง และรายละเอียดที่เพิ่มขึ้นมาก เมื่อเทียบกับปรีตัวเดิม โดยเฉพาะจุดที่สำคัญคือความแน่นของเนื้อเสียงกลางต่ำ รวมไปเสียงเบสที่ให้เสียงแน่นปึ๊ก เบสรัดแน่นตึง ชัด เร็ว และกระชับขึ้นเยอะ ในขณะที่เสียงกลางก็ให้รายละเอียดเสียงที่หนาและมีดีเทล รายละเอียดที่ดี โดยไม่เหลือความกัดหูหรือแห้งบางอยู่เลยครับ
(สามารถชมบทสัมภาษณ์เจ้าของห้องได้ในคลิปด้านล่าง ท้ายคลิป)
เดิมที่สิ่งที่ลูกค้าขาดคือความหนักแน่น คม กระชับ และดุดัน เราพยายามหาสิ่งที่ตอบโจทย์ลูกค้าให้ตรงกับความต้องการที่สุด โดยไม่ไปเปลี่ยนหรือแก้อะไรที่ดีอยู่แล้ว ให้ลูกค้าเสียเงินเสียทองหรือต้องรื้ออะไรมากมายกลายเป็นงานใหญ่
เราเริ่มจากเปลี่ยนซับวูฟเฟอร์ให้เป็นแนวดูหนังแบบที่เราคิดว่าลูกค้าชอบ (ฟังจากลูกค้าบลีฟ) ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาพอใจมากๆ เพราะจากการยกไปให้ลอง ลูกค้าก็ตัดสินใจเอาทันที และต่อมาเราก็ตั้งใจจะอุดจุดอ่อนจุดต่อมาก็คือ เนื้อเสียง รายละเอียด ความดุดัน และเบสของลำโพงทุกตัวในระบบด้วยการเปลี่ยน Pre-Processor ตามมา (เปลี่ยน Pre-Processor คือการเปลี่ยนแนวเสียงทุกอย่างในระบบ
หากใช้ปรีเสียงนุ่ม เซ็ทให้ตายอย่างไรก็ได้แค่ระดับนึง ไม่สามารถเทียบเคียงปรีที่มีแนวเสียงดุดันมาแต่เดิมได้) เหมือนเราใช้คุณหนูนุ่มนิ่มแล้วพยายามฝึกให้ไปทวงหนี้นอกระบบ หรือกลับกัน เราชอบนุ่มๆแต่พยายามเอามาเฟียคุมบ่อนแถวปอยเปตมาทำงาน เป็น Personal Service ผู้ช่วยส่วนตัวให้ผู้บริหารระดับสูงที่ต้องการความสุภาพ เนียบ เรียบ โก๋หรู อะไรแบบนั้น (อธิบายให้เห็นภาพ ไม่ได้บอกว่าแบบไหนดีกว่ากัน ความชอบเป็นเรื่องส่วนบุคคล)
หลังจากต่อเสร็จ ลูกค้ากลับมาลองฟัง ก็จบงาน และได้ทุกอย่างตามที่คาดหวัง โดยไม่ต้องหลงทางเดินอ้อมไปไกลเสียเงินเสียทอง แต่พุ่งเป้าแก้ไขให้ตรงจุด รีดประสิทธิภาพให้ฟังให้ดูกันก่อนว่าของเดิมมันไปได้ถึงแค่ไหน และบุคลิคของเก่าเป็นเช่นไร แล้วเปลี่ยนแล้วของใหม่จะได้บุคลิคเปลี่ยนไปอย่างไร ดีขึ้น ตรงกับที่ใจและรสนิยมชอบหรือไม่ ตรงนี้คือศาสตร์และศิลป์ในการเดาใจ และประเมินใจของเจ้าของห้องครับ

บางทีการที่เราถามว่าชุดเดิมใช้อะไรอยู่ บางทีเราไม่ได้อยากรู้หรอกครับว่าคุณใช้ชุดไหร อะไรอย่างไร
แต่เราแค่ต้องการรู้รสนิยม ความชอบ และแนวทางของคุณ เพราะการที่คุณใช้ชุดไหน แสดงว่าคุณเลือกมาแล้วระดับนึง ถ้าใช้ชุด Home cinema โหดๆ เราพอจะเดาได้ว่าคุณคงไม่มาตามหา image soundstage ความฟรุ้งฟริ้ง เสียงหวานหรือเสียงใสๆอยู่แล้ว คุณต้องคาดหวังให้มันดีขึ้นกว่าเดิม ฟังโทนเสียงให้ชัด ครบ และเติมสิ่งที่ขาด
ตรงกันข้ามหากชุดคุณเป็น 2 ch เอาลำโพง hi-end มาทำชุดดูหนัง เราก็พอจะเดาได้ว่า คุณไม่ได้ตามหาอะไรที่มันตูมตาม หรือดูหนังเต็มระบบ แต่คุณอาจกำลังหาชุดดูหนังที่ให้เสียงถูกใจแบบที่คุณฟังเพลง ซอฟท์หน่อย มีมิติ ใส สะอาด คลีน และฟังไม่ได้โหดอะไรมาก
โจทย์ในการพูดคุยหรือการคิด Solution หรือ Matching ให้ได้เสียงตามที่ต้องการจึงต้องเปลี่ยนแปลงไปครับ
ของชิ้นเดียวกันอาจจะดีมากและตอบโจทย์คนกลุ่มนึง แต่อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์คนอีกกลุ่มเสมอไป การเลือกให้ถูกว่าของชิ้นไหนเหมาะกับใครจึงเป็นเรื่องที่สนุก และช่วยให้ลูกค้าได้ของที่ถูกใจ ถูกสตังค์ และได้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุกภายใต้ budget ที่ต่ำที่สุดและคุ้มค่าที่สุดครับ
ขอให้มีความสุขกับการดูภาพยนตร์ครับ