บรรยากาศห้องดูหนังที่ขอนแก่น

วันนี้มีห้องสวยๆของคุณเอก ที่ขอนแก่นมาฝากครับ เป็นห้องที่ใช้ระบบ 7.2.4
เราได้มีโอกาศเข้าไปจัดหาอุปกรณ์ และให้คำแนะนำในเรื่องการการแมทชิ่ง รวมถึงติดตั้งและแคลในส่วนของ Projector ให้ โดยอุปกรณ์ที่ลูกค้าใช้มีดังนี้
----------------------------------------------------------------------
Projector: JVC X5900 + PanoOne Screen 130" 16:9
AVR: Marantz SR6012 (9.2 ch Power, 11.2 Pre)
Power: Emotiva XPA3 Gen3 (275 watt * 3)
Emotiva BASX A500 (120 watt * 5)
Speaker: Klipsch RP280F (front)
Klipsch RP150M * 2 (SR+SB)
Klipsch R-110SW * 2 (subwoofer)
----------------------------------------------------------------------
โปรเจคนี้ คุณเอกได้เริ่มสร้างห้องที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ 7*5.5 และคุยกันกับเรามาตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม โดยวัตถุประสงค์ของการทำห้องดูหนังก็เน้นสำหรับชมภาพยนตร์ และดูคอนเสิรตเป็นหลัก
ในส่วนของภาพ ลูกค้าเลือกใช้ JVC X5900 โปรเจคเตอร์ 4K รุ่นใหม่ระบบ D-ILA ลิขสิทธ์เฉพาะของ JVC ที่ให้ภาพออกโทนฟิลม์ ให้ความรู้สึกในการชมภาพยนตร์และคอนเสริต์ที่เป็น Filmlike ได้มากที่สุดในบรรดาโปรเจคเตอร์แล้วครับ
ได้มีโอกาศพูดคุยกับลูกค้าว่า แกชอบบรรยากาศและภาพในโทนฟิลม์ การไล่โทนสีที่เป็นธรรมชาติ และสีดำที่อิ่ม มีมิติ มากกว่าบรรยากาศภาพแบบมีสีสันจัดจ้านในโทนของ OLED หรือภาพจากโปรเจคเตอร์ตัวอื่นๆ
ซึ่งในลิสต์ คู่แข่งก็จะมี Sony VW260ES (DLP) ที่เป็น native 4Kแท้
และภาพที่ได้ก็สวยงามไม่แพ้กัน แต่จะออกมาคนละโทน คนละสไตล์ ขึ้นอยู่กับว่าผู้รับชมชอบภาพที่สีสัน คม แบบ LED
หรือชอบสีสันที่เป็น filmlike แบบในโรงภาพยนตร์ ที่ให้ภาพที่เนียนๆตา ดำที่อิ่ม ลึก มีมิติมากกว่ากัน
จอลูกค้าเลือกใช้สัดส่วน 16:9 เพราะชอบดูคอนเสิรตและดูหนัง ดูอย่างอื่นด้วย (คอนเสิรตจะมาแบบ 16:9)
ส่วนหนังส่วนใหญ่ที่ 95% จะบันทึกมาในรูปแบบ 2.35:1 ยกเว้นบางเรื่องหรือพวกหนัง Imax ที่บันทึกมา 16:9
พอเอาหนังที่บันทึกมาเป็น 2.35:1 มาเปิดบนจอ 16:9 แล้วก็จะมี black bar แถบสีดำคาดด้านบนกับล่าง เหมือนเราเปิดหนังดูบนจอทีวี led นั่นแหละครับ ส่วนใหญ่เราจะคุ้นชินกับภาพรูปแบบนี้มากกว่า แต่ถ้าดู youtube ดูคอนเสริต์ หรือดูรายการทีวี ดูละคร ดูบุปเผ พวกนี้ก็จะเต็มจอ
ส่วนจอ 2.35:1 นั้นทำออกมาเพื่อรองรับสัดส่วนของหนังโดยเฉพาะ สัดส่วนของจอจะกว้างออกมามากกว่าจอปกติ ถ้าเอาหนังทั่วๆไปมาเปิด จะออกมาเต็มจอพอดี แต่ถ้าเอามาดูละคร หรือดูคอนเสริต์หรือดูหนังที่บันทึกมาเป็น 16:9 ก็จะมี blackbar คาดสีดำด้านข้างซ้ายขวาแทน
ในส่วนของลำโพงถูกกำหนดมาตั้งแต่ต้นว่าเป็น brand Klipsch และเดิมทีลูกค้าตั้งใจจะใช้ AVR Marantz SR6012 ขับเป็นหลัก
ด้วยขนาดลำโพง RP280F ที่เป็นลำโพงตัวใหญ่สุดในซีรี่ย์ Reference Premier ของ Klipsch ใช้ดอกวูฟเฟอร์ถึง 8 นิ้ว
แม้จะเป็นลำโพงทีมีความไวสูงถึง 97 dB และขับง่าย
แต่ขับง่ายไม่ได้แปลว่าขับออกมาแล้วเสียงดี ลำโพงขับง่ายคือป้อน Input น้อย มีเสียงดังออกมาได้มาก แต่ไม่ได้บอกถึงคุณภาพของเสียงที่ได้
Poweramp จึงเข้ามาเป็นส่วนช่วยให้ระบบเสียงในห้องนี้สมบูรณ์ขึ้น เพราะขนาดห้องใหญ่ และลำโพงก็ตัวใหญ่ หากไม่ใช่ Power เสียงจะบางและ ขาด Impact มากๆครับ
เราแนะนำ poweramp สองสามแบรนด์ให้ลูกค้า โดยเลือกตัวที่เสียงเหมาะสมและ matching กันได้กับ Klipsch ซึ่งก็หนีไม่พ้น Anthem และ Emotiva
และด้วยความเหมาะสมของงบประมาณของการทำห้อง รวมถึงงบต่างๆไม่ว่าจะเป็นค่าสาย ค่าติดตั้ง ค่าอุปกรณ์ภาพ จึงลงตัวและเห็นพ้องตรงกันว่า เราจะใช้ power ที่ราคากลางๆ แต่ให้กำลังขับสูงอย่าง Emiotiva XPA3 Gen3 และ Basx A500 มาช่วยเสริมในห้องนี้
ซึ่งเดิมทีลูกค้าเลือก Anthem PVA5 ซึ่งเราดูแล้วกำลังขับน้อยและไม่พอกับขนาดห้องและลำโพง
ตอนที่ติดตั้งได้มีโอกาศลองต่อลำโพงคู่หน้า + เซ็นเตอร์ โดยใช้ Marantz SR6012 ขับเพียงอย่างเดียว และเทียบกับใช้ Emotiva XPA3 Gen3 ขับ
ผลลัพธ์ที่ได้ต่างกันมากมายจริงๆครับ ทั้งบรรยากาศ ความเข้มข้นของเสียง และที่สำคัญคือโทนเสียง และไดนามิคที่หนา หนักแน่น ให้ความรู้สึกอลังการขึ้นเกินกว่า 50% รวมถึงสามารถคุมลำโพงได้ดีและ เปิดดังๆได้น่าฟังโดยไม่รู้สึกหนวกหูด้วยครับ
ห้องนี้จึงใช้กำลังจาก Marantz SR6012 ขับแค่ Atmos เท่านั้น ส่วนลำโพงด้านล่างที่เหลือ 7 แชนแนล ใช้ XPA3 Gen3 กำลัง 275 วัตต์ขับสามตัวหน้้า
และใช้ BasX A500 ขับ Sr และ SB โดยใช้ภาคปรีของ Marantz SR6012 ในการถอดรหัสและประมวลผลเสียงทั้งหมดในห้องครับ

สรุป ทีมเราไปติดตั้งที่ขอนแก่นสองรอบ รอบแรกติดตั้งลำโพงและ Projector ยิงขึ้นผนังดำ
รอบที่สองติดตั้งจอและแคลภาพ
ภาพที่ได้จากโปรเจคเตอร์ JVC X5900 สวยงาม ลุ่มลึก มีมิติ โดยเฉพาะฉากมืดที่ให้ความดำได้สวย ให้ความเป็นภาพยนตร์ฟิลม์ (filmlike) ดูเป็นธรรมชาติ ยิ่งจับกับจอใหญ่ๆ 130 นิ้วยิ่งรู้สึกอลังการครับ
สุดท้าย วันนี้เราพร้อมให้บริการแบบ Total solution มาครบจบที่เดียว ทั้งเสียงและภาพที่ปีนี้เรากำลังจะเริ่มเดินเครื่องและเริ่มลุยกัน กับทีมติดตั้งภาพและแคลที่ฝีมือไม่แพ้ใครแน่นอนในประเทศไทย
และเร็วๆนี้เราจะมีโชว์รูม Home cinema ระดับ mid-end 9.4.6 และเริ่มให้บริการใน่สวนของ Projector หลายแบรนด์อีกด้วยครับ ช่วงแรกอาจจะขลุกขลักนิดหน่อย แต่อีกไม่นานเราจะเดินหน้าและให้บริการครบ Total Solution แบบเต็มระบบ ในงบและ budget ที่กำหนดได้
ท้ายสุดฝากข้อคิดสองสามข้อในการทำห้องดูหนัง
1. นอกจากห้องและการติดตั้ง เซ็ทอัพแล้ว จงใส่ใจกับลำโพงให้มากที่สุด เพราะลำโพงคือตัวกำหนดแนวเสียงที่สำคัญที่สุด เอาลำโพงฟังเพลงมาจับใส่ห้องดูหนังใหญ่ๆ ทำยังไงเสียงก็ไม่ใช่โรงหนังครับ
2. ใส่ใจกับ Pre และ Poweramp ให้มาก ตัวกำหนดแนวเสียงที่สำคัญไม่แพ้ลำโพงก็คือ Pre และ Power นี่แหละครับ จะรุ่งหรือร่วงก็อยู่ที่ตัวนี้
ใช้ลำโพงตัวใหญ่ ขับยาก แล้วยังใช้ AVR ขับ บอกเลยว่ามีเสียงออก แต่ไม่รุ่งแน่นอน
3. หาคู่แมทชิ่งให้เจอ เพราะไม่ใช่ลำโพงทุกตัว Pre ทุกรุ่น Power ทุกแบรนด์ที่จะเหมาะสมและเข้ากันได้ดี และที่สำคัญที่สุดมากกว่าการแมทชิ่งก็คือ ความชอบของตัวเราเองด้วย บางทีบางรุ่นที่เค้าว่าแมท เค้าว่าเสียงดี แต่เราฟังแล้วไม่ชอบ มันก็ไม่ใช่ครับ
ในกรณีห้องคุณเอก ด้วยงบประมาณ และขนาดของลำโพงและความชอบของคุณเอกเองแล้ว ผมคิดว่า ไม่มีตัวไหนเข้ากับสไตล์เสียงรุกเร้า หนักแน่นแนวดูหนังแบบ Klipsch ได้ดีเท่ากับ Emotiva แล้วครับ
ทั้งพละกำลังที่มากกว่าแบรนด์อื่น ผลิตและประกอบรวมถึง qc ที่อเมริกา 100%
นี่ก็ยังสงสัยอยู่ว่า แนวเสียงทั้งลำโพง Klipsch และ Power Emotiva ทำไมเหมือนออกกับราวว่า ผลิตจากโรงงานเดียวกัน ใช้แอมป์และลำโพงของแต่ละตัวมาเป็นตัว benchmark และทดสอบ แนวเสียงซึ่งกันและกัน
เพราะเสียงจากลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อ Emotiva ไปใช้กับ Klipsch ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเรือธงอย่าง Klispch THX Ultra2 หรือรุ่นรองอย่าง Reference premier ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เสียงดีขึ้นเยอะมากกกกกก
4. จงอย่าใช้ accessories นำลำโพงและแอมป์ แต่จงให้ความสำคัญกับลำโพงและแอมป์ให้มากกว่าเส้นสาย เราบอกเสมอว่า ถ้ามีงบจำกัดเยอะ ไม่จำกัด ให้จัดเต็มให้สุดทุกอย่าง สายลำโพง สายสัญญาณ เอาให้สุดอย่าให้ยั้ง
แต่ถ้างบน้อยงบจำกัดให้เอางบทั้งหมดมาลงที่ลำโพง ห้อง แอมป์ ปรีก่อน สายต่างๆมีผลกับเสียงจริง แต่น้อยกว่าลำโพง น้อยกว่าห้อง และน้อยกว่า Power ดีๆเยอะ
สายราคาต่างกัน 10 เท่าเปิดหนังเรื่องเดียวกัน บางทีไม่ตั้งใจฟัง ยังแยกความแตกต่างไม่ออกเลยก็มี
ต้องใช้ลำโพงและซิสเต็มฟังเพลง สองแชนแนลมาต่อถึงจะฟังออก
จบครับ ขอให้มีความสุขกับการดูหนังและฟังเพลง
และฝากทิ้งท้ายไว้ว่า ยุคนี้สมัยนี้ เราจะมัวมารอให้ร้านดังๆ คนมีชื่อเสียงมาพูด มาแนะนำ มาไลฟ์สดว่าตัวนู้นดี ตัวนี้ดี แล้วแห่กันไป พอมีรุ่นใหม่มาเค้าก็แนะนำตัวใหม่ หรือจะหาข้อมูลด้วยตัวเอง เลือกและเชื่อในสิ่งที่ตัวเองค้นหาข้อมูล เดี๋ยวนี้ข้อมูลมาจ่ออยู่แค่ที่เสาไฟฟ้าหน้าบ้านครับ แค่คลิ้ก internet ทั้งภาพและเสียง คลิป รีวิวจากเมืองนอกล้นจนเสพย์ข้อมูลไม่หมด ปลดแอกตัวเอง ปลดแอกวงการเครื่องเสียงจากวงจรเดิมๆ รูปแบบเดิมๆ ยุคนี้เท่าเทียมกัน ข้อมูลข่าวสารเข้าถึงกันหมด ถ้าเราไม่หาข้อมูลเอง ทำการบ้านเอง เราก็จะโดนวงจรเดิมๆ อะไรเดิมๆ ชักจูงไปได้ง่าย










