Kef R900 ลำโพงฟังเพลงที่คนไทยมองข้าม
7 ปีที่ผ่านมา
Kef R900 ลำโพงฟังเพลงที่คนไทยมองข้าม
จัดส่ง Kef R900 สีขาวรุ่นใหญ่สุดของ R Series ไปให้ลูกค้าแถวรามอินทราครับ
เอาจริงๆนะครับ ผมว่า Kef R เป็นลำโพงที่เสียงดีมากกก และผมชอบมันมากกว่าลำโพงฟังเพลงยี่ห้อ B.boy หรือลำโพงยี่ห้อ E.England อีก
แต่ลำโพงยี่ห้อนี้มันอาภัพที่พอมาขายในไทยแล้วขายยากมาก เพราะอะไรรู้มั๊ยเอ่ย
1. ในราคา หนึ่งแสน +- ในย่านนี้มีลำโพงคู่แข่งที่เป็นลำโพงที่เน้นฟังเพลง (home audio) อยู่หลายตัวที่มีความเป็นดนตรีสูง เช่น E.England, B.Boy หรือ M.Maxico Audio, D.li, F.cal และอื่นๆอีกมากมายเกินจะกล่าวได้หมด
และลำโพงอื่นๆที่เป็นคู่แข่งของเจ้า Kef R ดันมีความเป็นดนตรีในแบบหวาน นุ่ม ผู้ใหญ่ฟังเกือบหมดเลย
แล้วที่นี้ลำโพงในย่านนี้ มันไม่ใช่ลำโพงที่เด็กวัยรุ่นทำงานเงินเดือน 18000 จะลุกขึ้นมาซื้อลำโพงแนวนี้ไงฮะ
คนที่จะซื้อลำโพงในงบแสน บ้านต้องมีเงิน และมีอายุประมาณนึงด้วย
พอมีอายุก็ฟัง แจ๊ส vocal audiophile จ๋า ฟังเสียงอะไรที่มันสบายหูสบายใจหวานๆ ใสๆไป
ตัว kef r เป็นลำโพงที่เสียงดีเทล เสียงติดไปทางชัด เบสไว กระฉับกระเฉง และรายละเอียดดี พอเอาไปฟังเพลงแนวนี้มันเลยโดดและไม่จริงจัง ไม่ค่อยไปทางหวานเหมือนคู่แข่ง
ผู้ใหญ่อาจจะไม่ชอบ บางทีทำงานมาหนักๆ ก็ต้องการพักผ่อน นุ่มๆละมุนหว านหู เลยไม่อยากฟังอะไรที่มันจริงจังและชัดมากแบบนี้
2.แนวเพลงที่ทำได้ดีกับ kef r ส่วนใหญ่เป็นเพลงเร็ว เพลงที่มีรายละเอียดเยอะๆ คนฟังชอบฟังชัดๆ ไม่ใช่พวก vocal เหมือนที่คนไทย และฝั่งเอเชียชอบ
นี่คือเหตุผลที่ kef r มันขายยากในบ้านเรา
ลูกค้าผมเจ้านี้คุยให้ฟังว่า เค้าติดใจเพราะได้ฟัง Kef R300 แล้วชอบมาก แกฟังแนว house บังเอิญไปซื้อมือสองมา
คนที่ปล่อย R300 ให้ลูกค้าผม แกเพิ่งซื้อมาได้แค่ 2 เดือนก็ปล่อยออก เพราะแกฟังเพลงแนวช้าๆ หวานๆแกรับไม่ได้กับแนวของ Kef R ที่ติดแนวเสียงวัยรุ่น กระฉับกระเฉงเกินไป แกก็เลยปล่อย
ส่วนลูกค้าผมก็ชอบมาก เพราะลำโพงกับแนวเพลงที่แกฟังมันแมทกัน ส่วนคนปล่อย R300 ก็หันไปเล่น AR ที่หวานนุ่มทุ้ม ละมุนละม่อมแทน ส่วนลูกค้าผมพอฟัง AR แล้วก็ส่ายหัว...เช่นกัน เพราะฟังเพลงคนละแนว
เห็นมั๊ยครับว่าลำโพงในโลกนี้มันมีข้อดีและข้อเสีย และเหมาะกับแนวเพลงและการใช้งานต่างกัน
ถ้าเราเอาลำโพงฟังเพลง hi-end เป็นล้านมาดูหนัง ผลลัพธ์ย่อมไม่ดี เท่าลำโพงดูหนังจริงๆ ตรงข้ามถ้าเราจะฟังเพลงแต่เอาลำโพงดูหนังมาใช้ ก็ย่อมได้ผลที่ไม่ดีเช่นกัน
ถ้าเรารู้ว่าเราชอบแบบไหน และเลือกซื้อลำโพงที่ตรงกับวัตถุประสงค์ของเราแล้ว เราจะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากๆ ในราคาที่ไม่ต้องจ่ายแพง
ปล. แต่เรื่องความชอบ ตัวไหนดี ตัวไหนไม่ดี ถ้าเอามาถกหรือคุยกัน รับรองว่าไม่มีวันจบครับ คนชอบฟังเพลง เวลาดูหนังเค้าก็อยากจะดูหนังในเสียงแบบนุ่มๆเหมือนเวลาที่เค้าฟังเพลง
ส่วนคนดูหนังจริงๆ เค้าก็จะไม่มีวันหวนไปมองลำโพงฟังเพลง เพราะมันไม่สามารถตอบสนองความต้องการในด้านไดนามิค และความสนุกในการดูหนังได้เช่นกัน
เหมือนเราเอาคนสองคนที่ชอบสี คนละสี แล้วมานั่งเถียงกันว่าสีไหนสวยกว่านั่นแหละ ต่างคนชอบแบบไหน มีความสุขกับอะไรก็ใช้ไป อย่า overwrite หรือพยายามทำให้คนอื่นเชื่อเหมือนเรา โลกจะสงบสุขครับ
จัดส่ง Kef R900 สีขาวรุ่นใหญ่สุดของ R Series ไปให้ลูกค้าแถวรามอินทราครับ
เอาจริงๆนะครับ ผมว่า Kef R เป็นลำโพงที่เสียงดีมากกก และผมชอบมันมากกว่าลำโพงฟังเพลงยี่ห้อ B.boy หรือลำโพงยี่ห้อ E.England อีก
แต่ลำโพงยี่ห้อนี้มันอาภัพที่พอมาขายในไทยแล้วขายยากมาก เพราะอะไรรู้มั๊ยเอ่ย
1. ในราคา หนึ่งแสน +- ในย่านนี้มีลำโพงคู่แข่งที่เป็นลำโพงที่เน้นฟังเพลง (home audio) อยู่หลายตัวที่มีความเป็นดนตรีสูง เช่น E.England, B.Boy หรือ M.Maxico Audio, D.li, F.cal และอื่นๆอีกมากมายเกินจะกล่าวได้หมด
และลำโพงอื่นๆที่เป็นคู่แข่งของเจ้า Kef R ดันมีความเป็นดนตรีในแบบหวาน นุ่ม ผู้ใหญ่ฟังเกือบหมดเลย
แล้วที่นี้ลำโพงในย่านนี้ มันไม่ใช่ลำโพงที่เด็กวัยรุ่นทำงานเงินเดือน 18000 จะลุกขึ้นมาซื้อลำโพงแนวนี้ไงฮะ
คนที่จะซื้อลำโพงในงบแสน บ้านต้องมีเงิน และมีอายุประมาณนึงด้วย
พอมีอายุก็ฟัง แจ๊ส vocal audiophile จ๋า ฟังเสียงอะไรที่มันสบายหูสบายใจหวานๆ ใสๆไป
ตัว kef r เป็นลำโพงที่เสียงดีเทล เสียงติดไปทางชัด เบสไว กระฉับกระเฉง และรายละเอียดดี พอเอาไปฟังเพลงแนวนี้มันเลยโดดและไม่จริงจัง ไม่ค่อยไปทางหวานเหมือนคู่แข่ง
ผู้ใหญ่อาจจะไม่ชอบ บางทีทำงานมาหนักๆ ก็ต้องการพักผ่อน นุ่มๆละมุนหว านหู เลยไม่อยากฟังอะไรที่มันจริงจังและชัดมากแบบนี้
2.แนวเพลงที่ทำได้ดีกับ kef r ส่วนใหญ่เป็นเพลงเร็ว เพลงที่มีรายละเอียดเยอะๆ คนฟังชอบฟังชัดๆ ไม่ใช่พวก vocal เหมือนที่คนไทย และฝั่งเอเชียชอบ
นี่คือเหตุผลที่ kef r มันขายยากในบ้านเรา
ลูกค้าผมเจ้านี้คุยให้ฟังว่า เค้าติดใจเพราะได้ฟัง Kef R300 แล้วชอบมาก แกฟังแนว house บังเอิญไปซื้อมือสองมา
คนที่ปล่อย R300 ให้ลูกค้าผม แกเพิ่งซื้อมาได้แค่ 2 เดือนก็ปล่อยออก เพราะแกฟังเพลงแนวช้าๆ หวานๆแกรับไม่ได้กับแนวของ Kef R ที่ติดแนวเสียงวัยรุ่น กระฉับกระเฉงเกินไป แกก็เลยปล่อย
ส่วนลูกค้าผมก็ชอบมาก เพราะลำโพงกับแนวเพลงที่แกฟังมันแมทกัน ส่วนคนปล่อย R300 ก็หันไปเล่น AR ที่หวานนุ่มทุ้ม ละมุนละม่อมแทน ส่วนลูกค้าผมพอฟัง AR แล้วก็ส่ายหัว...เช่นกัน เพราะฟังเพลงคนละแนว
เห็นมั๊ยครับว่าลำโพงในโลกนี้มันมีข้อดีและข้อเสีย และเหมาะกับแนวเพลงและการใช้งานต่างกัน
ถ้าเราเอาลำโพงฟังเพลง hi-end เป็นล้านมาดูหนัง ผลลัพธ์ย่อมไม่ดี เท่าลำโพงดูหนังจริงๆ ตรงข้ามถ้าเราจะฟังเพลงแต่เอาลำโพงดูหนังมาใช้ ก็ย่อมได้ผลที่ไม่ดีเช่นกัน
ถ้าเรารู้ว่าเราชอบแบบไหน และเลือกซื้อลำโพงที่ตรงกับวัตถุประสงค์ของเราแล้ว เราจะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากๆ ในราคาที่ไม่ต้องจ่ายแพง
ปล. แต่เรื่องความชอบ ตัวไหนดี ตัวไหนไม่ดี ถ้าเอามาถกหรือคุยกัน รับรองว่าไม่มีวันจบครับ คนชอบฟังเพลง เวลาดูหนังเค้าก็อยากจะดูหนังในเสียงแบบนุ่มๆเหมือนเวลาที่เค้าฟังเพลง
ส่วนคนดูหนังจริงๆ เค้าก็จะไม่มีวันหวนไปมองลำโพงฟังเพลง เพราะมันไม่สามารถตอบสนองความต้องการในด้านไดนามิค และความสนุกในการดูหนังได้เช่นกัน
เหมือนเราเอาคนสองคนที่ชอบสี คนละสี แล้วมานั่งเถียงกันว่าสีไหนสวยกว่านั่นแหละ ต่างคนชอบแบบไหน มีความสุขกับอะไรก็ใช้ไป อย่า overwrite หรือพยายามทำให้คนอื่นเชื่อเหมือนเรา โลกจะสงบสุขครับ
สินค้าในตะกร้า ({{total_num}} รายการ)
ขออภัย ขณะนี้ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า
ราคาสินค้าทั้งหมด
฿ {{price_format(total_price)}}
- ฿ {{price_format(discount.price)}}
ราคาสินค้าทั้งหมด
{{total_quantity}} ชิ้น
฿ {{price_format(after_product_price)}}
ราคาไม่รวมค่าจัดส่ง
➜ เลือกซื้อสินค้าเพิ่ม