วันนี้เรามีบทความสั้นเกียวกับระบบ 5.1 channels ของผู้ชายนักเล่นเครื่องเสียงคนนึงจากต่างประเทศที่เขียนเล่าประสบการณ์ชีวิตการเล่นเครื่องเสียงของเค้ามาให้อ่านกันสนุกๆ ว่าแม้ห้องจะไม่อำนวย ห้องไม่ใหญ่มาก แต่ถ้าอยากเล่นลำโพงใหญ่ๆในห้องเล็กๆนั้นมันจะเป็นไปได้มั๊ย
บทความต้นฉบับ: http://www.electronichouse.com/daily/home-audio/home-theater-subwoofer-puts-boom-room/
Chad hunter คือชื่อทั่วๆไปของชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่ก็คงคล้ายกับชายหนุ่มหลายๆคนบนโลกใบ นี้ที่มีความคลั่งไคล้และหลงไหลในเครื่องเสียง เสียงดนตรี และอะไรก็ตามที่เปล่งเสียงออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นลำโพง โฮมเธียเตอร์ ซับวูฟเฟอร์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มทั่วๆไปเกือบทุกคนหลงใหล เมื่อทำงาน มีเงิน หาซื้อได้ไม่เดือดร้อนตัวเองและคนอื่น ก็ต้องหามาสนองความต้องการของเราถูกมั๊ยครับ และเมื่อเราเข้าไปดูในห้องของเค้าก็ถึงกับตะลีงว่าห้องนั่งเล่นขนาด 6 x 4 ตรม และสูง 2.5 เมตรนั้นสามารถยัดความฝัน ความสุข และเครื่องเสียงอะไรลงไปได้บ้าง
โดย ห้องนี้เป็นห้องนั่งเล่นซึ่งมีขนาด 24 ตรมซึ่งถือว่ากลางๆไม่มากนักและยังเป็นส่วนหนึ่งของห้องเช่าที่เค้าเช่าอยู่ อาศัยอีกด้วย นั่นหมายความว่าไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่จำกัด และยังเป็นพื้นที่เช่าที่ต้องอาศัยอยู่ร่วมชายคาและผนังเดียวกับชาวบ้าน ซึ่งย่อมต้องเกรงใจและคิดเสมอว่าทุกครั้งที่จะยัดชุดเครื่องเสียงอะไรเข้าไป นั้น เสียงจะไปกวนหรือดังไปกระทบข้างห้องหรือเปล่า
วิถี ชีวิตในวัยเด็กของเค้าถูกปลูกฝังให้รักดนตรี ฟังเพลง และเริ่มต้นฟังเพลงแบบจริงจังมาตั้งแต่เด็กๆ เริ่มตั้งแต่แม่และพ่อเลี้ยงเค้ามีชุดเครื่อเสียงเล็กๆ (1980) Receiver Kenwood (สมัยก่อนดังมาก) ลำโพงตั้งพื้น Advent และเครื่องเล่นแผ่นเสียง และนี่เองคือชุดฟังเพลงที่จุดประกายและปลูกฟังความหลงไหลคลั่งไคล้ในเสียง ดนตรีของเค้าตั้งแต่เด็กมาจนกระทั่งปัจจุบัน เสียงดนตรีที่ถูกเล่นผ่านแผ่นเสียง receiver และลำโพงชุดเดิมยังคงดังก้องและประทับใจอยู่ในหัวเค้าอยู่จนถึงทุกวันนี้
"เสียง มันดีจริงๆ" นั่นคือสิ่งที่เค้าคิดและอยากจะมีชุดเครื่องเสียงดีๆบ้างเมื่อโตขึ้น จากนั้นสิ่งที่เค้าทำก็คือ ค้นหา หาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องเสียงว่าตัวไหนเสียงดี ตัวไหนที่เหมาะกับความชอบของตัวเอง หาอยู่สักพัก หาข้อดีข้อเสีย Soundbar เอย Home Theater เอย เริ่มเล่นลองผิดลองถูกมาตั้งแต่ 2 channels ฟังเพลงก่อน ลองมาหลากหลายยี่ห้อ เรียนรู้แนวเสียงมาจนรู้ว่ายี่ห้อไหนเป็นยังไง ตัวไหนเหมาะกับตัวเอง และสุดท้ายก็มาจบที่เครื่องเสียง 5.1 channels และรู้ว่าแท้จริงแล้วชอบ Klipsch
ชอบในเสียงสดๆของทวี ตเตอร์แบบฮอร์น ชอบเสียงสดๆ พุ่งๆ จัดๆแบบในโรงหนัง โดยชุด Klipsch ชุดแรกที่ได้เป็นเจ้าของนั้นคือในปี 1998 เป็นลำโพงรุ่นประหยัดที่มีขายในบ้านเราด้วยนั่นคือ Klipsch Synergy
หลังจากนั้นอีก 10 ปี ก็เริ่มอัพเกรดเขยิบขึ้นไปอีกขั้นนึง หันไปเล่น Klipsch Reference Series แทน
ตอน แรกเค้าไม่เคยฟัง Klipsch Reference Series มาก่อน แต่ไล่อ่านและเชื่อในรีวิวที่มีในอินเตอร์เน็ทมากมายตอนนั้นเกี่ยวกับ Reference Series ว่าเสียงดี เหมาะกับการดูหนัง แม้ว่าในตอนแรกจะรู้สึกพอใจและชอบเสียงจากชุด Synergy ดีอยู่แล้วก็ตาม แต่เชื่อมั๊ยครับว่า "โลกแห่งเครื่องเสียงมันไม่ค่อยมีคำว่าพอหรอก" พอได้แค่นี้ก็ต้องการให้ดีกว่านี้ ไปฟังชุดอื่นที่ดีกว่าก็อยากอัพให้ได้ดีเท่าเค้า เสียงไหนขาด ตรงไหนดรอปก็อยากจะอัพขึ้นมา
สุด ท้ายจบลงด้วยการขาย Klipsch Synergy ชุดเก่าทิ้งไปให้เพื่อนที่ทำงานคนนึง ที่น่าดีใจอย่างนึงก็คือราคาที่ขายก็ไม่ได้ตกหรือขาดทุนมาก ในขณะที่เพื่อนก็ได้ชุดลำโพงดีๆไปใช้ด้วย หลังจากขายไปก็ไปคว้าตัวใหม่ทันที เริ่มด้วย Klipsch RF 62 II, RC62 II, RS62 II
การอัพเกรดครั้ง นี้ต้องบอกเลยว่า สุดยอด ได้เสียงอย่างที่ต้องการและเหมาะกับขนาดห้องที่มีเนื้อที่ 24 ตรม เป็นอย่างมาก ไม่มากไป ไม่น้อยไป พอมาถึงตรงนี้ก็ยังไม่จบ ยังมองหาซับวูฟเฟอร์มาเติมเต็มเสียงเวลาดูหนังเพิ่มให้ครบเต็มระบบ คราวนี้ก็เลยจัด SVS SB13 และตอนนี้ก็ถือว่าสมบูรณ์และได้เสียงทุกอย่างครบตามที่ต้องการ
แต่ เชื่อมั๊ยครับ เจ้า SVS SB13 ที่ได้มาใหม่่นี้เสียงดีมากๆ หนักแน่นจนเกินหน้าเกินตาลำโพงตัวอื่นในระบบ และงานประกอบและตัวตู้สวยงามมากสุดๆ จุดนี้เองแทนที่จะเป้นจุดสิ้นสุดและสมบูรณ์ในการเล่นเครื่องเสียงของ Chad แต่จริงๆแล้วมันกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นต่างหาก โดยจุดนี้เองที่เมื่อเราได้อุปกรณ์อะไรที่ดีมากๆเข้ามาในระบบเมื่อใด เมื่อนั้นอุปกรณ์อื่นๆในระบบมักจะมีอันเป็นไปและต้องอัพตามอุปกรณ์ชิ้นนั้น ตามไปด้วย เช่นได้ลำโพงมาใหม่ก็มักจะอัพแอมป์ อัพเซ็นเตอร์ตาม ได้เซ็นเตอร์มาก็มักจะอัพเซอราวด์ตาม ชีวิตของคนที่หลงใหลและคลั่งใคร้ในเครื่องเสียงวนก็มักจะเป็นไปตามวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยไป
หลังจากนั้น ชุด RF62 ของเค้าก็ต้องมีอันเป็นไป ระเบิดชุด เพราะเสียงต่ำที่สุดยอดจาก SVS นี่เองทำให้คู่หน้าและเซ็นเตอร์ต้องถูกอัพกลายมาเป็น Klipsch RC64II และ RF7II
ซึ่งการอัพเกรดคู่หน้า และเซ็นเตอร์นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แค่จ่ายตังค์เอาของเข้าบ้าน แต่จุดยากมันคือการใช้ลำโพงสเกลใหญ่ๆทั้งขนาดและเสียงอย่าง Klipsch RC64II และ RF7II ในห้องเช่า 24 ตรม ที่ไม่ได้มีพื้นที่ใหญ่นักคือความท้ายทายที่สุดในการจัดวางและเซ็ทอัพให้ เสียงดีและไม่รบกวนชาวบ้านชาวช่องด้วย
แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรยากเกินความพยายาม การใช้ลำโพงใหญ่เกินห้องนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะ "หากมันมากไปเราเซ็ทให้มันน้อยลงได้ แต่ถ้ามันน้อยไปเราเซ็ทให้มันมากขึ้นนั้นยากกว่าเยอะ" และ Chad ก็พิสูจน์ว่าห้องเช่าเล็กๆ ก็เล่นลำโพงใหญ่ๆ Hi-end แบบนี้ให้เสียงดีได้
สิ่ง นึงที่ช่วยให้เสียงและทุกอย่างไปได้สวยก็เป็นเพราะด้วยขนาดห้องที่ไม่ใหญ่ และค่า efficient (sensitivity) ของลำโพง Klipsch นั้นไวมาก ทำให้เมื่อมันมาติดตั้งในห้องขนาดไม่ใหญ่แบบนี้แล้ว เสียงที่ได้จึงจัดจ้าน หนักแน่น rock สะใจ เป็นอย่างที่ Chad ต้องการ
Chad บอกเอาไว้ว่า Klipsch RF-7 II ลำโพงรุ่นเรือธงตัวนี้เป็นอะไรที่สุดยอด และหาอะไรมาเทียบได้ยากในช่วงราคานี้ และเมื่อจับซํบวูฟเฟอร์ดีๆมาเสริมเข้าไปในระบบก็ทำให้ทุกอย่างจบ และพอจริงๆสำหรับการดูหนังและฟังเพลงในแนวที่เค้าชอบ
และ ด้วยงบประมาณที่จ่ายไปสำหรับชุดโฮมเธียเตอร์ในห้องนั่งเล่น ห้องเอนกประสงค์ของเค้า ก็ทำให้ชีวิตประจำวันของเค้าไม่ว่าดูหนัง ฟังเพลง หรือแม้แต่การเล่นเกม (Play Station) นั้นมีสีสันและมีความสุขขึ้นอีกเยอะมากๆๆ
และ ในอนาคต Chad ก็แพลนเอาไว้ว่าจะมองหาบ้านที่เป็นที่ลงหลักปักฐานจริงๆของตัวเองซะที จะได้โยกย้ายชุดเครื่องเสียงที่เค้าลงทุนมาและมีความสุขกับมันในปัจจุบันนี้ ไปไว้ในบ้านหลังใหม่ของเค้าในเร็วๆนี้
ล่าสุดเมื่อเร็วๆนี้ Chad ก็เพิ่งอัพ AVR เป็น Denon AVR-4520CI และเปลี่ยน PS3 เป็น PS4 และยังสั่ง Samsung LED 3D ขนาด 60 นิ้วมาประจำการ รวมถึงมีแพลนจะสั่ง Parasound Halo A51 Power amp มาประจำการในอนาคตอีกด้วย และแน่นอนที่สุดที่ขาดไม่ได้ก็คือ สั่งซับอีกลูกมาเติมให้ครบเป็นสองลูก (dual subwoofers)
สุด ท้ายจริงๆแล้วชีวิตของคนที่หลงไหลคลั่งไคร้ในเครื่องเสียงนี้จะคล้ายๆกันว่า มั๊ยครับ นั่นคือเล่นไปได้เรื่อยๆไม่มีวันจบสิ้น เมื่อไร่ที่ได้สิ่งที่ชอบและถูกใจก็จะนั่งยิ้มเล่นกับมันไปได้ทั้งวันเป็น เดือนๆปี ก็นับว่าเป็นความสุขอย่างนึงที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ได้ใช้เวลาอยู่กับบ้าน กับครอบครัว ได้ทำกิจกรรมร่วมกันทั้งดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ดี และใช้เวลาว่างไปในทางที่สร้างสรรค์และไม่เดือดร้อนใครครับ
Equipment List:
หน้าที่เข้าชม | 2,192,372 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,301,209 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |