เล่นเครื่องเสียงอย่างไรให้พอดี และ ดีพอ

จริงๆเราเป็นคนชอบเครื่องเสียง และก็เชื่อว่าทุกคนที่อ่านบทความนี้ก็น่าจะเป็นคนที่มีใจรักในเครื่องเสียงไม่มากก็น้อย
พอมีเวลาว่างทีไรผมก็ชอบท่องเน็ท ท่องโลก ออกไปดูตามเว็บบอร์ดบ้าง ตามกลุ่มต่างๆบ้าง เว็บต่างประเทศบ้าง
ก็สังเกตว่าแนวทางการเล่นเครื่องเสียงมันหลากหลายจริงๆ บางทีอ่านไปก็งง เฮ้ยมันจริงหรือเนี่ย จะว่าไปมันก็เป็น 2 แนวใหญ่ๆที่อ่านที่ไรแล้วก็ปวดหัว
แนวทางที่ผมจะพูดถึงก็คือระบบเสียงแบบ Multi channels หรือที่เราเรียกว่า Home theater เนี่ยละครับ
กับอีกแนวนึงคือแนว 2 แชนแนล หรือที่เราเรียกกันว่าสายฟังเพลง
สองแนวนี้มาเจอ มาคุยหรือมาป๊ะกันที่ไรต้องมีเรื่อง นั่งอ่านทีไรต้องมีอะไรมาถกกันเสมอ ซึ่งบางทีนักเล่นบางคนก็เล่นทั้งสองแนวเลย แล้วเอาหลักการของแนวนึงมาใช้กับอีกแนวนึงก็มี
ถึงขนาดที่กรุ๊ปใหญ่กรุ๊ปนึงเคยบอกเอาไว้ว่า ห้ามเอาเรื่อง 2 แชนแนลมาคุยในกรุ๊ปเค้าเลยด้วย
1. ยกสายลอย ยกสายลำโพงลอยจากพื้น สายไฟแต่ละเส้นไม่ให้โดนกัน แยกความแตกต่างระหว่างยกสายลอยกับวางบนพื้นออกมั๊ยครับ ในระบบดูหนังผมเชื่อว่า มันฟังไม่ออก หรือฟังออกก็ต้องตั้งใจแบบจับผิดจับวินาทีหนังแล้วเปิดเทียบกับแบบช๊อตต่อช๊อต แต่ในระบบ 2 แชนหรือฟังเพลงนั้นเค้าว่ามันมีผล ให้เสียงมีโฟกัส มีมิติ นิ่ง ไร้สากเสี้ยนรบกวน เหตุผลคือ เพราะในพื้นปูนมีเหล็กเส้นซึ่งอาจจะรบกวนสัญญาณเสียงต่างๆได้
2. ดินน้ำมันดูดความถี่ต่างๆ เอาไปแปะตามเครื่อง ตามลูกบิดเครื่องเสียง
หลักการคือช่วยในเรื่องเก็บแรงสั่นสะเทือนจากคลื่นเสียงที่ย้อนมาจากลำโพงและในอากาศไส้กัยคัวมัน และปล่อยให้สลาย ทำส่งผลต่อแกนวอลลุ่มหน้าสัมผัสวให้มีการสั่นกวนน้อยลง ทำให้มิติเพลงมีน้ำหนัก และโฟกัส มีความเป็นตัวตนมากขึ้น ไม่ฟุ้งลอย อืออ.....ถ้าใครใช้ระบบโฮมเธียเตอร์ ก็ไปทดสอบกันดูครับ
3. เส้นสายต่างๆต่้องมีราคาพอๆกับตัวลำโพงหรือแพงกว่า อันนี้ล่าสุดเพิ่งอ่านเจอว่า สายซับควรราคาพอๆกับซับหรือแพงกว่า
ส่วนตัวมองวา สายมีผลจริง แต่มีผลไม่เกิน 10-20% ครับ
ความเชื่อของผมคือ ซับราคา 1 แสน กับสายราคาหนึ่งพัน เทียบกับซับราคาหนึ่งหมื่น และสายราคา 9 หมื่น
ยังไงซับราคาหนึ่งแสนก็ย่อมดีกว่า สายไม่ได้มีผลเหนือลำโพงครับ แต่มันช่วยเสริมและขับบุคลิกเด่นหรือด้อยด้านใดด้านหนึ่งของลำโพงตัวนั้นๆออกมา ลำโพง ห้อง การเซ็ทอัพต้องดีและถูกต้องก่อน สายถึงจะตามมา
แต่ส่วนใหญ่สายฟังเพลงมักจะมองว่า สายคือตัวที่เปลี่ยนแนวเสียง และปรับทุกอย่างในซิสเต็ม ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่วิจารณญาณครับ
4. ตัวครอบสาย สลายคลื่นรบกวน ตัวนี้ในระบบฟังเพลงค่อนข้างนิยมกันมาก คือเอาตัวครอบมาครอบกับสายไฟบ้าง สายสัญญาณบ้าง ช่วยลดคลื่นรบกวน ทำให้เสียงนิ่งขึ้น จริงๆอันนี้มีหลักการเหมือนเราเอาแม่เหล็กมาดูดพวกคลื่นต่างๆกรองทิ้งไปประมาณนี้ แต่จะได้ผลขนาดไหนนั้นแล้วแต่หูเราฟังและซิสเต็มเลยครับ ส่วนตัวผมว่า accessories พวกนี้ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ บางทีทั้งชุดร่วมหมื่น ความเห็นส่วนตัวผมคือ เก็บเงินเอามารวมๆกันแล้วเปลี่ยนสาย หรือเปลี่ยนลำโพง หรือเปลี่ยน Power ดีกว่า เห็นผลกว่าครับ
5. แท่นไม้สำหรับจูนเสียง สำหรับอันนี้ผมไปเห็นมาแต่ไม่แน่ใจว่าหลักการจริงๆของบล๊อกหรือแท่นไม้พวกนี้ข้างในนั้นใส่อะไรไว้ ตามที่อ่านมาคือ เอาแท่นไม้มาวางพิงหรือวางบนเครื่องเสียง วางวนๆหรือวางบนตัวลำโพงสำหรับจูนและปรับคลื่นความถี่เสียง ซึ่งอันนี้ผมเห็นสายฟังเพลงใช้กัน แต่ไม่ค่อยเห็นในคนเล่นระบบ Multichannel เท่าไร่ จะว่ามันฟังไม่ออกหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้
จากที่กล่าวมาข้างต้นเป็นความเชื่อที่พบเห็นในระบบสองแชนแนลฟังเพลงเสียส่วนใหญ่ และมักจะพบเห็นในนักเล่นที่เล่นเครื่องเสียงระดับปรมาจารณ์หรือมีอายุด้วยครับ นักเล่นบางคนมีทั้งชุดฟังเพลง และชุดดูหนัง ก็เอาหลักการเหล่านี้มาใช้ในชุดดูหนัง แนวทางพวกนี้ลองปรับและประยุกต์ให้เหมาะเข้ากับการเล่นของแต่ละคน มันไม่มีถูกไม่มีผิด คนที่เชื่อฟังแล้วต่างก็มี คนที่ฟังไม่ออกก็มี การฟังเพลงนั้นละเอียดอ่อนและมีศิลป์และจินตนาการมากกว่าการดูหนังพอสมควร (การดูหนังใช้หลักการเซ็ทอัพ และขั้นตอนตามหลักวิชาการมากกว่า)
ซึ่งเหตุผลก็อาจจะเป็นว่า ในการฟังเพลงนั้นแต่ละบทเพลงจะบันทึกมาเฉลี่ยแค่ 3-4 นาที ทุกจังหวะทุกบทร้องเราจะฟังวนไปวนมามีทำนองและเสียงที่บันทึกมาขัดเจน และตัวผู้ฟังมักจะฟังอย่างแม่นยำ ดังนั้นหากเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นเพียงเล็กน้อยในซิสเต็มที่ส่งผลต่อเสียง หรือคลื่นเสียง จะทำให้ผู้ฟังสังเกตความแตกต่างได้อย่างง่ายดาย
การเปลี่ยนแปลงของระบบฟังเพลงแม้เพียงนิดเดียวก็ส่งผลต่อผู้ฟังมาก
ส่วนระบบดูหนังนั้น หนังส่วนใหญ่บันทึกมา 1.30-2 ชั่วโมง มากกว่าเพลงถึง 20-30 เท่า บางช่วงบางตอนก็บันทึกเสียงซ้อนกันมาหลายแชนแนล ทั้งเซอราวด์ ทั้งเบส ทั้งคู่หน้า ทั้งซาวด์แทร๊ก ดังนั้นการแยกความแตกต่างและจดจำความแตกต่างนั้นย่อมทำได้น้อยกว่า
และอีกประเด็นนึงคือ ในการดูภาพยนตร์ที่จริงจังส่วนใหญ่นิยมซิสเต็มที่ชัดเจน จะแจ้ง จริงจัง เสียงจะไม่ได้ต้องการความนุ่มนวล หวาน และอิมเมจ ซาวเสตจ รูปวงเหมือนระบบฟังเพลง เพราะในระบบดูหนังจะแยกลำโพงแต่ละแชนแนลออกมาจากกันอยู่แล้ว ทั้งเสียงพูด การแพนเสียงรอบตัวของแต่ละลำโพง ก็จะอยู่ที่การจัดวางลำโพงและการเซ็ทอัพและอยู่ที่ปรีเสียเป็นส่วนใหญ่ เรื่อง Image sound stage จึงเป็นเรื่องรองและมีผลน้อยกว่าระบบ 2 แชนแนลที่มีเพียงลำโพงสองตัวหน้า ที่อาศัยการฟัง จินตนาการ แผ่นที่บันทึก มิติ รูปวง ตำแหน่งต่างๆที่วางของลำโพงในระบบ 2 แชน ที่เคลื่อนไปจึงมีความสำคัญและส่งผลต่อเสียงมากกว่าระบบดูหนัง
การฟังเพลงนั้นมีรายละเอียดเยอะ มากกว่าดูหนัง หลักการต่างๆที่คุณเชื่ออาจจะเอามาคุยกับคนเล่น home theater แล้วดูขำขันหรือไม่น่าเป็นไปได้ ผมแนะนำว่าอย่าเอามาปนกันหรือหลีกเลี่ยงกันถกเถียงกันจะดีที่สุดครับ เพราะมันจะหาข้อสรุปไมไ่ด้ ถ้าจะนัดกันมาทำ blind test นั้น ต้องถามว่าทำไปเพื่ออะไร เอาชนะ หักหาญน้ำใจให้อีกฝ่ายแตกหัก หน้าแตกยับเยินไปต่อหน้าแล้วได้อะไรขึ้นมา
ดังนั้นใครที่ฟังเพลงก็ฟัง และเล่นไปตามแนวทางของตัวเอง จะเอามาใช้ในการดูหนังก็ได้ แต่อย่าเอามาชี้นำคนเล่นโฮมว่าต้องทำแบบนี้ถึงจะเรียกว่าเล่นเป็น สายต้องแพง สายต้องลอย ต้องติดดินน้ำมัน ผมมองว่าไม่จำเป็นกับการเล่นในระบบเสียง Multichannels

ส่วนตัวนั้นผมมองว่า ถ้าซิสเต็มคุณยังไม่สุด การเอาเงินไปลงกับ accessoris พวกนี้ คุณอาจจะมองว่ามันประหยัดกว่า บางทีหลักพัน หรือแค่หลักหมื่น เงินเล็กน้อย แต่ผมอยากให้มองว่า คุณเก็บเงินไว้ สะสมให้ได้หลายๆพัน หลายๆหมื่น ทบกันมันก็ได้เยอะ สู้เอาไปอัพเกรดเครื่อง ลำโพงให้ดีไปเลยเห็นผลกว่าไม่ต้องจับผิด
แต่ถ้าซิสเต็มคุณสุดแล้ว ใช้ลำโพง เครื่องแบบที่ใช่ไม่คิดจะเปลี่ยนอะไรอีกแล้วชีวิตนี้ อยากลองดู ก็จัดไปอย่าให้เสียครับ
ปล มีความเชื่ออีกเรื่องที่เถียงกันทุกครั้งระหว่างนักวิศวกร และนักคอมพิวเตอร์เรื่องสัญญาณ digital 0101 ใช้สายอะไรก็ไม่ต่าง
ผมอยากเรียนแบบนี้ว่า สาย hdmi 0101 เนี่ยสายทองแดงธรรมดาราคา 1500 กับสาย silver plate ราคา 5000 เอาแค่นี้เสียงก็ต่างกันแล้ว สาย silver palte ให้แหลมแยอะ ดีเทลมาก เบสลด
ส่วนสายทองแดงให้มวลเบสที่มาก ไม่ต้องให้หูทองหรือซิสเต็มใหญ่ก็ฟังออก
ใครที่ฟังไม่ออกผมอยากสอบถามว่าท่านใช้ซิสเต็มอะไร ชุด In the box หรือลำโพงอะไร ได้เซ็ทอัพ และจัดวางถูกต้องหรือยัง ไม่ใช่วางในห้องโถงรับแขก เปิดเทสกับทีวีดิจิตอลแล้วบอกเสียงไม่ต่าง แบบนี้ก็ไม่แปลกที่จะฟังไม่ต่าง
เรื่องภาพก็ต่างแต่ต้องใช้จอใหญ่และหยุดภาพถึงจะเห็นความต่างชัดเจน เรื่องเสียงผมเห็นความแตกต่างมากกว่าภาพ
หากท่านยังมองว่าสายดิจิตอล เส้นละ 100 กับเส้นละหมื่นนั้นต่างกันแค่ความคงทนและวัสดุ ผมอยากจะเรียนว่าท่านอาจจะต้องอัพเกรดซิสเต็มอีกสักหน่อยถึงจะฟังออกครับ