มือใหม่มองโลกเครื่องเสียง
เคยมีคนถามผมว่า ซิสเต็มที่ใช้อยู่มันเก่าแล้ว และก็ชุดเล็ก อยากจะ "อัพ" ถ้าจะอัพ จะค่อยๆอัพไปทีละขั้น หรือเล่นทีเดียวให้สุดไปเลยดี????
ผมฟังคำถามนี้ ผมก็มานั่งคิดถึงตัวเอง เหมือนมองหน้าคนถามแล้วเจอตัวเองในอดีต
สมัยก่อนนั้นคำว่า Pre-Pro มันดูห่างไกลจากตัวผมมาก ดูเข้าไม่ถึง เค้าเล่นกันยังไงว่ะ แล้วจะจับคู่ power กับ pre ตัวไหนให้เสียงดีว่ะ แล้ว Power, pre-pro นี่ต้องไปซื้อร้านไหนละ แล้วมันมียี่ห้ออะไรบ้างเหรอ แล้วถ้าจับคู่ผิดแล้วเสียงห่วยจะทำยังไงว่ะ เงินแสนที่ลงไปคงสูญลงไปเหมือนกับแบ๊งกงเต็กเลยรึเปล่าเนี่ย
นั่นละครับความกังวลของผมสมัยก่อน คือสมัยก่อนผมก็เป็นวัยว้าวุ่นมาก่อน มีตังแล้วร้อน เครื่องเสียงก็เป็นหนึ่งในความฝันของเด็กผู้ชายทุกคนละว่ะ ผู้ชายก็ต้องมีที่เสียตังสักอย่างนึงละ ไม่รถก็เที่ยว ไม่เที่ยวก็ผู้หญิง ไม่ผู้หญิงก็เหล้า ไม่เหล้าก็เครื่องเสียง ไม่เครื่องเสียงก็พระ เงินมันต้องมีที่ไปของมันแน่นอนครับ ไม่งั้นมันจะเน่าคากระเป๋า ฮาๆๆ
ตอนนั้นมีใครที่มึความรู้หน่อยเขียนบทความอะไรขึ้นมา เชียร์ pre-pro เชียร์ avr เชียร์ลำโพงตัวไหน เราก็พร้อมจะยกให้เค้าเป็นศาสดาผู้ช่วยให้รอด และยึดเหนี่ยวเค้าเป็นที่พึ่งในจิตใจแล้วละครับ
ก็แหงละ เด็กมันจะไปหาข้อมูลที่ไหน จะไปลองฟังที่ไหนละคร้าบบบ ก็ต้องฟังจากคนเคยเล่น ฟังจากคนขายนี่ละ
เรื่องคือผมเริ่มจากชุด 2 แชนแนลใช้ Int amp และก็ลำโพงคู่นึง ฟังเพลงมาก่อน เล่นตะบันมา 3-4 ปีจนรู้สึกว่าเฮ้ยเสียงดูหนังมันยังไม่ได้ว่ะ อัพลำโพงแล้วทำไงก็ไม่ดีขึ้นเท่ากับเงินที่ทุ่มลงไปเลย
ตอนนั้นสมองน้อยๆผมก็คิดว่าเฮ้ย จะกระโดดไปให้สุดทีเดียว หรือจะค่อยๆเรียนรู้เล่นลองผิดลองถูกตามประสาเด็กน้อยของเราไปดี
ตอนนั้นผมใช้วิธีอัพจาก 2 แชนแนลเป็น 2.1 แชนแนล เพิ่มซับ
พอเพิ่มซับแล้วเหมือนโลกเปลี่ยน เหมือนมีคนเอากะละที่คลอบหัวอยู่ออกไปครึ่งใบออก
ตอนหลัง ก็เริ่มห่างๆเรื่องการฟังเพลงไป เพราะงานเยอะครับ ภาระรุมเร้า (ไม่ใช่โรครุมเร้านะ) ตอนนั้นอารมณ์สุนทรี ไม่มีเวลามาละเมียดฟังเพลง เลยหันมาสนใจเครื่องเสียง Multi channel หันมาเล่นชุดโฮม
ทีนี้ก็เลยมาเลิกฟังเพลงละ มาเล่น AVR และก็หิ้วลำโพงอื่นๆมาจนเต็มแชนแนลของมัน
เออ คราวนี้กะลาเปิดจนจะเต็มใบแล้ว ก็เล่น avr ของเราไปอีก 4-5 ปี เปลี่ยนนู้นเปลี่ยนนี้ เปลี่ยนลำโพง เปลี่ยน avr สนุกครับ
มัน รู้สึกเลยว่าโลกการดูหนัง พอมีลำโพง multi channels จริงๆแล้วเสียงมันชัดเจน คมชัด สนุก แม้ฟังเพลงจะไม่ละเมียดละไม แต่ก็เอาว่ะ ก็ยังพอฟังได้ ตอนนั้นก็ยังรู้สึกว่าเราคงไปได้แค่นี้ เอาแค่นี้ก็ดีแล้ว พอใจแล้ว ก็เปลี่ยนลำโพงไปเรื่อยๆ เล่นอะไรของเราไปตามประสา
จนวันนึงเราเล่นไปเรื่อยๆรู้สึกว่า มันก็มีลิมิทของมันที่ประมาณนึง ตอนหลังก็ซน ลองเพิ่ม Power ไปดูสิ แต่ยังใช้ avr เดิมๆ เออ ได้เรื่องวะ ดีนะ ทีนี้ก็สนุกใหญ่ ลองเล่น power ตัวนู้นตัวนี้ไปอีกสักพัก
จนวันนึงมานั่งมองตัวเอง เฮ้ย วันแรกที่เราเริ่มเล่น ที่เราเคยรู้สึกว่าการเล่น Pre-Pro การเล่นเครื่องเสียงแยกชิ้น ลำโพงชุดใหญ่ๆ เสียงดีๆ ซับวูฟเฟอร์คุณภาพดีๆ ที่เราคิดว่ามันไกลเกินเอื้อม และไม่รู้จะเริ่มเล่นอะไรดี จะต้องทำอะไรก่อนหลัง วันนั้นที่เราต้องการใครสักคนมาไกด์ มาให้แนะนำเรา เราอยากได้ใครมายึดเหนี่้ยว
พอวันนี้เรากลับรู้สึกว่าการเล่น Pre-Pro การเล่นอะไรพวกนี้มันไม่ไกลตัวเราแล้ว
จริงๆมันก็เหมือนกับการที่เราย้อนไปวันแรกของการเริ่มเล่นเครื่องเสียง ถ้าเราจะกระโดดข้ามบ่อน้ำ กระโดดไกลๆไปหลายๆก้าว ข้ามอะไรๆมาที่จุดนี้เลยนั้นมันก็ทำได้ เหมือนกับเรากระโดดข้ามมาหลายๆสเตปนั้นแหละ ไม่เสียเวลาดี ถ้าคุณมีงบประมาณพอ เล่นตูมเดียวจบ ไม่ต้องลองผิดลองถูก ไม่ต้องเสียเวลาปล่อยของ ไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก แต่คุณต้องรู้ตัวเองดีพอว่าต้องการอะไร ต้องเล่นอะไรแบรนด์ไหน และมีอาจารย์ที่แนะนำดีพอนะ คุณถึงจะซัดตูมเดียวแล้วจบ (ส่วนใหญ่มันก็ไม่จบหรอก คนจบจริงๆ คือเลิกเล่นไปเลยนั่นแหละจบจริง)
แต่สำหรับบางคน หรืออย่างผม ผมอาจไม่มีความรู้ ไม่มีอาจารย์ดีพอขนาดนั้น ผมไม่รู้จักว่าต้องแมทชิ่งอะไร มีแบรนด์อะไรบ้าง ต้องไปซื้อทีไ่หน รู้แต่ว่ามันแพงนะ รู้ว่าต้องจ่ายเท่าไร่ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ผมเลยเลือกจะเดินไปทีละก้าว ทีละสเตป ด้วยงบจำกัดน้อยๆของผม เล่นไปทีละอย่าง ลองด้วยตัวเอง เรียนรู้จากเมืองนอก จากบทความเอง เริ่มจากของไม่แพงมาก เรียนรู้ว่าของแบบไหนดี ของแบบไหนที่เราชอบ ของแบบไหนที่เราไม่ชอบ พอรู้ว่าแบบไหนที่เราไม่ชอบเราก็จะรู้ว่าเราต้องเดินไปทางไหน (เหมือนเราเดินไปแล้วมีหนาม มีเหว เราคงไม่เดินไปทางนั้นอีกใช่มั๊ย)
กลายเป็นว่าผมเสียเวลามากกว่าใครๆเค้า เป็นไอ้เด็กโข่งที่โตช้า เรียนรู้ช้า แต่ผมกลับได้ประสบการณ์ ได้เรียนรู้วิวสองข้างทาง แต่ละก้าวที่ไปทีละสเตป มันได้อะไรๆมา แม้จะช้า แต่ก็สนุกดีครับ ผมได้สิ่งที่เรียกว่าประสบการณ์สั่งสมทีละเล็กๆ จนวันนึงมารู้ตัว เออ เรารู้ว่าวันนี้เราต้องการเสียงแบบไหน เสียงยังไง และจะเล่นแบรนด์ไหน
และวันนี้รู้สึกว่าเครื่องเสียงแยกชิ้น Projecter, 4K, Pre-Pro, 3D, Atmos, DTSX รวมไปถึงการทำห้อง การศึกษาการการเซ็ทอัพให้เสียงออกมาดีที่สุด เรื่องอคูสติกเสียงมันไม่ใช่เรื่องไกลตัวเราแล้ว
ผมเชื่ออย่างนึงว่าสายตาคนนอกเค้าจะมองว่าคนเล่นเครื่องเสียงเนี่ย สิ้นเปลือง
ซับวูฟเฟอร์บ้าอะไร ตัวตั้ง 5-6 หมื่น บางตัวเป็นสองแสน เพาเว่อร์แอมป์อะไรตัวละเป็นแสน ลำโพงบ้าอะไรเป็นแสนๆ พวกนี้ต้องคลั่งแค่ไหนถึงเล่นระดับนั้นได้
ตอนแรกผมก็คิดว่าซับวูฟเฟอร์ราคา 1-2 หมื่นนี้คือน่าจะพอเพียงกับคนระดับผมแล้วละ avr 3-5 หมื่นนี่ก็แพงมากๆแล้ว ที่เราคิดแบบนั้นเพราะเราไม่รู้ว่าไอ้ซับตัวละหมื่นกว่า กับซับตัวละ 6 หมื่นมันต่างกันยังไง จนกว่าเราจะได้ลองและเอามันมาใช้ดูหนังฟังเพลง และแน่นอนว่ามือใหม่ไม่มีใครบ้าบิ่นกล้าซัดของระดับนั้นเข้าบ้านแน่นอน แต่ความสนุกของผมคือ แรกๆผมก็คิดว่ามันแพง แต่พอเล่นๆไป ไต่ระดับไปเรื่อยๆ ได้ลองของที่ดีขึ้น เราจะสนุกและค่อยๆซึมซับถึงความคุ้มค่าของเครื่องเสียงที่คุณภาพดีกว่านั้น โดยที่เราจะค่อยๆรู้สึกว่า มันไม่แพงเท่าไร่แล้ว และรู้ว่าต้องเล่นอย่างไรให้มันพอดี และคุ้มค่าที่สุดโดยไม่ต้องหว่าน และไม่เล่นตามคำเชียร์ของพ่อค้าไปเรื่อยๆ
โอเคอะ ยอมรับว่ามันก็แพงละ แต่ถ้าเทียบกับค่าใช้จ่ายอื่นๆเช่นทริปยุโรปสัก 4-6 วัน หรือเอาเงินไปทำอย่างอื่นที่เป็นงานอดิเรกอย่างอื่นมันก็ยังพอรับได้ บางคนมีงบเที่ยวต่างประเทศ รวมเที่ยวในประเทศปีเดียวมากกว่างบเครื่องเสียงที่สามารถใช้งานเป็น 10 ปีก็มีนะ
พอเรารู้และเข้าใจมัน และเราเข้าใจความต้องการตัวเอง เราก็จะรู้สึกว่าการเล่นเครื่องเสียงในระดับที่มันสูงขึ้นได้สนุก และปลอดภัยยิ่งขึ้น เราจะกล้าเล่น และเล่นอย่างถูกทาง รู้ว่าเราจะไปตัวไหน กล้าเล่นแบรนด์ไหน แบรนด์ไหนไม่ควรเล่น แบรนด์ไหนเสียงไม่ดี แบรนด์ไหนราคาคุย
โดยความรู้สึกว่าเราโดดเดี่ยว ตัวตนเดียว ไม่มีใครให้คำปรึกษาเราได้ ต้องพึ่งใครสักคนมายึดเหนี่ยว วันที่เราเฝ้ารอว่าสักวันจะมีใครมาจัดชุดดีให้เราๆ หรือมาบอกเราว่า ชุดนี้ดีนะ ตัวนี้เทพนะ... มันก็ค่อยๆหายไปแล้ว
วันนี้ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไร่เวลามีใครมาแนะนำสินค้าตัวใหม่ๆที่เรารู้ว่า สินค้าแบบนี้ไม่เหมาะกับเราแล้วครับ
หรือวันที่เราตื่นเต้นเวลานั่งรอสินค้าที่เรารู้ว่าเราเหมาะกับมันโดยไม่ต้องให้ใครมานั่งเขียนอวยหรือมาบอกว่ามันดีเลย
บางทีการเล่นเครื่องเสียงมันก็ไม่มีข้อตายตัว มันคืองานอดิเรก ไม่มีผิดไม่มีถูก คุณจะซัดตูมเดียวก็ได้ความคุ้มค่า ได้คุณภาพ ได้เล่นของดีเลย
แต่ถ้าคุณงบน้อย คุณค่อยๆเล่น ค่อยๆศึกษา เล่นไปเรียนรู้ตัวเองไป สิ่งที่คุณเสียก็คือเวลา และเงิน แต่สิ่งที่คุณได้แถมมาก็คือประสบการณ์และการเรียนรู้ที่เค้าแถมให้ฟรีๆครับ
แล้วคุณละครับ วันนี้เล่นอะไรอยู่ พอใจหรือยัง มีแพลนจะอัพอะไรใหม่มั๊ย เคยรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจมั๊ยเวลาจะเปลี่ยนอะไรที
บางทีการเล่นโดยใช้สัญชาตญาณ การหาข้อมูล และเล่นไปช้าๆ ชอบก็หยุด เหนื่อยก็พอ ไม่ชอบก็ขาย แบบนี้มันก็สนุกดีเหมือนกันนะครับ ว่ามั๊ย....