อันนี้บอกกันตรงๆแบบไม่อายเลยนะครับว่า ห้องผมเนี่ยที่ใช้ถ่ายรูป ใช้เทส ใช้ดูหนังฟังเพลงทุกวันนี้ มันมีปัญหาเรื่องเสียงก้องอยู่บริเวณต้นๆห้อง นั่นคือตรงแถวที่วางเครื่องเสียง มันก้องแค่ตรงนั้นแหละ แต่ตรงนั่งฟังเนี่ยไม่มีปัญหาอะไร เวลาไปพูดหรือตบมือ หรือไปคุยโทรศัพท์แถวๆเครื่องเสียงก็จะได้ยินว่ามันก้อง
แต่ผมก็เป็นคนประเภทงกครับ หาวิธีแก้แบบบ้านๆ เอาพรมบ้าง เอากรอบรูปบ้าง เอาหมอนข้างอันใหญ่ๆบ้าง เอาหมอนอิงมาแอบวางไว้ตรงมุมห้อง (ใครตาดีช่างสังเกตจะเห็นว่ามุมห้องบางทีถ่ายรูปมาจะมีหมอนข้างอันยาวๆวางแปะไว้)
ก็นั่นละฮะท่านผู้ชม ก็ช่วยลดเสียงก้องได้ดีระดับนึงอยู่ เวลาดูหนังมันก็ไม่ค่อยอะไรเท่าไร่ แต่เวลาฟังเพลงเนี่ยมันก็ยังบวมๆ ก้องๆ เสียงกลางดูฟุ้งๆ ขาดมิติอยู่ และที่สำคัญคือมันก็ดูไม่ค่อยสบายตาเท่าไร แขกไปใครมาผู้หลักผู้ใหญ่มาดูห้องเค้าก็ร้องยี้ ไอ้นี้จน 555
จริงๆผมก็คิดๆมานานแล้วว่าจะหาวัสดุซับเสียงมาติด ประกอบกับได้คำแนะนำมาจากรุ่นพี่ท่านนึงที่ก็บอกให้หามาติดบริเวณหลังเครื่องเสียง
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ติดซะที ศึกษามาสักพักแล้วครับ เอาตรงๆคือ แม่มแพง อิอิ พูดกันตรงๆนี่แหละ แผ่นที่มีขายที่ได้มาตรฐานในบ้านเรา เอาแบบที่มีผลเทส ผล laps รับรองและหน้าตาไฮโซน่าเอามาติดใช้ในห้อง และไม่ใช้ใยแก้วนะ ราคาสนนแผ่นทั่วๆไปก็ หลายร้อยไปจนเป็นพัน ไอ้ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลมั๊ย ก็ผลัดวันไปเรื่อยๆ
จนวันนี้สวรรค์มาโปรด ขอพูดแบบไม่อายเลยว่า บริษัท Planet Green ได้ให้ความอนุเคราะห์ส่งตัวอย่างมาให้โชว์ และเทส หรือจะเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่สะดวกผมนั่นแหละ ก็แปลง่ายๆว่าให้ผมขายด้วย และก็ตามนิสัยผม เวลาได้ของฟรีมา ผมก็ต้องใช้ให้คุ้ม ก็เนี่ยคับ...ตามรูปเลย ได้กับเค้ามากล่องนึง มีอยู่ 5 แผ่นใหญ่ๆ ขนาดแผ่นละ 60*60 ซึ่งเมื่อเทียบกับห้องเล็กๆของผมแล้ว ถ้าติดเฉพาะด้านหลังเครื่องมันก็พอดีแบบไม่ต่องอะไรมาก แต่ถ้าจะให้ดีถ้าได้ติดด้านข้าง ซ้ายกับขวา หรือได้เพิ่มอีกสักกล่องจะยิ่งดีนะครับ อิอิ
ทีนี้พอได้มาผมก็จัดการแกะกล่องและแกะมันออกมาทั้งหมด 5 แผ่นมาวางกองพิงไว้ข้างลำโพงข้างขวาก่อน แล้วพอดีๆช่วงนี้งานยุ่งๆก็เลยวางไว้แบบนั้นจนลืมไปเลยว่าวางไว้ตรงนั้น
ทีนี้พอว่างก็มานั่งทำงาน และจัดการเปิดเพลงบิ้วท์อารมณ์ไปด้วย นั่งเขียนงาน ทำอะไรไปด้วยตามประสา เปิดๆฟังไปก็รู้สึกว่า เฮ้ยทำไมเสียงมันเอียงว่ะ หรือลำโพงเสียข้างนึงรึเปล่า ก็เลยลองปรับเสียงที่โปรแกรม Player ที่ใช้เล่นให้เสียงออกลำโพงทีละข้าง ก็ถึงบางอ้อว่า ไอ้ลำโพงข้างที่เอาแผ่นอคูสติกทั้งหมดไปพิงไว้นะ มันเสียงถูกซับเสียงไปเยอะอยู่ จนเสียงสองข้างฟังออกมาไม่เท่ากัน (ข้างนึงหนา ฟุ้ง อีกข้างมันเรียว ชัดและเล็กโฟกัสชัดกว่าอย่างเห็นได้ชัด)
ทีนี้พอนึกได้ก็เลยจัดการเอามาแปะๆ ในจุดที่เป็นจุดบอดของห้อง (อันนี้ห้องผม ผมจะรู้ว่าจุดไหนก้อง ก็จัดการแปะเองได้ แต่ถ้าท่านที่เพิ่งสร้างห้องและไม่ใั่นใจ เราแนะนำว่าให้สอบถามผู้เชี่ยวชาญก่อนเพื่อคำนวณปริมาณที่ต้องใช้)
หลังจากแปะเสร็จ สิ่งที่ต้องบอกคือ เหมือนได้เปลี่ยนลำโพงใหม่เลยครับ เสียงดีขึ้นเหมือนไปนั่งฟังห้องคนอื่นที่ไม่ใช่ห้องเราเอง สิ่งที่เปลี่ยนชัดๆคือ
1. การฟังเพลง ชิ้นดนตรี รายละเอียดเล็กๆน้อยๆมันชัดเจนขึ้น ลอยขึ้นมาเห็นเป็นชิ้นเป็นหลายๆ layer ซ้อนกันของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นอย่างเป็นระเบียบ สามารถแยกจัดแจงได้ว่าอันไหนลอยมาก่อนมาหลัง อันไหนเล่นตำแหน่งไหน บรรยากาศสงัดขึ้นเล็กน้อย จากแต่เดิมที่ผมรู้สึกว่ามันลอยเกาะกลุ่มกันมาเป็นปื้นๆ ฟุ้งๆ มันมีรายละเอียดนะ แต่มันปนกันอยู่สะเปะสะปะ
2. เมื่อเดินไปฟังตรงบริเวณต้นกำเนิดเสียง แล้วฟังแบบ near field มันฟังเพราะ และไม่ก้องเหมือนเดิม แต่ก่อนจุดหน้าลำโพงจะก้องและลอยๆ ยิ่งเดินไปคุยอะไรตรงหน้าลำโพงนี่จะเห็นเลยว่า มันก้อง พอเดินถอยมาก็ค่อยโอเคหน่อย แต่สิ่งที่เสียไปมันเสียไปตั้งแต่ตรงหน้าเครื่องแล้วไงครับ หลังห้องมันก็เหลือมาแค่ระดับนึง ขาดสิ่งที่ควรจะได้ ไม่ได้สิ่งที่ควรจะเป็นสมกับราคาข้างของในห้องเราเท่าที่ควร
3. เบสมันเรียวและเล็ก กระชับ เป็นตัวเป็นตนขึ้น ตรงนี้ไมไ่ด้บอกว่ามันหนักขึ้นนะ แต่พอเบสมันชัดและเป็นรูปทรงดี เราก็เร่งได้เยอะ โดยไม่รู้สึกว่าเสียงมันแย่ หรือล้นจนเหนื่อย พอเร่งดังๆแล้วเบสมันเอาอยู่ มันก็ฟังมัน รู้สึกว่าหนักขึ้น ฟังสบายหูขึ้นครับ
ความเปลี่ยนแปลงของเสียงในการจัดการกับ อคูสติกห้องนั้นจะบอกว่าคุ้มก็ใช่ จะบอกว่าไม่คุ้มก็ใช่อีกเหมือนกัน เพราะสำหรับห้องทั่วๆไปที่ไม่ได้ถูกสร้างและเตรียมการมาสำหรับทำเป็นห้องดู หนังหรือฟังเพลงโดยเฉพาะนั้น ย่อมต้องมีจุดอ่อน ต้องมีเสียงก้อง มีการดูดซับเสียงที่ไม่โอเคเท่าไร่ เช่นห้องผม บางห้องก้องทั้งห้อง เปิดเพลงแล้วชิ้นดนตรีตีกัน ทำให้โฟกัส ชิ้นดนตรีไม่ชัด บางห้องก้องเฉพาะหน้าห้อง หลังห้องตรงโซฟาไม่เป็นไร
การจัดการกับอคูสติกของห้องในห้องเหล่านี้ ผมบอกเลยว่า คุ้มเสียยิ่งกว่าเปลี่ยนเครื่องเสียงหรือลำโพงชุดใหม่แพงๆมากมายนัก เพราะเสียงที่ได้คุณจะไม่เชื่อเลยว่า เสียงของชุดเราจะดีขึ้นมาได้ขนาดนี้
เอาง่ายๆ เช่น ห้องประชุม หรือโรงหนัง โรงละคร ห้องฟังเพลง ห้องที่จัดการกับเสียงดีๆ คุณจะเห็นเลยว่าเสียงมันดีมากๆ เสียงชัด โฟกัส ความถี่ต่ำกระชับ ไม่ก้องไม่เบลอ แบบนี้เครื่องเสียงราคาไม่แพงยังเสียงดีได้เลยถ้ามาอยู่ในห้องแบบนี้ กลับกัน เครื่องเสียงไฮเอ็นท์แพงๆยิ่งเฺฉิดฉายและสุดยอดขึ้นไปได้อีก ถ้าได้อยู่ในห้องอคูสติกดีๆ
กลับกันบางห้องมีค่าซับเสียง และอคูสติกดีอยู่แล้ว เช่นห้องนอนบางห้อง (เพราะฟูกกับที่นอน หมอน พวกนี้มีค่าซับเสียงโดยธรรมชาติ และบางห้องใช้พื้นไม้ซึ่งมีคุณลักษณะพิเศษบางอย่าง) ห้องเหล่านี้มีค่าซับเสียงที่ดีแล้ว การติดซับเสียงเพิ่มอาจไม่ได้ช่วยอะไรเพิ่มสักเท่าไร่
แต่ถ้าห้องดนตรี ห้องดูหนังส่วนใหญ่จะคุมการซับเสียงให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ คือไม่ให้ dead คือซับมากเกินไปจนฟังแล้วไม่เป็นธรรมชาติ ห้วน เปิดแล้วไม่มีหางเสียงของชิ้นดนตรี ไม่มีประกายเหลืออยู่เลย แบบนี้ซับมากไปผลก็จะยิ่งเปลืองแอมป์เวลาพูดอะไรทีก็เหนื่อยด้วย ห้องที่ซับเยอะๆแบบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นห้องอัด ห้องซ้อมดนตรี
แต่ถ้าเป็นห้องดูหนัง หรือห้องฟังเพลงส่วนใหญ่จะซับแค่พอเหมาะแค่ 0.5-0.6 แค่นี้ ให้พอมีความเป็น live ให้มีหางเสียงให้มันเป็นธรรมชาติ
ถัดมาเรามารู้จักกันก่อนว่าวัสดุซับเสียงมันทำงานยังไง
วัสดุทุกชนิดสามารถซับเสียงได้ในระดับที่แตกต่างกันไป เมื่อคลื่นเสียงวิ่งกระทบวัสดุ จะมีบางส่วนของพลังงานเสียงถูกซับไว้ และที่เหลือจะสะท้อนออกไป ค่าการซับเสียงนั้นเราเรียกว่า NRC (Noise reduction coefficient) มีค่าสูงสุดคือ 1 และน้อยสุดคือ 0
ถ้าวัสดุใดที่มีค่า NRC 1 ในทุกๆความถี่ วัสดุนั้นก็เปรียบเสมือนหลุมดำนั่นแหละครับ คือเสียงใดๆที่วิ่งไปกระทบตัวมัน จะถูกดูดซับอย่างสิ้นเชิงไม่มีอะไรหลุดรอดไปได้เลย ซึ่งวัสดุแบบที่ว่านั้นในโลกนี้ไม่น่าจะมีอยู่ อย่างมากก็มีค่าดูดซับเข้าใกล้ 1 ที่ความถี่ใดความถี่หนึ่ง แต่ไม่สามารถดูดซํบได้ทุกความถี่อย่างแน่นอน
และวัสดุใดๆที่มีค่า NRC 0 ก็แปลว่ามันไม่ซับเสียงอะไรเลยนั่นเอง
ทั่วไปค่า NRC จะต้องมีค่ามากกว่า 0.40 ถึงจะถือว่าเป็นวัสดุดูดซับเสียง (Acoustic) ถ้าต่ำกว่านี้ หูของมนุษย์ก็ไม่ค่อยจะรู้สึกถึงความแตกต่างเท่าไร่แล้ว ฉะนั้นเวลาดูค่า NRC มักจะมีค่า NRC ที่ความถี่ต่างๆมาให้
เช่น NRC 0.8 ที่ความถี่ 1000 Hz
NRC 0.3 ที่ความถี่ 200 Hz
นั่นแสดงว่าวัสดุชนิดนั้นสามารถดูดซับเสียงกลาง เสียงแหลมที่ความถี่ช่วงประมาณ 1000 เฮิร์ตได้ดีเยี่ยม แต่เมื่อความถี่ต่ำๆพวก upper bass อย่างซับวูฟเฟอร์นั้นกลับไม่สามารถดูดซับได้เท่าที่ควร ซึ่งการซับเสียงเบสที่บวมก้องนั้นก็สามารถจัดการได้ด้วยวัสดุซับเสียงอีกประเภทที่เรียกว่า Bass Trap
ส่วนใหญ่เวลาเราซื้อลำโพงใหม่ หรือแอมป์ใหม่ เรามักจะไม่ค่อยเสียดายเท่าไร่ เพราะมันมาในรูปแบบของครับ แต่พอเราบอกว่า เฮ้ย เซ็ทอัพมั๊ย หรือจัดการอคูสติกห้องมั๊ย งบประมาณหลักพัน หรือหมื่นต้นๆ หลายคนจะเริ่มมองแล้วว่า เฮ้ย แล้วมันจะได้อะไรมาบ้าง ของก็ไม่ได้ ได้แผ่นใยสังเคราะห์หลายแผ่น แปะแล้วจะย้ายห้องก็จะขายต่อก็ไม่ค่อยได้
ผมเข้าใจอารมณ์นี้ดีครับ เพราะผมก็เป็นเหมือนกัน มันแพง แต่ไม่ได้ของ
แต่เอาเข้าจริง ตอนที่ได้แผ่นซับเสียงมาฟรีๆแล้วได้ลองใช้จริงๆ ความคิดผมเริ่มเปลี่ยนไปว่า เออลำโพงดีๆที่ซื้อกันโครมๆ 5-6 หมื่นหรือเป็นแสน แต่บางทีความแตกต่างยังสู้กับแผ่นอคูสติกที่ผมเอามาติด 5-6 แผ่นนี้ไม่ได้เลย งบที่ผมได้มานี่ใช้เงินแค่ 5 พัน ย้ำว่าแค่ 5 พัน แต่มัน improve คุณภาพเสียงจากระบบของผมที่ตีเป็นเงินแล้วก็ประมาณ 2 แสนให้ดีขึ้น
ทีผ่านมาๆผมคิดว่า พวกอคูสติกเนี่ยเอาไว้หลังๆเหอะ ตามเก็บของ ตามเก็บลำโพง เก็บแอมป์ ใช้ของดีๆ พวกเสียงที่ Lose ก็ให้มัน lose ไป เราทุ่มไปเยอะๆ เสียงมันก็ดีเอง
จริงๆแบบนั้นมันก็ได้ครับ แต่มันเปลือง วันนี้พอได้ลองฟังเสียงตอนแปะแผ่นอคูสติกแล้วบอกตรงๆว่าตื่นเต้น เสียงเหมือนได้ลำโพงชุดใหม่เลย
ถามว่าคุ้มมั๊ย ต้องบอกเลยว่าเงิน 5-9 พันเนี่ยซื้อลำโพงระดับเริ่มต้นยังไม่ได้เลย ซับวูฟเฟอร์ก็คงได้แค่ JBL Sub10, Polk PSW110
หรือถ้าเล่น acsessories ก็จะได้แค่สายไฟ สายลำโพงระดับกลางๆ ระดับเริ่มต้นเอ้งงงเธอ
นี่ถ้าวันนี้ไม่ได้ของฟรีมาลองก็คงงมอยู่นานครับ ไม่กล้าลองเล่นซะที
แน่นอนว่าเสียงมันเป็นเรื่องที่จับต้องไม่ได้ แต่อย่าลืมว่าการจะจัดการกับสิ่งที่จับต้องไม่ได้นี่แหละสำคัญมากๆ ของแบบนี้ต่อให้เขียนอีก 10 หน้า A4 ก็มองไม่เห็นภาพ นอกจากลองด้วยตัวเอง
แล้วคุณจะไม่แปลกใจว่าทำไมห้องอัด ห้องฟังเพลง หรือห้อง Home Theater ดีๆเค้าถึงต้องจัดการกับอคูสติกก่อนเป็นอันดับต้นๆ เพราะตราบใดก็ตามที่ห้องยังมีเสียงก้อง เบลอ บวมแล้ว ต่อให้อภิมหาลำโพงเทพระดับไหนก็ตาม ผมรับรองได้เลยว่า มันฟังไม่เพราะหรอก และดีไม่ดี... เสียงที่ได้อาจจะลดทอนลงไปหลายเท่าตัวก็เป็นได้
ทีนี้มีข้อดีแล้วก็ต้องไม่ลืมข้อเสียบ้าง ข้อเสียก็คือ
1. บางที่เราไม่รู้ว่าห้องเราเนี่ยมันดีแล้วหรือยัง หรือมันก้องมากมั๊ย หรือต้องใช้วัสดุซับเสียงมากน้อยแค่ไหน
ผมแนะนำแบบนี้ว่าถ้าห้องคุณตั้งใจทำเป็นห้องดูหนัง หรือห้องฟังเพลงโดยเฉพาะ มีผนังรอบด้านปิดมิดชิด แบบนี้ดูไม่ยากครับ ลองไปพูดกันในห้อง หรือลองตบมือดูก็รู้ว่ามันก้องมั๊ย ถ้าพูดแล้วได้ยินเสียงตัวเองแว่วๆ หรือตบมือแล้วได้ยินเสียงวิ้งๆๆออกมาเป็นทอดๆ เหมือนอยู่ในถ้ำ หรืออยู่ในโบสถ์ ก็นั่นแหละครับ
แต่ถ้าห้องคุณเป็นห้องนั่งเล่น เปิดโล่ง มีเพดานสูง ทะลุบันไดออกไปแบบนี้อาจจะไม่จำเป็นครับ
2. การติดมากไปน้อยไปก็มีผล การติดวัสดุซับเสียงน้อยไป หรือไม่ถูกจุด เช่นห้องคุณก้องแถวหน้าห้อง แต่ดันไปติดตรงโซฟา แบบนี้ก็ช่วยได้น้อยมาก
หรือการติดวัสดุซับเสียงน้อยเกินไปก็ทำให้ไม่เกิดผลที่รับรู้ได้ชัดเจน การติดมากแค่ไหนให้ดูขนาดห้องเป็นหลักครับ ทั่วๆไปห้อง 3*4 ถ้าติดบริเวณหน้าห้องหรือจุดกำเนิดเสียงอย่างเสียงอย่างเดียว ก้ใช้แผ่นซับเสียงขนาด 60*60 หรือ 60*120 แค่ 5-8 แผ่นก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าดูแล้วว่าต้องติดด้านข้าง หรือด้านหลังด้วยก็คำนวณปริมาณเพิ่มเข้าไปตามพื้นที่ครับ
แต่อย่าลืมว่า ถ้าๆๆๆๆ ติดเยอะไป ผลเสียที่จะได้คือ มันจะ dead ฟังอะไรไม่เพราะเลย เหมือนเราเอาลำโพงไปเปิดกลางทุ่ง ถูกซับหายไปหมด เปลืองแอมป์ เครียด สงัดจนประสาทจะกิน การฟังเพลงทั่วๆไปค่าซับเสียงควรอยู่ประมาณ 0.4-0.6 หรือ 0.7 ประมาณนี้ละครับ ถ้าห้องอัด หรือห้องประชุม หรือห้องอื่นๆก็ต้องดูกันตามประเภทใช้งานต่อไป
3. อย่าลืมนะว่าจะติดวัสดุซับเสียงนะ คุณต้องมั่นใจว่าจบกับห้องนั้นแล้ว คือตกแต่งแล้ว ทำอะไรแล้ว มีเฟอร์มาลงครบแล้ว ไม่ใช่ผู้รับเหมาสร้างห้องเสร็จแล้วติดเลย แบบนี้หลังจากเอาข้าวของมาลง เอาเฟอร์มาลง ม่านประตู ตู้ โซฟามาลงแล้ว เสียงจะเปลี่ยนไปอีกเยอะเลยครับ
จบแล้วครับ วันนี้ให้ข้อคิดไปว่า เราลงทุนเครื่องเสียงเป็นหมื่นเป็นแสน ซื้อเครื่อง ซื้อของมาเพราะหวังผลเรื่องเดียง เรื่อที่มองไม่เห็นนั่นคือ "เสียง" (บางท่านอาจจะหวังผลเรื่องสวย และใช้ตกแต่งบ้าน หรือใช้คุยอวดกับเพื่อน อันนี้ก็ไม่ว่ากัน)
อย่าลืมว่าปัจจัยแรกที่มีผลต่อเสียง และเครื่องที่คุณซื้อมาก็คือห้อง ถ้าห้องไม่ดี อคูสติกไม่ได้ ใช้ของแพงยังไงก็เสียงไม่ดี เหมือนที่เราไปลองฟังตามร้านนั่นแหละ เสียงดีมั๊ยละ แล้วถ้าเรายก copy อุปกรณ์แบบนั้นเลยมาฟังในห้องนั่งเล่นในบ้าน ในห้องนอน เราแล้วมันเสียงดีเท่าเค้ามั๊ยครับ เหตผลคือเรื่องห้อง เรื่องอคูสติกครับ
ลองดูแล้วคุณจะรู้ว่าวัสดุซับเสียงที่ดีนั้น มันสามารถทำให้เสียงมันเปลี่ยนเหมือนได้เครื่องใหม่ได้เลย
หน้าที่เข้าชม | 2,192,372 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,301,209 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |