วิธีดูค่าความไว (Sensitivity) ของลำโพงแต่ละยี่ห้อ

Sensitivity

เคยสงสัยมั๊ยครับว่า ค่า Sensitivity ที่เขียนอยู่ข้างๆกล่องลำโพงทุกคู่ที่เราซื้อมานั้นมันมีความหมายและสำคัญอย่างไร ?
Sensitivity คือค่าที่บอกว่าลำโพงตัวนั้นให้ความดังได้กี่เดซิเบลถ้าเราใช้แอม 1 วัตต์ (นั่งห่างจากลำโพงประมาณ 1 เมตร)




เช่นลำโพงทั่วๆไปที่ค่า sensitivity = 87

ถ้าเราใช้แอมป์ 1 วัตต์ นั่งฟังห่างหนึ่งเมตร ลำโพงจะเปร่งเสียงได้ 87 เดซิเบล

ถ้าเราเพิ่มกำลังแอมป์เข้าไปที่ 2 วัตต์ จะได้พลังเสียงเพิ่มขึ้นเป็น 90 เดซิเบล

ถ้าเราเพิ่มกำลังแอมป์เข้าไปที่ 4 วัตต์ จะได้พลังเสียงเพิ่มขึ้นเป็น 93 เดซิเบล

ถ้าเราเพิ่มกำลังแอมป์เข้าไปที่ 8 วัตต์ จะได้พลังเสียงเพิ่มขึ้นเป็น 96 เดซิเบล

ถ้าเราเพิ่มกำลังแอมป์เข้าไปที่ 16 วัตต์ จะได้พลังเสียงเพิ่มขึ้นเป็น 99 เดซิเบล

ถ้าเราเพิ่มกำลังแอมป์เข้าไปที่ 32 วัตต์ จะได้พลังเสียงเพิ่มขึ้นเป็น 102 เดซิเบล

ถ้าเราเพิ่มกำลังแอมป์เข้าไปที่ 64 วัตต์ จะได้พลังเสียงเพิ่มขึ้นเป็น 105 เดซิเบล




นั่น คือทุกๆการเพิ่มกำลังขับเป็นสองเท่าเราจะได้กำลังเสียงเพิ่มขึ้นมา 3 เดซิเบลครับ และทุกๆระยะห่างที่เรานั่งฟังห่างออกไปเพิมขึ้น 1 เมตร กำลังเสียงจะลดลงประมาณ 5-6 เดซิเบลเสมอ

ข้อดีของการมีค่านี้สูงๆคือ แสดงว่าเป็นลำโพงที่ขับง่าย เสียงดังมีพลัง แม้กำลังขับเพียงน้อยนิด ส่วนใหญ่ถ้าลำโพงมีค่านี้สูงๆเรามักจะเอามาใชัขับกับแอมป์หลอดกันครับ เพราะส่วนใหญ่แอมป์หลอดมีกำลังขับไม่มากแต่ให้เสียงหวานไพเราะดี

แต่ อย่างไรก็ตามค่านี้จะมากหรือน้อย ไม่สามารถวัดคุณภาพของลำโพงได้ครับ ลำโพงดีหรือไม่ ต้องดูคุณภาพเสียงที่ได้ด้วย ถ้าดังอย่างเดียว แต่เบสไม่ออก หรือออกแต่เบสอื้ออึงไปหมด กลางแหลมไม่ชัดก็ฟังไม่เพราะใช่มั๊ยครับ

จะ เห็นว่าลำโพง Klipsch ทุกตัวมีค่า Sensitivity สูงเกิน 95 เดซิเบล ซึ่งสูงมากกว่าลำโพงทั่วๆไปในตลาดแทบทุกตัว ก็จัดว่าเป็นข้อดีข้อนึงที่ทำให้ลำโพง Klipsch ขับง่าย ไม่กินแอมป์ และให้เสียงได้เต็มที่สำหรับระดับการฟังได้โดยไม่ต้องเร่ง Volume เพิ่มมากเหมือนลำโพงคู่อื่นๆครับ