Preview Pioneer SC-LX89 AVR ใหม่ล่าสุด จะสู้ค่ายอื่นเค้าไหวมั๊ย
ออกวางขายในบ้านเราไปเรียบร้อยแล้วนะครับกับ AVR รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Pioneer ที่แม้จะควบรวมไปกับ Onkyo แล้ว แต่ก็ยังไม่วายหลอกล่อด้วยการส่ง Onkyo RZ900, 800 มาลวงให้งงเล่นว่า ตกลงแล้วแบรนด์ไพโอเนียร์จะจบลงแค่นี้.. แล้วไปลุยตลาด AV Receiver ในบ้านภายใต้แบรนด์ Onkyo อย่างเดียวหรือเปล่า
วันนี้ก็แน่ชัดแล้วว่า จะออกสินค้าในหมวด AVR ออกมามันทั้งสองแบรนด์เลย
แฟนๆ Pioneer ก็สบายใจได้แล้วว่าสินค้าซีรี่ย์ SC-LX จะไม่สูญหายตายจากไปในตลาด
และที่สำคัญตอนนี้ในตลาด บรรดาผู้ผลิตก็ออก AVR ที่รองรับระบบเสียงแบบใหม่ อย่างเช่น DTS-X, Dolby Atmos ออกมากันเกือบครบทุกค่ายแล้ว เว้นไว้ก็แต่ HarmanKardon ที่ต้องปล่อยพี่เค้าไปเจ้าหนึ่ง เพราะอินดี้จนเดาใจแกไม่ถูกว่าตกลงจะเลิกทำ AVR แล้วหรือยังจะทำต่อ ก็รอดูต่อกันต่อไปครับ
เอาเป็นว่าตอนนี้ทั้ง Yamaha , Denon, Marantz, Onkyo และล่าสุด Pioneer ก็มากันครบถ้วนแล้ว พร้อมจะฟัดกันได้ซะที และข่าวล่าสุด ตอนนี้เฟิร์มแวร์รองรับ DTS-X ของแต่ละค่ายก็เริ่มทยอยเปิดให้อัพเดทกันแล้วด้วยครับ ใครที่มี AVR รุ่นใหม่ๆ ไปลองโหลดเล่นกันดูได้ ว่า DTS-X จะทำได้แค่ไหน
วันนี้เข้าเรื่องพาไปดูสินค้า Pioneer SC-LX รุ่นใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวแล้วในบ้านเราพร้อมราคาตั้งตามนี้
Pioneer SC-lx59: 72,900 : http://www.whatthatsound.com/product/326/pioneer-sc-lx59
Pioneer SC-lx79: 79,900 : http://www.whatthatsound.com/product/325/pioneer-sc-lx79
Pioneer SC-lx89: 99,000 : http://www.whatthatsound.com/product/324/pioneer-sc-lx89
ตัวนี้ความรู้สึกผมคิดว่า หน้าตา Pioneer รุ่นใหม่มันกระเดียดไปละม้ายคล้ายเจ้า Onkyo RZ800, 900 พอสมควร ออกแบบแพทเทิร์นมานึกว่า คนเดียวกันดีไซน์เลยครับ
วันนี้เราไปดูฟีดแบ๊กของชาวโลกเค้ากันครับว่า มีความเห็นและบทวิจารณ์หรือคอมเพลนอะไรกับเจ้า Pioneer SC-LX รุ่นใหม่นี้กันบ้าง โดยเราจะเจาะลึกไปที่ตัว LX89 เป็นหลัก เพราะไหนๆจะเล่นแล้ว ก็ต้องเล่นตัวท๊อป จริงมั๊ยครับ
1. WhatHifi.com เริ่มกันที่เว็บไซต์ชื่อดังอย่าง whathifi.com ที่ทำรีวิวออกมาแล้ว โดยตัวนี้คะแนนรีวิวออกมาได้ค่อนไปทางที่ดี คือได้ 4 เต็ม 5 ดาว
โดยฝรั่งเค้ารีวิวไว้ว่า ข้อดีของตัวนี้คือพละกำลัง ความหนักแน่น เสียงยังคงสไตล์แนวเดียวกับรุ่นก่อนๆ แต่แก้ข้อเสียในรุ่นก่อนที่บอกกันว่าเสียงสดไป บาดหู ในรุ่นใหม่นี้ทำได้ดีขึ้น เสียงไม่กร้าวและไม่บาดหูจนเกินไป จึงเหมาะกับคนที่ชอบแนวดูหนังแอคชั่น และระบบเสียง Dolby Atmos ก็เสียงดี เลิศมาก
อีกข้อนึงคือระบบต่างๆในการเซ็ทอัพทำได้ค่อนข้างดี ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก
ส่วนข้อเสีย ทางWhatHifi ให้ไว้ข้อเดียวคือรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ความละเมียดละไม ปลายหางเสียงบางอย่างน่าจะทำได้ดีกว่านี้อีกนิด ซึ่งตรงนี้อาจจะเป็นเพราะไปแก้เรื่องบาดหู เลยทำให้รายละเอียดบางอย่างลดลงไปนิดหน่อย
จัดว่าไม่เลวครับกับคะแนน 4/5 ดาว ของ WhatHifi
2. CES Award งานนี้พี่ไพไปคว้ารางวัล Best Innovation Award มาจากงาน CES 2015 ด้วยนะครับ ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบว่าเค้าตัดสินกันที่ไหนอย่างไร เอาเป็นว่าตัวนี้มีรางวัลการันตีมาก็แล้วกันครับ
3. Amazon หลังจากไปดูคะแนนจากพวกสื่อกันแล้ว ก็ต้องลองชะโงกมาดูฟี้ดแบ๊กของผู้ใช้งานจริงกันซะหน่อยครับ ก็อย่างที่ทราบนะครับ เป็นกันทั่วโลก บางทีบริษัทผู้ผลิตก็ให้สื่อต่างๆยืมสินค้าไปทำรีวิว หรือเอาไปลองใช้แลกกับสื่อเขียนสกู้ป หรือลงรีวิวให้ ซึ่งจะมีค่าตอบแทนอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ผมก็ไม่อาจทราบใด แต่เอาเป็นว่า มันต้องมีไบแอสไม่มากก็น้อแน่นอนครับ เพราะเค้าให้ยืมของมา จะไปสับเค้าเละ หรือเขียนเอาข้อเสียขึ้นมาชูเป็นจุดด้อยแบบนี้ก็คงทำมาหากินกันลำบากละครับ เป็นกันทุกที่นะ ไม่เว้นแม้แต่บ้านเรา จะอ่านรีวิว วิจารณ์อะไรจากสื่อ หนังสือ หรือเว็บไซต์ บางทีดูห้องฟัง ดูวิธีทดสอบเค้า เออ มันดูมีมาตรฐานดีนะ แต่อยากให้ฟังหูไว้หูนะ ลองไปดูรีวิวจากคนใช้จริงด้วยเพื่อเป็นข้อมูลประกอบจะดีมากครับ
มาดูฝั่ง Amazon นี่ผมบอกเลยว่าคะแนนออกมาค่อนข้างไปทางไม่ค่อยดีเท่าไร่ เพราะอะไร เพราะคะแนนของเค้ามันให้โดยผู้ใช้งานที่ซื้อของไปใช้จริงๆนะสิ ผมดูมีคนเรทคะแนนให้ 1 ดาว (น้อยสุด) ถึง 14% และ 2 ดาว 8% และ 3 ดาวถึง 16% ส่วน 4 ดาว 18% และ 5 ดาว 44%
ซึ่งคะแนนค่อนข้างไม่ดีนะครับ และที่สำคัญคือ คะแนนพวกนี้มันดันเป็นคะแนนผู้ใช้งานจริง และ Amazon นี่ผมจัดว่าเป็นอะไรที่รีวิวออกมาได้ตรงและสับแหลกที่สุดแล้ว (เพราะมันไม่มีคนคุม ผู้ซื้อรีวิวเอง) ทีนี้มาดูกันหน่อยว่าส่วนใหญ่ที่ให้คะแนนน้อยๆกันมีเรื่องอะไรบ้าง
- เจอสินค้าดีเฟค ส่วนใหญ่จะโดนเรื่องช่อง HDMI เสียบ้างอะไรบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็เคลมกันไป ของออกใหม่อาจจะเจอกันได้บ้าง อะให้อภัย เอ๊ะแต่ปัญหา HDMI บอดนี่มันคุ้นๆรึเปล่า
- เวลาสวิทซ์ช่อง HDMI input แต่ละช่องใช้เวลานาน 5-10 วินาที ข้อนี้คอมเพลนกันแทบทุกคนเลยครับ Oh my God
ส่วนตัวตรงนี้ผมก็ว่าไม่เป็นประเด็นอะไรเท่าไร่ เพราะวันๆใช้งานคนเราจะสวิทซ์ช่องกันบ่ายเหรอ? สวิทซ์อะไรกันมากมาย เหมือนที่แฟนๆ Harman สมัยก่อนก่นด่าว่าเวลาเปลี่ยนระบบเสียงหรือ source แล้วชอบมีเสียงปุ ปั๊ก อะไรทำนองนั้นหรือเปล่า ส่วนตัวผมว่าปัญหานี้ไม่ใหญ่โตอะไร คือถ่้าเสียงมันห่วยหรือแย่ลง เอออันนี้ค่อยให้ความสำคัญ
บางคนอาจจะเลือกระบบเสียงบ่อย แต่ผมเลือกครั้งเดียวตอนเปิดหนังแล้วดูยาวจนจบ ไม่คิดว่ามีเหตผลที่เราต้องไปเปลี่ยนระบบเสียงมันระหว่างหนังยังไม่จบ ก็เลยมองว่าปัญหามันไม่ใหญ่โตครับ แต่บางคนมองว่าใหญ่ก็ใหญ่นะ นานาจิตตังครับ พิจารณากันให้ดี
ส่วนข้อดีก็มีนะครับ มาดูกันบ้าง
- เสียงดี พละกำลังดี ดูหนังมัน บางคนชมว่านี่เป็น The Best AV Receiver ในปีนี้เลยด้วยซ้ำ
- Dolby Atmos เสียงเยี่ยม อันนี้ผมเห็นฝรั่งมันชมกันหลายคนเลยครับ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเลิศจริงมั๊ย สงสัยต้องหามาลอง
- บางคนชมว่าปรับได้ละเอียดดี (nine (9) band equalizer)
สรุป คนชมมากกว่าด่าครับ ส่วนใหญ่ที่ชมคือ เสียงดี หนักแน่น
และส่วนใหญ่ที่ด่าคือ HDMI เสีย และเวลาสวิทซ์เปลี่ยน Input รอนาน
ท้ายสุด มาดูสเปกและจุดเด่นกันบ้างครับว่า Pioneer LX89 มีจุดเด่นอะไรกันบ้างที่พอจะไปสู้กับพวกขาโหดอย่าง Yamaha 3050, Denon X6200W, Matantz 7010, Onkyo RZ900
1. DACS: ESS SABRE Ultra D/A-Wandler ES9016S
เป็นชิปเสียง (DAC) ที่ทางพี่ไพเครมไว้ว่าเป็นชิปเสียงแบบ 32 บิท ที่ดีและมีประสิทธิภาพดีที่สุดตัวนึงของโลก และตัวใหม่นี้ทุกแชนแนลก็ถูกโปรเซสผ่านชิปตัวนี้ครับ
ปล แต่ฝรั่งบางคนบอกว่า มันก็ชิปตัวเดิมที่เคยใช้ในรุ่น LX88 ซึ่งก็จริงครับ ตัวเดียวกับใน LX88 นี่แหละ
2. กำลังขับ 140 วัตต์ที่ 8 โอห์ม รองรับ 11.2 แชนแนล processing (9 channel ampified) แปลว่าต่อเสียบเล่นได้สูงสุด 9.2 ถ้าจะเล่น 11.2 ก็ต้องหาแอมปนอกมาต่อ pre-out เอา ซึ่งทั่วๆไปก็ได้ประมาณนี้ละครับในระบบบ้าน รู้สึกว่าทีไ่ด้ 11.2 จริงๆแบบไม่ต้องต่อแอมป์เพิ่มก็จะมี Onkyo 3030 กับ Denon X7200W
3. รองรับ HDMI 4K Ultra HD และ 4K Pass Through
4. สเปกแอมป์ขับเคลื่อนด้วยแอมป์คลาส D3 ซึ่งพี่ไพบอกว่าด้วยแอมป์แบบนี้ทำให้ได้พละกำลังที่ดีเยี่ยม สามารถรองรับลำโพงที่มีอิมพีแดนซ์ต่ำๆได้ดี และลดความร้อนลงจากเดิมได้ด้วย โดยทำให้กำลังไม่ตกลงเหมือนแอมป์ของแบรนด์อื่นๆด้วย
5. รองรับระบบเสียงใหม่ๆอย่าง Dolby Atmos, DTS:X
6. รองรับฟอร์แมทเสียง Hi-res อย่าง AIFF, WAV, FLAC and Apple Lossless และฟอร์แมทเสียงแบบบีบอีดอย่าง MP3, AAC, WMA, WAV and FLAC
และยังสามารถสตรีมไฟล์ Hi-res FLAC ผ่าน PC, Laptop, Tablet, Smartphone ได้โดยตรง
7. window 8 Certified ตัวนี้รองรับ window 8 ทำให้สามารถเชื่่อมต่อกับคอม เอาเพลงที่เก้บในฮาร์ดดิสในคอมเล่นผ่าน AVR ได้โดยตรงเลย สะดวกดีครับ
8. มีแอพสำหรับให้ Smart Phone, Tablet เป็นรีโมทได้ ฟรี คล้ายๆของ Yamaha นั่นละครับ
9. แล้วก็รองรับพวก Internet Radio, Air Play, Roku แล้วก็ลูกเล่นสตรีมมิ่งพวก เพลง หนัง ต่างๆทั้งหลายแหล่ในโลกนี้ ซึ่งเอาจริงๆนะ คนไทยไม่ค่อยได้ใช้เท่าไร่หรอกครับ
10. รองรับการเซ็ทอัพด้วยไมค์ด้วยลิขสิทธิ์เฉพาะของ Pioneer โดยใช้ชื่อว่า MCACC Pro (Multi-Channel Acoustic Calibration) ซึ่งเอาจริงๆนะ มันก็พวกเดียวกับ YPAO หรือ Odyssy อะไรพวกนี้ เอาเข้าจริงๆ ผมไม่อยากให้หวังพึ่งมันมาก เพราะใช้ไมค์จาก AVR เซ็ทอัพ มันได้ระดับนึงครับ ไม่ได้ละเอียดอะไร
สุดท้ายราคาค่าตัวกลางๆ ที่เมืองนอกตั้งไว้ที่ 3000 เหรียญ ซึ่งก็แพงพอสมควรครับสำหรับรุ่นใหม่นี้ ปาไปร่วมแสนต้นๆ ราคในบ้านเราตั้งไว้ 99,000 บาท ซึ่งก็ทำราคาได้พอๆกับเมืองนอก
ซึ่งความเห็นส่วนตัวผมมองว่าในบรรดา AVR รุ่นเรือธงของแต่ละค่ายไม่ว่าจะ Yamaha, Onkyo, Denon, Marantz พวกลูกเล่นหรือฟีเจอร์พวกนี้ มันพอๆกัน ทันกันหมด จะเลือกซื้อค่ายไหนผมว่าคงไม่ใช่เรื่องลูกเล่นว่าค่ายนู้นทำได้ดีกว่าค่ายนี้ แต่กลับกันเป็นเรื่องความพึงพอใจในแบรนด์ ความทนทาน คุณภาพงานประกอบ และสุดท้ายแนวเสียงของแต่ละยี่ห้อที่คุณชอบมากกว่า เพราะเสียงแต่ละยี่ห้อมันไม่มีทางเหมือนกันร้อยเปอร์เซนต์ แต่มันจะมีกลิ่นอายและแนวเสียงของแบรนด์นั้นๆอยู่ เราอาจจะปรับมันได้ด้วย EQ ก็ตามแต่ เอาจริงๆมันก็ไม่ได้เหมือนเป๋ะ หรือได้อารมณ์มากเท่าใช้แบรนด์ที่เราชอบ
ซึ่งมันคงดีกว่าถ้าได้แนวเสียงยี่ห้อแบบที่เราชอบแบบ Right out of the box มาเลยใช้มั๊ยละครับ
มาถึงตรงนี้ผมคงไม่ฟันธงว่าแบรนด์ไหนดีกว่า แล้วคุณควรซื้อแบรนด์ไหน เพราะรสนิยม ความชอบ ประสบการณ์คนเรามันไม่เหมือนกันครับ ถ้าคุณชอบ Yamaha คุณอาจจะเกลียด Marantz หรือ Onkyo หรือถ้าคุณชอบ Onkyo คุณอาจจะยี้ Pioneer เป็นต้น เลือกและศึกษายี่ห้อที่ชอบ ที่ใช่กันเอาเองครับ
ขอให้มีความสุขกับการเล่นเครื่องเสียงและ Home Theater ทุกคนครับ
หน้าที่เข้าชม | 2,192,238 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,301,075 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |