Lyngdorf MP-60 2.1

วันนี้พามาทดสอบเจ้า Lyngdorf MP-60 2.1 pre-processor สัญชาติยุโรปจากเดนมาร์ก ที่เราอาจจะคุ้นหูกันในชื่อของ Steinway Lyngdorf ที่มุ่งเน้นทำเครื่องเสียง Hi-End ในกลุ่ม 2 Channels และลำโพงดูหนังที่มุ่งเน้นคุณภาพเสียงที่เอาใจหู และยังคงความสวยงาม เป็นอาหารตาได้ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้ที่เราทราบกันดีครับว่ากลุ่มเป้าหมายหลัก คือนักเล่นที่กระเป๋าต้องหนักนิดนึง และต้องการ เสียงที่ดี และหน้าตาที่สวยและดูแพงด้วย
Lyngdorf MP-60 2.1 เป็น pre-processor ที่ทำงานถอดรหัส 16 ch รองรับระบบเสียงของภาพยนตร์แทบจะครบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น Dolby Atmos®, DTS:X® Pro, AURO-3D®
และจุดเด่นอีกอย่างก็คือ ยังรองรับ platform streaming สำหรับฟังเพลง อย่าง AirPlay 2, Spotify Connect, Tidal Connect และก็รองรับ Roon Ready ด้วย สามารถทำงานเป็น roon ready ได้โดยไม่ต้องลง application อะไรเพิ่มอีก ใช้ฟังเพลงได้ในตัวมันเองเลยครับ
และที่สำคัญรุ่นนี้มีชื่อรุ่นว่า 2.1 พ่วงท้ายชื่อ ซึ่งหมายความว่า รองรับ hdmi 2.1 ที่ bandwidth รองรับได้ 48 Gbp หรือระบบภาพก็สูงสุดที่ 4K 120Hz ครับ ซึ่งปัจจุบันก็ไม่มีหนังหรือภาพยนตร์ที่เป็น commercial เรื่องไหนให้ความละเอียดสูงถึงขนาดนั้น แต่ทว่าก็เอาไว้รองรับสำหรับเกมที่อาจจะต่อเล่นมาจาก Xbox Series X หรือ Play Station 5 ในบางเกมครับ
----------------------------------------------

Design
ตัวดีไซน์ของ Lyngdorf MP-60 2.1 นั้นด้านหน้านั้นส่วนใหญ่ออกแบบมาส่วนใหญ่จะเป็นกระจกและใช้เป็นหน้าจอแสดงผลที่ด้านซ้ายมือ ส่วนด้านขวามือจะเป็น knob ขนาดใหญ๋เอาไว้หมุนเร่งหรือลด volume ส่วนปุ่มเปิดปิด on/off นั้นจะทำไว้เล็กๆ ที่่มุมขวาล่างครับ
ถ้าดูเผินๆๆ ผมว่าหน้าตาก็ละม้ายกับ Anthem AVM70 / 90 เหมือนกันครับ
ส่วนดีไซน์ตัวเครื่องโดยรวมก็ดูบึกบึนดี ด้านหลังออกแบบช่องต่อ XLR มาให้เพียงอย่างเดียว ไม่รองรับ RCA output นะครับ ต้องใช้สาย XLR เท่านั้น
ส่วน HDMI ให้ input มา 5 ช่อง ส่วน output มี 2 ช่อง ซึ่งสามารถ config ได้นะครับ ว่าจะให้ช่องไหนออกภาพจาก input อะไร สำหรับใครที่อาจจะเริ่มต้นได้เจ้าตัวนี้มาแล้วเสียบ HDMI output 2 แล้วภาพไม่ขึ้น ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะบางทีมันเซ็ทเอาภาพ HDMI output 1 ออกเป็นหลัก ส่วน output 2 ถูก map คาไว้ที่ hdmi input ตัวที่เราไม่ได้ใช้งานก็ได้ครับ
**** (ในตอนที่ผมใช้งานนั้น ผมลองใช้ hdmi output ทั้งสองตัวออกพร้อมกัน ตัวนึงออก projector อีกตัวออก TV ครับ)
-----------------------------------------
การใช้งานของ Lyngdorf MP-60 2.1 นั้นออกแบบมาให้เรียบๆง่ายๆ น้อยๆ ไม่เน้นใช้งานผ่านรีโมทคอนโทรลเท่าไร่นัก สาเหตุเพราะ เมื่อกดเมนู setup ที่รีโมท บนหน้าจอของตัวเครื่องจะแสดงเมนูเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น เช่น เลือก source , volume แต่การใช้งาน setup สำคัญๆๆๆ ที่จำเป็นส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด เช่นการ set layout ลำโพง , การ calibrate หรือการเซ็ท hdmi imput, output
จะถูกยกไปไว้บนหน้าจอ และบน Web มากกว่า
ซึ่งส่วนตัวถ้าให้แนะนำ ผมแนะนำว่า เราควรเซ็ทอัพมันจาก Web จะง่ายที่สุดครับ เพราะ UI และ Interface มันค่อนข้างเหมาะกับการใช้งานผ่าน mouse และทำได้ง่ายกว่าไปกดบนหน้าจอมากกก ยิ่งโดยเฉพาะหน้าจอการ assign ลำโพงตำแหน่งต่างๆ
ซึ่งวิธีการเข้า web ของมันก็จะไม่เหมือนชาวบ้านตรงที่ถ้าเป็น pre รุ่นอื่นที่ผมเคยใช้มา มันจะกด ip address เข้าได้ แต่สำหรับ lyngdorf จะบอกเป็น url มาซึ่งเราต้องต่อสายแลนที่ท้ายเครื่อง แล้วก็กดผ่าน url นี้เข้าไป ซึ่ง url มันจะเป็น http://mp60.local อะไรประมาณนี้ครับ ซึ่งถ้าไม่อ่านคู่มือดูก็ไม่รู้จริงๆ
เมื่อเข้าไปแล้วก็จะเป็นหน้าจอ setup ผ่าน web ที่ใช้งานง่าย ดูง่าย มีเมนูไม่ซับซ้อนและรวมเมนูหลักๆเอาไว้ที่เดียวกันทำให้ใช้งานง่ายดี โดยไม่ต้องอ่านคู่มือก็สามารถทำความเข้าใจเองได้ครับ
ซึ่งระบบหลักๆของ Lyngdorf ผมจะแบ่งเป็นข้อๆเพื่อให้เข้าใจง่ายดังนี้

1. ระบบ Assign XLR output ในตอนแรกที่ผมเห็นแผง XLR ของ Lyngdorf ผมก็นึกถึง Pre อย่าง stormaudio , trinnov ขึ้นมาในใจครับ เพราะแผง XLR จะไม่ระบุ fix ตำแหน่งแชนแนลมาว่าช่องนี้เป็นของลำโพงอะไร แต่จะบอกมาเป็นตัวเลข แล้วให้เราไป assign เอาได้ตามใจชอบว่า ช่องไหนอยากเป็นลำโพงอะไร
แต่ว่าพอเข้าไปลอง assign ใช้งานจริงๆ ผมกลับพบว่า ตัวระบบของ Lyngdorf มันไม่สามารถ assign channel ได้อิสระ เพราะในตอนใช้งานนั้นตัวเครื่องจะ fix มาเลยว่า xlr1 ให้เป็นลำโพงหน้าซ้าย
xlr2 เป็นลำโพงหน้าขวา xlr3 เป็น surround ซ้าย xlr4 เป็น surround ขวา และ xlr5 เป็น center
ส่วนช่องต่อ xlr อื่นๆถ้าเราไม่มีลำโพงต่อไว้ใช้งาน มันก็จะถูกปิดไว้
แต่ถ้าเรามีลำโพงตัวอื่นเพิ่มเข้ามาเช่น surround back เราจะสามารถไปเปิดตำแหน่งลำโพงตัวนี้เพิ่ม โดย Lyngdorf จะ assign ตำแหน่งลำโพงตัวนี้ให้ไปไว้ที่ XLR ที่เหลือตามลำดับที่มันจัดการไว้ โดยเราไม่สามารถเลือกได้นะครับว่า ลำโพง surround back ที่เพิ่มมาจะให้ไปไว้ที่ xlr ช่องไหน แต่ระบบมัน fix ของมันไว้แล้ว พูดง่ายๆคือ เราเปิดปิดมันได้ตามการใช้งาน แต่ถ้าจะเปิดตำแหน่งลำโพงมันจะมีตำแหน่งของมันอยู่ บางช่องอาจจะสลับกันใช้งานได้บ้างในบางตำแหน่ง แต่ตำแหน่งลำโพงหลักๆมันจะถูก fix เอาไว้ประมาณนี้ครับ
ซึ่งตอนแรกที่ผมต่อ xlr ผมจะต่อแบบนี้คือ L , C , R, SrL , SrR เรียงกันตามลำดับลำโพง
แต่ Lyngdorf มันให้ผมต่อแบบ L, R, Srl, SrR, C เลยต้องมีการไปโยกย้ายสายกันใหม่ก่อนใช้งานครับ ซึ่งอันนี้ก็ต้องเรียนรู้ระบบมันก่อนการใข้งานนิดนึงว่า มันไมไ่ด้ fully assign ได้เหมือนกับ stormaudio หรือ trinnov
็็HDMI Output ของ Lyngdorf จะมีอยู่สองช่อง คือ 1 , 2 ซึ่งที่ผมเคยเจอมาก็มีทั้ง pre ที่ปล่อยสัญญาณภาพได้ทั้ง 1,2 พร้อมกัน หรือบางเครื่องก็ assign ได้ว่าจะให้ช่องไหนปล่อยสัญญาณจาก input ช่องไหน ซึ่งสำหรับ Lyngdorf ก็คล้ายๆกัน แต่จะต่างกันนิดหน่อยว่า เราจะเลือกได้ว่าให้ hdmi output ไหนออกเป็น main ส่วน hdmi output ที่เหลือมันจะต้องเลือกอีกทีว่าจะให้ออกเหมือนช่อง main หรือ สามารถ map ไปออกที่ input อื่นได้ ซึ่งอันนี้ตอนที่ลองตอนแรกก็งงนิดหน่อย เพราะ ถ้าเราดันไปต่อ hdmi output 2 โดยเราเลือก hdmi output 1 เป็น main ไว้ แล้ว hdmi output 2 มันถูก map ไว้ที่ hdmi input 5 (แต่เราต่อ source ไว้ที่ hdmi input 1,2 ไม่ได้ต่อ ที่ 5) ก็จะทำให้ hdmi output 2 มันไม่มีภาพครับ ซึ่งเราสามารถไปจัดการ setup ตรงนี้ได้ที่ web ของมัน
3. HDMI
ในคู่มือของ Lyngdorf รุ่นนี้ระบุเอาไว้ว่ารองรับ HDMI 2.1 และควรใช้สาย HDMI ที่รองรับ bandwidth ของ 2.1 ซึ่งผมก็เข้าใจว่าถ้าจะเล่นให้เต็มศักยภาพ bandwidth ของมันที่ 48 Gbps ก็ต้องใช้สายนี้ แต่ถ้าเราไม่ได้ใช้งานในส่วน bandwidth ตรงนี้ก็ใช้สายที่เป็น HDMI 2.0 ได้
แต่ว่าจากการทดลองใช้งานต่อในตอนแรกนั้น ผมกลับพบว่า HDMI ที่ผมใช้เป็น HDMI Input นั้นเป็นสายจีนราคาถูก และรองรับ HDMI 2.0 นั้นภาพไม่ออกครับ ทำยังไงก็ไม่ออก มันเหมือนไม่ handshake กัน (ซึ่งสายจีนเส้นนี้ผมใช้กับ pre ตัวอื่นได้ปกติ) จนไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยลองเปลี่ยนสาย HDMI Input เส้นนี้มาเป็น HDMI เส้นใหม่ที่รองรับ 2.1 ภาพถึงจะมา
ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นกับ HDMI 2.0 ทุกเส้นหรือเปล่านะครับ แต่ note ไว้ว่า เครื่องนี้ควรใช้สาย HDMI ที่เป็น HDMI 2.1 certified
Lyngdorf Note บอกไว้แบบนี้ในคู่มือครับ
--------------------------------------------
HDMI 2.1 has a higher bandwidth and requires HDMI 2.1 8K compliant cables.
Please check that the cable is HDMI certified with a “HDMI 2.1 Ultra High Speed“
label. Using optical HDMI cables will require using an USB connection for power
supply, as the HDMI connector provides max. 5V/50mA. Please check that the
--------------------------------------------
ในส่วนของระบบปรับเสียงนั้น Lyngdorf ให้ระบบที่เป็นของตัวเอง พัฒนาเองที่ชื่อว่า RoomPerfect ไม่ใช้ third party ใดๆ ซึ่งจากการลองใช้งาน RoomPerfect นี้ผมพบว่ามันเป็น tool ที่ฉลาดและดีในระดับใช้งานได้ ถ้าให้เทียบ tier ผมว่ามันทำงานดีกว่า ARC ของ Anthem และอยู่ในระดับเดียวกับ Diraclive แต่ความต่างก็คือ algorithm ในการคำนวณและปรับกราฟที่เป็น default ของ Lyngdorf นั้นถูกออกแบบมาให้ output เมื่อเกลี่ย EQ แล้วกราฟมันจะเรียบกริป และให้สไตล์เสียงไปทางโทน flat ฟังนุ่มๆ ไดนามิคไม่ได้กระโฉกโฮกฮากหรือดุดันแบบที่สายดูหนังแนว american style ชอบครับ แต่จะเป็นแบบ flat ที่เสียงจะผู้ดีหน่อย ซึ่งตรงนี้เราสามารถแก้ให้มันมีบุคลิคตามที่เราชอบได้ เพียงแต่ถ้าใช้แบบ auto แล้วให้มันทำให้หมด โดยไม่แก้อะไรเลย เสียงมันจะออกมาแนวนี้ ซึ่งผมฟังจากผู้ใช้งานจริงหลายคนหลังจากเซ็ทอัพโดยใช้ roomperfect แล้วก็เลือกที่จะปิด roomperfect profile แล้วไปใช้ preset อื่นหรือ manual set ให้เสียงออกมาตามแนวที่ชอบของแต่ละคนครับ
-----------------------------------

ระบบที่ผมใช้ทดสอบจะเป็น Procella และ power amp Emotiva มาใช้ร่วมกับ Lyngdorf MP-60 ซึ่งหลังจากลอง setup เสียงให้อยู่ในมาตรฐานที่ผมชอบแล้ว ทดสอบฟังเสียงที่ได้จากภาพยนตร์ และเพลงต่างๆ (เพลงใช้ source youtube)
จากที่ผมลองฟังมา Pre ตัวนี้มีบุคลิคจากที่ผมคาดไว้ตอนก่อนที่จะลองพอสมควร เพราะเดเิมทีผมคิดว่า Lyngdorf ทุกตัวเสียงจะ flat นิ่มๆ นุ่มๆ ไดนามิคน้อยๆ แต่จากการที่ได้ทดลองฟังเต็มๆแล้ว ผมพบว่า Lyngdorf เสียงไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่ auto room correction ของมัน หรือ roomperfect ต่างหากที่มีบุคลิคแบบนั้น
ซึ่งหากเราปรับเซ็ท Lyngdorf อย่างเหมาะสมแล้ว แนวเสียงของมันจะเป็นแนวเน้นขุดรายละเอียด เสียงเล็กๆๆๆๆน้อยๆๆๆ ในหนัง ถูกขุดออกมาแบบพรั่งพรู เช่น ฉากนึงใน The Greatest Showman ที่พระเอก กับนางเอกร้องเพลงด้วยกัน แล้วเล่นไอ้ห่วงๆ อะไรสักอย่างที่มันโหนไปมา ฉากนี้เราจะได้ยินรายละเอียดเหมือนที่เราได้ยินเดิมๆ แต่พ่วงมาด้วยเสียงกุ๊กๆกิ๊กๆของไอ้ห่วงเนี่ยมันโดนตัวพระเอกนางเอก ที่เดิมๆเราอาจจะไม่ค่อยสังเกต หรือเสียงมันกลืนไปกับบรรยากาศ แต่ไอ้เจ้า Lyngdorf นี้มันขุดออกมาให้ได้ยินชัดๆๆๆ ซึ่งก็น่าจะถูกใจสายเน้นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆมากๆเลยครับ
ในส่วนของความถี่ต่ำ ผมพบว่า ความถี่ต่ำของ Lyngdorf มันมาแบบกระชับ และผู้ดีมาก เสียงเบสแบบมีรายละเอียดเป็นยังไง ก็น่าจะต้องได้สัมผัสสักครั้งกับตัวนี้ครับ แม้ไดนามิคหรือแรงปะทะ อาจจะไม่ได้จัดเป็นจุดเด่น แต่พวกรายละเอียดของความถี่ต่ำ การเก็บตัวเร็วๆ คมๆ สะอาดๆๆ คลีนๆๆ แบบนี้คือบุคลิคของ pre ตัวนี้ครับ
พอพูดถึงปรีในระดับราคาไม่เกิน 4-5 แสนที่มีบุคลิคเน้นรายละเอียดแบบนี้แล้ว ก็ทำให้ผมคิดถึง pre อยู่สองตัวนั้้นคือ Acurus และ Anthem avm90
ซึ่ง Acurus นั้นเป็นปรีอีกตัวที่ขุดรายละเอียดออกมาได้ดีและเยอะ แต่แนวเสียงความถี่ต่ำของ Acurus แบบเดิมๆเลย มันจะมาแนว deep เบสแผ่ๆ เบสลึกๆมาเน้นปริมาณ คนละแนวกับ Lyngdorf ที่จะสะอาด และเก็บตัวว่องไว และฟังแล้วสะอาดหูมาก
ในขณะเดียวกัน pre อีกตัวที่รายละเอียดเทพไม่แพ้กันในงบประมาณช่วงนี้ นั่นคือ Anthem AVM90 ที่สายรายละเอียดน่าจะชอบแน่ๆๆ ก็ให้บุคลคิเบสไปอีกทาง แตกต่างจาก Lyngdorf
ดังนั้นแนวเสียงของ Lyngdorf MP-60 2.1 นี้จึงเป็น pre อีกตัวนึงที่ผมเดาว่า คนที่เล่น 2 ch สายเพลง สายฟังคอนเสิรต์ที่ชอบเสียงสะอาดๆๆ ชอบรายละเอียด ชอบเบสดีๆ คมๆ ไม่ตึงตังหรือ deep แผ่ๆ เน้นโครมคราม น่าจะต้องหาลองฟังและจัดอยู่ใน list ที่ต้องมีไว้ในครอบครองครับ
ส่วนตัวผมชอบในความสะอาดของเสียง รายละเอียดที่ขุดขึ้นมาได้เยอะ แต่น่าฟัง ไม่ได้คมจนขึ้นขอบ หรือจะดจ้าน แต่เสียงมีความเป็นผู้ดี สะอาดสะอ้าน ฟังแล้วสบายหู ซึ่งผมว่า pre-processor แนวนี้น่าจะฟังพวกเพลง หรือคอนเสริต์ ภาพยนตร์เพลงได้ดีมากๆด้วยเช่นกัน
ในส่วนของการทำงานต่างๆของ pre การ switch hdmi การ boot การเข้าเมนูต่างๆ ผมถือว่าทำออกมาได้ดี ใช้ง่าย บู๊ทไม่ได้เร็วนัก แต่ก็ไม่ได้ช้าจนน่าเกลียด การสวิทซ์ hdmi ต่างๆทำได้ค่อนข้างไว การเข้าถึงเมนูต่างๆรวดเร็วดี
อาจจะมีบั๊กเล็กๆน้อยๆๆบ้างที่ผมเจอ เช่นต่อกับ source ที่เป็น computer ไว้ แล้วเครื่อง computer มัน sleep ไป พอผมปลุกมันกลับมา ปรากฏว่าหน้าจอที่เป็น hdmi main output ภาพจะเละ ต้องถอดสาย hdmi ที่ฝั่ง computer ออกและเสียบใหม่ถึงหาย
หรือในกรณีที่เราต่อ hdmi out ไว้ทั้งสองช่อง (ช่องนึงผมต่อ projector อีกช่องผมต่อ TV) แล้วผมปิด TV ไป ถอดปลั๊ก ตัวภาพในส่วนของ projector ที่เป็น hdmi ทีเหลือ ภาพก็ดับไปด้วยแปปนึง และต้องรอสักพัก 4-5 วินาที มันถึงจะมีภาพกลับมา ซึ่งจริงๆ การถอด HDMI out 2 มันไม่น่าจะเกี่ยวกับระบบภาพของ HDMI out 1
----------------------------------------------------

Lyngdorf MP-60 2.1 เหมาะกับใคร
ตอบตรงๆผมคิดว่าน่าจะเป็นคนที่ชอบแนวเสียงสไตล์ 2 ch อยู่แล้ว และขยับมาอยากจะดูหนังผ่านระบบ multich และชอบในสไตล์เสียงของ Lyngdorf เป็นทุนเดิม ชอบเสียงสะอาดๆๆ รายละเอียดเยอะๆๆๆ เสียงฟังผู้ดี ไม่เน้นโครมคราม หรือไดนามิคที่จัดจ้านจนเกินไป และส่วนใหญ่ต้องเงินถึง เพราะราคาค่าตัวมันสูงเกือบจะไปชนตัวท๊อปอีกสองค่ายแล้ว และส่วนใหญ่ผมว่าน่าจะเป็นลูกค้าที่เป็นแฟน Lyngdorf หรือลูกค้าที่ทำห้อง หรือซื้อทั้งระบบ แบบ turnkey หรือเป็น project ที่จับ matching มาลงทั้ง system มากกว่าการที่ลูกค้าเดินมาจิ้ม เลือก Lyngdorf MP-60 เอาไปเล่นเองโดดๆ เพียงตัวเดียว เพราะส่วนตัวผมคิดว่า ลูกค้าที่จะเลือก Lyngdorf มาใช้ในระบบดูหนัง น่าจะต้องเป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านอะไรมาหลายอย่างในชีวิตจนตกตระกอนเป็นคนที่มีแนวคิดหรือจุดเด่นในการเลือกของต่างๆมาครอบครอง โดยเฉพาะการเน้นความเข้ากันได้ของบ้านกับลำโพง และ visual ต่างๆของเครื่องที่จะต้องมีความ premium ความเป็น Hi-end มากกว่าเน้นเรื่องความคุ้มค่าหรือราคาครับ






