Klipsch RP-1200SW

การจะนิยามว่าซับตัวไหน เสียงดี เสียงไม่ดี ตัวไหนเร็ว ตัวไหนลึก เราควรจะต้องมี benchmark ที่เข้าใจตรงกันก่อน เพราะรสนิยมในการฟังของเรานั้นย่อมต่างกัน บางคนชอบลึกๆช้าๆ บางคนชอบคมๆเร็วๆ ดังนั้นรีวิวนี้จะมีการอ้างอิงชื่อ subwoofer ตัวอื่นเพื่อให้เข้าใจ แต่จะไม่ตัดสินว่าตัวไหนดี ตัวไหนไม่ดี ตัวไหนเหมาะกับใครนะครับ
เป็นที่ทราบกันดีว่า Klipsch ออก subwoofer ที่เน้นทำตลาดในช่วง entry level มาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แต่วันนี้ klipsch กระเถิบตัวเองมาเน้นจับกลุ่มตลาด mid-end อีกกลุ่มนึง นั่นเพราะว่า การ re-design subwoofer ใหม่ ให้มีสเปกที่ดีกว่าเดิมแบบก้าวกระโดดในรุ่น 10,12 นิ้ว เรียกว่าจากเดิมลงลึกได้ 24-25Hz ให้กลายมาเป็น 17-19Hz ในขณะที่ยังใช้แอมป์กำลังขับไม่มากกว่าเดิมนัก นี่ก็ surprise มากแล้ว
และยังไม่รวมถึง spl ที่ให้กำลังเสียงที่มากระดับ 120 dB ในตัวรุ่นเริ่มต้น นี่ต้องบอกว่าเป็นสเปกที่ดีจนไม่มีอะไรจะติแล้วกับราคาค่าตัว 39,900
ในราคาซับย่านนี้ จะหาสเปกแบบนี้ ผมมั่นใจว่าคุณไม่มีวันหาได้อีก
แล้วเสียงเป็นอย่างไรละ ต้องเรียนตรงๆว่า klipsch ไม่เคยทำ subwoofer เสียงเบาๆ นุ่มๆเบสน้อยๆ klipsch นั้นออกแบบแต่ซับที่เน้นในการดูหนัง เบสบึ้มๆ หนักๆ แรงๆ เบสเปิดเผยตัวตน เพราะเหล่าผู้ผลิตเครื่องเสียง ล้วนก็ต้องการผลิตเครื่องเสียงที่เสียงดีกันทั้งนั้น แต่เสียงดีของแต่ละแบรนด์ และผู้คิดค้นนั้นก็ต่างกัน บางแบรนด์บอกว่าซับต้องลึกๆสิถึงดี บางแบรนด์บอก ต้องเร็วสิถึงได้รายละเอียด บางแบรนด์บอก เบสอวบๆหนาๆนุ่มๆนี่ละดี บางแบรนด์บอก เอาเบาๆนุ่มๆเบสน้อยๆสิดี มันจะฟังเพลงดี
แต่สำหรับ klipsch ผู้เชื่อมั่นในแนวเสียงที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาหลายสิบปีในการทำซับวูฟเฟอร์ของเขาคืออะไร
แนวทาง klipsch way คือ เบสหนักๆ เยอะๆ เร่งนิดเดียวเต็มห้อง เบสไม่ได้เร็วจี้เหมือน procella แต่ก็ไม่ได้ช้า และให้เบสลูกอวบๆหนาๆ มีแรงปะทะหนักๆ ทุกลูกเด่นออกมา ปะทะคนฟัง แสดงตัวตน
และนี่คือคุณลักษณะของซับดูหนังที่แตกต่างจากซับฟังเพลงคือ
ถ้าถามว่าเสียงมันเหมือนซับตัวไหน ผมต้องบอกว่าเสียงมันเหมือน svs pb3000,4000 ในขณะที่ราคา klipsch นั้นต่ำกว่า 1-2 เท่า ซึ่งก็แลกมากับ xlr, app blutooth ที่ klipsch ไม่ได้ให้มา แต่ในเรื่องความหนักหน่วงนั้นต้องบอกว่า มันไม่ได้แพ้กันเลย
ตัวตู้มีการ re-design ใหม่หมดจรด ผลพวงจากการเปลี่ยนตู้ทำให้เบวลงได้ลึกกว่าเดิมมากๆ นั่นคือ 19Hz ในรุ่นเริ่มต้นอย่าง rp-1000 แต่แลกมากับตัวตู้ที่ลึกกว่าเดิมมาก
การดูหนัง

---------------------------------------
system ที่ใช้ทดสอบ
Storm ISP24
Storm PA8 Ultra
Emotiva XPA7
Emotiva XPA6
Klipsch RP-1200SW
Epson LS12000
Klipsch THX Ultra II
MiniDSP XLR
Clef Puresine 1200
---------------------------------------
เราลองนำ rp-1200 ไปต่อในระบบดูหนัง โดยเริ่มแรกก็เปิดซับตัวอื่นคลอไปด้วยเพื่อดูว่ามันทำงานร่วมกับซับที่เร็วกว่ามันไหวไหม และจนในที่สุดเราก็ปิดซับตัวอื่นและเปิดแต่ RP-1200SW ตัวเดียว ในห้องขนาด 5x7 ตรม
ซึ่งเราพบว่ามันเอาอยู่และทำงานได้ดีมากๆในแง่ของการดูภาพยนตร์ โดยที่เราไม่ต้องเร่งจนเกิน 50% ด้วยซ้ำ
คือปริมาณเบสมันเยอะจริงๆ หนักจริงๆ
แนวเสียงของ klipsch คือเบสที่อวบ อ้วน และไม่เร็วมากนัก แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ช้าจนย้วย เรียกว่าอยู่ตรงกลางๆของซับวูฟเฟอร์ที่เร็วๆมากๆ กับซับวูฟเฟอร์ที่ช้ามากๆ แต่จุดเด่นของ subwoofer Klipsch ก็คือพลังเบสที่หนักหน่วงดีจริงๆ แรงกระแทก แรงปะทะ ไดนามิคที่โหดและเอาอยู่กับห้องขนาดกว้างๆ ได้แบบพอเพียง มัน fill ความถี่ต่ำเต็มห้อง ไม่ได้ลากจนย้วย แต่ก็ไม่ได้เร็วจนห้วน เบส klipsch เป็นแบบนี้มาตลอด และไม่เตยเปลี่ยน
klipsch ไม่เคยทำเบสเบาๆ klipsch ไม่เคยทำเบสคมจนขาด deep และ klipsch ก็ไม่เคยทำเบสลึกจนย้วยฟังทุกอย่างแล้วสโลโมชั่นไปหมด
จุดเด่นของ subwoofer klipsch ตัวใหม่นอกจากความลึก ความไวขึ้นกว่าเดิม spl ที่สูงกว่าเดิม ก็คือเรื่องไดนามิคความโครมครามที่น่าจะถูกใจคอหนังแอคชั่นสไตล์อเมริกันอย่างแน่นอนครับ ถ้าปรับดีๆ ผมเชื่อว่า ลูกไดนามิค ลูกกระแทกหนักๆนั้นมาให้ชื่นใจ กระแทกจนจุกอกได้แน่นอน และพลังของมันนั้นมีมาให้เยอะกว่ารุ่นเดิม ซึ่งการจะทำให้ซับมันลึกขึ้น เร็วขึ้น หนักขึ้น ไดนามิคสูงขึ้น ตอบสนองความถี่ได้ราบเรียบขึ้น และดังขึ้นในขณะที่ราคายังไม่ห่างจากเดิม และยังใช้แอมป์ใกล้ๆเดิมนั้นมันยากมากนะครับ บางครั้งต้อง re-design ใหม่หมด และราคาสูงขึ้นมาก ถ้าใครงงว่าทำไมราคาสูงขึ้นผมแนะนำให้ดูสเปกมันครับว่ามันทำงานดีขึ้นหมดจริงๆในทุกๆย่าน
และมีการนำไป benchmark กับซับดังแดนอเมริกาด้วย

จุดเด่นและแนวของ Klipsch ที่มีมาตลอดก็คือ ความโดดเด่น แสดงตัวตนของเบส เบสของวัยรุ่น เบสของคนรักการดูหนัง เบสของคนอเมริกันที่ชอบเบสโจ๊ะๆ หนักๆ ถ้าเป็นบนเวทีแสดง ซับตัวนี้จะออกมาเสนอหน้าตลอดให้คุณรู้ เบสมันเด่นและขึ้นมาเป็นตัวเอก ไม่ได้หลบอยู่หลังฉากเหมือนซับฟังเพลงที่เร่งสุดแล้วก็ยังไม่รู้ว่าเปิดอยู่ไหม ดังนั้นคุณลักษณะนี้จึงเหมาะกับคนที่เป็น bassaholic ที่ชอบเบสในการดูหนังที่หนักๆ เสนอตัว โดดเด่น
แต่กลับกันเมื่อมันมาอยู่ในระบบฟังเพลง มันอาจจะมีจุดด้อยที่เราไม่สามารถเร่งเยอะๆได้ เพราะผมลองเอาไปต่อกับซิสเต็ม 2 ch แล้วพบว่าเร่งแค่ 20-30% นั้นก็เพียงพอและมากพอแล้ว หากเร่งมากกว่านี้ เบสมันจะเด่นเกินย่านกลางแหลมออกมาทำให้มันฟังแล้วรู้สึกว่าโทนัลบาล้านของดนตรีมันไปโฟกัสที่ย่านความถี่ต่ำและกลบรายละเอียดย่านอื่นเสียหมด
ซึ่งไม่ได้แปลว่ามันไม่ดีนะครับ แต่มันเหมาะกับเพลงในบางแนว เช่น hiphop , r&b, EDM, Electronic, Rock, Metal หรือเพลงที่มันมีบีทของ electronic พวกเครื่องดนตรี synthesizer พวกนี้ถึงจะฟังดีครับ อิ่มแน่น เบสหนึบหนับๆๆ กำลังดี ไม่เร็วจี๊ แต่ไม่ช้ายาน แบบนี้เหมาะมากครับ แต่ถ้าเพลงที่เน้นเบสน้อยๆ ไม่ต้องการเบส หรือเบสคมๆ แบบนี้ klipsch มันให้เบสเด่นและเกินหน้าย่านอืนครับ
แต่เมื่อพิจารณาแนวเพลงของคนไทยที่เราชอบๆกันเช่น jazz , vocal ที่บางทีบันทึกมาเบามากๆ เบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่พอมาเจอเบสที่หนักและเด่นแบบนี้ ความถี่ต่ำของ klipsch หากไม่ปรับให้พอดีกับเพลง มันก็จะเด่นล้ำนำหน้า หรือเสนอหน้าเกินย่านอื่นๆออกมาจนเสียความเป็นดนตรีได้
------------------------------------------
System ที่ใช้ทดสอบ 2 ch
Esoteric N-05XD
Esoteric S-05
Moon 350P neo
Primare NP5
Klipschorn AK6
------------------------------------------
แต่สิ่งที่ชดเชยมาก็คือการดูหนังที่ผมลองเปิดตัวเดียวคุมทั้งห้องขนาด 5*7 แล้ว ต้องเรียนจริงๆว่าเป็นซับในราคา 3-4 หมื่นที่ให้ความคุ้มค่าเรื่องการดูหนังได้ดีที่สุดแล้วในย่านนี้ คุณอาจจะหาซับดีๆกว่านี้ได้แน่นนอ แต่อาจจะต้องจ่ายมากกว่านี้สองสามเท่า
คุณอาจจะหาซับที่ลงลึก นุ่มลึกได้มากกว่านี้ได้แน่ครับ แต่มันจะย้วยและช้าลากซิสเต็มคุณช้าไปหมด
คุณอาจจะหาซับที่เร็วและคม เก็บตัวดีกว่านี้ได้แน่นอนครับ แต่มันจะห้วนและแห้งแล้ง และขาดความ deep และเผลอๆพอ deep มากๆมันก็จะพล่อก
สิ่งที่แตกต่างอีกอย่างนึงของ Subwoofer รุ่นใหม่ของ klipsch นอกจากปริมาตรตู้แล้ว ก็คือขอบยาง หากใครสังเกตจะพบว่า ขอบยางมีการเปลี่ยนใหม่ เป็นขอบแข๊งกว่าเดิมมาก ซึ่งปกติแล้วขอบยางก็มีผลกับเสียงมากอยู่
หากเราอยากได้เสียงลึกๆ นุ่มลึก deep มากๆ เราจะสังเกตว่าขอบจะหนาๆ ใหญ๋ๆ ขอบเป็นโดนัทนุ่มๆ มันจะ deep มาก deep จนย้วยเลย จนบางค่ายแก้เกมด้วยการใช้วัสดุเป็นโฟมมาช่วยให้มันไวขึ้น แต่มันก็ยังช้าอยู่ดี
แต่หากเราสังเกตว่าซับที่เร็วๆคมๆ เก็บตัวไวๆ นั้น ขอบยางมันจะเล็ก บางไม่หนานัก เผลอๆเป็นขอบผ้าแบบชุบน้ำยาแข๊งๆ แบบนี้จะเร็วมากๆ เก็บตัวดี แต่แลกมากับช่วงลึกที่สู้แบบแรกไม่ได้

คราวนี้ Klipsch ใส่ขอบยางแบบแข๊งหน่อยมา ทำให้ปรับปรุงเรื่องการเก็บตัวให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่าง spl ขึ้นมาพอสมควร ซึ่งมันไม่ได้เร็วจี้ สปีดติดจรวจแบบ procella หรอกนะครับ เบสมันยังมีเนื้อ มีปริมาตร มีความอวบ อ้วนตามสไตล์ klipsch อยู่ แต่มันคมและเร็วกว่าเดิม เก็บตัวดีกว่าเดิม ในขณะที่ลงได้ลึกขึ้น หากเราปรับ volume ให้เหมาะสม เราจะพบว่าเบสมันทำงานได้ดี คม และฟังดี แต่ถ้าเราเร่งมันเกินไป เบสมันอาจจะแสดงตัวกลบย่านอื่น และอวบและกวนย่านๆอื่นเกินได้
ด้วยคุณลักษณะที่พลังมันเยอะมาก สิ่งที่อยากจะเตือนก่อนจะตัดสินใจซื้อก็คือ พิจารณาห้องคุณก่อนว่า ขนาดเท่าไร่ และเอาตัวไหนไป มันจะไม่ล้นและเกินพอดี ผมต้องบอกว่า rp-1200sw สำหรับห้องขนาด 5*7 แบบผมที่มี charactor ย่่านความถี่ต่ำโด่ง แค่ตัวเดียวหรือสองตัวก็เกินจะพอแล้วครับ ถ้าเป็น rp-1400 หรือ rp-1600 อาจจะเกินความจำเป็นไปหน่อยก็ได้ เพราะถ้ามันล้น การที่เราเสียเงินซื้อซับแพงๆไปมันก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์และเปลืองเงินครับ

ข้อดี
1. สเปกดีมาก เมื่อเทียบกับราคาจำหน่าย ลงลึก คมขึ้น ดังขึ้น ไดนามิคดีขึ้น แต่แลกมากับขนาดตู้ที่ลึกกว่าเดิม
2. รอบนี้ klipsch ปรับปรุงบอร์ดแอมป์ด้านหลังมาใหม่ ผมทดลองเปิดแช่ 2 วัน เอามือไปจับ ไม่ร้อนเหมือนเดิม และคาดว่าน่าจะทนทานกว่าเดิม เพราะที่อเมริกามีการเพิ่มสารันตีเป็น 5 ปีเรียบร้อยแล้ว แต่ต่างประเทศนั้นขึ้นอยู่่กับนโยบายแต่ละประเทศครับ
3. spl สูงมากๆเมื่อเทียบกับขนาดดอก ให้พละกำลังสูง ไดนามิคดี เบสโครมครามถึงใจสำหรับคนรักการดูหนัง ฟิลห้องใหญ่ๆได้ดี แต่ไม่ใช่ซับที่เหมาะกับคนชอบแนวซึมลึก ช้าๆ เบาๆ ทำงานเบื้องหลังให้ blend ไปกับย่านอื่น แบบนี้จะเป็นซับแนวฟังเพลงที่มีบุคลิคตรงกันข้ามคือเบา แรงน้อย ไดนามิค และ spl ต่ำ แต่ฟังเพลงได้ดี เพราะเบสไม่แสดงตัวตนออกมาล้ำในย่านอื่นๆ จึงทำให้เหมาะในการฟังเพลง (ก็คือเบสน้อย)
ข้อเสีย
1. ไม่มี xlr ดังนั้นการจัดวางจึงจำกัดไม่สามรถลากไปไกลๆได้ ด้วยข้อจำกัดของสาย rca ที่ไม่ควรยาวเกิน 8-10 ม แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้สาย xlr และใช้ adaptor แปลง xlr to rca แทนได้
2. ไม่มี app bluetooth ทำให้ไม่สามารถปรับซับได้จากโทรศัพท์เหมือนคู่แข่ง
3. ไม่มีสี hi-gloss ให้เลือก ทำให้ขาดความหรูหรา แต่ดีไซน์ใหม่ของ klipsch ต้องชื่นชมนิดนึงว่า เขาออกแบบมาเป็นแบบโค้งมนแล้วซึ่งดีและลดปัญหาจากรุ่นก่อนที่เป็นขอบเหลี่ยมที่มันมักจะเจอปัญหาผิวไม้ลอกตามขอบได้เยอะครับ
4. ตัวตู้มีขนาดใหญ่และหนักกว่าเดิมค่อนข้างมาก ตัว rp-1000 นั้นพอยกไหว แต่ rp-1200 นั้นไม่สามารถยกคนเดียวได้แล้วครับ ด้วยปริมาตรตู้ที่ใหญ่และน้ำหนัก 30 กิโลนิดๆทำให้เรายกลำบากและกางมือนกคนเดัยวไม่ถนัดแล้วครับ (ยกได้นะแต่อันตราย)
Klipsch RP-1200SW เหมาะกับนักเล่นในระดับ entry - mid end ที่ต้องการซับแบบคุ้มตัง ซับดูหนังที่หนักหน่วง ดุดัน เบสเยอะ มีมวลมาก ไม่ช้าและไม่เร็วไป และนำไปใช้ในระบบดูหนัง มันจะโดดเด่นและคุ้มค่าคุ้มราคาขนิดที่หาซับตัวใดมาแข่งกับมันได้ยาก แต่ถ้าโจทย์คุณคืออยากได้ซับสวยๆ เบสเบาๆ ทำงานซึมๆคลอเป็นบรรยากาศเบื้องหลังในระบบ 2 ch ไม่แสดงตัวตนของเบส แนะนำว่าอย่าซื้อครับ เพราะเบสแบบ klipsch ถ้าคุณปิด คุณจะรู้ทันทีว่ามันขาดเบส และรู้สึกว่าขาดอะไรไป และเบสมันจะเป็นตัวชูโรงในระบบของคุณ ไม่ได้ไปแอบทำงานเบาๆในหลังม่านอย่างแน่นอน