Kef R3 Meta

Kef R3 Meta เป็นลำโพงในตระกูล R Series ที่เพิ่มเติมแผ่นซับเสียงที่เป็นเขาวงกตที่ย่านแหลมของตัวตู้ ทำให้ได้ชื่อว่าเป็น R3 Meta
ซึ่ง รีวิวนี้ผมใช้เวลาไม่นานในการนั่งฟังและตกผนึกกับมัน นั่นเพราะตัวเดโมที่ผมได้รับมานั้นผ่านการเบิร์นมามากพอแล้ว และผมเคยเล่นลำโพง series มาก่อน (สมัยที่เป็น R ที่ไม่ใช่ Meta) ทำให้รู้แนวเสียง บุคลิค นิสัยและจุดดีจุดด้อยกันมาพอสมควร (เหมือนเจอแฟนเก่าที่เลิกรากันไปนานแล้ว)
ที่เหลือแค่ประกอบขาตั้ง กับนั่งเซ็ทให้เสียงอยู่ในจุดที่ดีที่สุดในห้อง ซึ่งแต่พอได้เริ่มลงตัวแล้วจากที่ผมได้ฟัง R Series มาก่อน ก็ต้องบอกว่า เสียงนั้นแทบจะเหมือนกับตัว R3 ปกติแทบทุกอย่าง
ตัวตู้ที่เราได้มาเป็นสีขาวไฮกลอส ที่แม้ผมจะไม่ชอบสีขาวเป็นการส่วนตัว แต่ก็ต้องยอมรับว่า สีขาวของ Kef นั้นสวยมากจริงๆ แม้ถ่ายรูปออกมาจะดูเรียบๆ แต่ตัวจริงสวยมาก และที่สำคัญนี้เป็นสีเดียวที่ทำเป็นไฮกลอสแล้วเห็นรอยยาก ดูใหม่ สะอาดอยู่เสมอ เพราะฝุ่นจับก็มองไม่เห็น และตัวตู้ก็เป็นรอยมือยาก เพราะมันกลืนไปกับสี ซึ่งต่างจากสีดำไฮกลอสที่ดูแลรักษายากกว่า
ตัวลำโพงออกแบบเป็นลำโพงสามทางแยก midrange, tweeter, woofer แต่ละย่าน
ลำโพงขับง่ายพอสมควร ผมเคยออกงานที่โรงแรมสักแห่ง (จำชื่อไม่ได้) ตอนนั้นจับกับแอมป์หลอด cary, line magnetic จำได้ว่ากำลังขับนิดเดียวแต่ขับเสียงได้น่าฟังและไม่มีอาการอั้น และเบสก็ให้เนื้อหนังกระชับดีในระดับฟังได้เลย (ซึ่งเบสก็จะสู้ใช้แอมป์ solid ไมไ่ด้ ตามธรรมชาติของแอมป์หลอดที่ damping ต่ำ)
แนวเสียง
แนวเสียงของ R Series เด่นที่ย่านกลางแหลมเป็นพิเศษ ให้เสียงที่ชัด clear กลางต่ำหนาและมีเนื้อมีหนัง full body ดี เรียกว่าแทบจะให้ tonal balance ดีครบถ้วน เบสชัดเจน ชัด มีเนื้อหนังเก็บตัวแบบลำโพงสมัยใหม่ที่ใช้ฟังเพลงทั่วๆไปได้ดี โดยเฉพาะเพลงเร็วๆ ที่มีรายละเอียดเยอะๆ ลำโพงจะตอบสนองได้ดีเป็นพิเศษ
แต่ข้อสังเกตสำหรับคนที่เลือกลำโพงรุ่นนี้มาใช้ ต้องบอกว่า ปริมาณเบสเขาไม่น้อยเลยนะครับ ดังนั้นอย่าเพิ่งไปทุ่มเงินเพื่อซื้อรุ่นใหญ่สุดมาก่อนที่จะสำรวจขนาดและสภาพห้องของเรา
แนะนำว่าให้เลือกรุ่นที่เหมาะกับขนาดห้องจะให้เสียงดีที่สุด เช่นห้องทั่วๆไปที่ไม่ได้มีย่าน bass บู๊ทหรือเป็นหลุมอะไรพิเศษ (ก็ห้องทั่วๆไปนั่นแหละ) r3 นี้ใช้ได้ตั้งแต่ห้องเล็กไปจนห้อง 30 ตรมได้สบายๆในระบบฟังเพลง 2 ch เลยนะครับ แต่ถ้าห้องใหญ่หรือใช้ในระบบ HT ก็อาจจะเลือกขยับรุ่นตามความเหมาะสมไปใช้ R5, R7, R11 ได้ตามอัธยาศัย แต่เสียงทั้งหมดทุกรุ่นนั้นผมค่อนข้างฟังแล้วให้เสียงเหมือนกัน ต่างกันที่ย่าน low เท่านั้น
ดังนั้นเลือกให้เข้ากับขนาดห้องจะได้เสียงที่ดีที่สุดครับ

จุดที่ผมชอบ
1. ส่วนตัวผมชอบกลางแหลมของลำโพง ที่ในย่านลำโพงราคาราวๆแสน - สองแสน ตัวนี้ให้เสียงกลางแหลมที่ดีและเหมาะสมกับราคา ถ้าจะให้พริ้วเนียนและดีกว่านี้ผมเชื่อว่าต้องเพิ่มเงินไปใน tier ลำโพงที่เกินราคา 2 แสนไปอีกครับ แต่แค่นี้ผมว่าดีมากแล้วสำหรับ music lover และใช้เป็นลำโพงที่ใช้ยาวๆได้เลย
2. ลำโพง R Series ผมว่าเป็นลำโพงที่เบสดี มีเนื้อ แต่เก็บตัวดี เล่นกับเพลงได้หลากหลายแนวดีครับ ลำโพงที่เด่นย่านกลางหรือเสียงร้องส่วนใหญ่จะตกม้าตายตรงเพลงเร็ว เพลงที่ซับซ้อนมากๆ ไดนามิคสูงๆ เพลงร๊อค เพลงอิเลคทรอนิกส์ต่างๆนี่จะฟังไม่ดีเท่า vocal แต่สำหรับ R Series ผมว่านี่เป็นลำโพตัวนึงที่ฟังเพลงแนวเร็วๆที่มีเบส มีจังหวะได้ดีเยี่ยม timing ดี เป๋ะ เบสไม่กวนไปโน๊ตถัดไป และเบสไม่รบกวนย่านอื่น ถ้าคุณเซ็ทอัพมันลงตัวและดีพอแล้ว มันเป็นหนึ่งในลำโพงที่ฟังดนตรีโหดๆที่ผมชอบ อย่าง Electronic พวก House, EDM, ได้ดีมากที่สุดตัวนึงเท่าที่เคยฟังมากครับ

ข้อสังเกต
1. กริลหน้ากากของเขา เมื่อใช้ในเมืองร้อนชื้นเช่นบ้านเรา ให้ระมัดระวังเมื่อติดตั้งลำโพงในห้องที่ร้อนจัดๆ เช่น ห้องนอนชั้นสอง ห้องใต้หลังคาที่กลางวันไม่ได้ใช้งาน หรือไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ (คือใช้งานฟังกลางคืน ก่อนนอน) เพราะเมื่อโดนความร้อนจัดนานๆ กริลสามารถบิดงอได้ครับ ซึ่งสามารถบิดให้คืนรูปได้ในระดับนึง
2. การเลือกขาตั้งมาใช้งานนั้นมีผลต่อระดับเสียงพอสมควรเลยทีเดียว แนะนำว่า ถ้าใครจะเล่นรุ่นนี้เพราะห้อง fit พอดีกับลำโพงไซส์นี้ ให้กัดหันอีกนิดครับ ยอมจ่ายๆ ซื้อขาตั้งของมันมาด้วย เพราะมันให้เสียงที่ดีที่สุดเท่าที่เขาออกแบบและความสูงมันพอเหมาะที่จะใช้งานได้จริงๆ คือนอกจากสวยแล้วยังเสียงดีด้วย
และในแง่ของการนำไปใช้เป็นลำโพง HT นั้นต้องบอกว่าเยี่ยมยอด (ในแบบของลำโพง Home Audio) เพราะเสียงกลางชัด คม มีพลัง และความถี่ต่ำที่ดี เรียกว่า tonal balance ดีพอที่จะดูหนังได้สนุก ไม่กัดหู เบสหนัก มีเนื้อ แหลมชัด เป็นลำโพงอีกตัวที่ทำได้ดีทั้งในแง่ของการฟังเพลง 2 ch แบบจริงจัง หรือจะใช้เป็นลำโพงในระบบ Multi CH ครับ ซึ่งส่วนใหญ่ที่เจอมาถ้าฟัง 2 ch ดีมาก มักจะดูหนังแล้วป๋อแป๋ไปนิด แต่ถ้าดูหนังดี เวลานำไปฟัง 2 ch มักจะให้ย่านบางย่านที่ฟังแล้วกัดหูหรือมีสากเสี้ยนไปบ้าง

สรุป
Kef R Series เป็นลำโพงธรรมดาทั่วไปๆที่เหมาะกับคนธรรมดาที่รักในเสียงดนตรี ให้เสียงที่คุ้มราคาค่าตัว ผมมั่นใจว่าเสียงสู้กับแบรนด์อื่นในระดับราคาเดียวกันนี้ได้แบบไม่แพ้อย่างแน่นอน ยิ่งโดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนฟังเพลงทั่วไป เพลงร้องบ้าง เพลงป๊อปบ้าง บางทีก็ฟังเพลงเต้นรำ หรือเพลงมีจังหวะ มันแทบจะตอบสนองได้ดีเกือบทุกแนวในระดับที่ไม่มีแนวเพลงใดเป็นจุดอ่อน (แต่ส่วนตัวผมแนวชอบ EDM ที่ได้จากลำโพงรุ่นนี้เป็นพิเศษ เบสดี กลางชัด เบสหนึบหนับนิดๆ มีน้ำหนัก ไม่ห้วนน้อยไป และไม่ทุ้มหนาหนัก ทิ้งตัวลงพื้น จนดึงให้สปีดช้า
และทิ้งท้ายว่า การจะหาลำโพงที่ฟังเพลง vocal ดี หวาน ลื่นไหล ชวนฝันนั้น อาจจะหาได้ยากนัก ยิ่งโดยเฉพาะในบ้านเรา และมีมากมายหลากหลายให้เลือก เพราะปลายทางของ audiophile ส่วนใหญ่ล้วนมุ่งมาทางนี้ แต่การจะหาลำโพงที่ฟังเพลงดีกับหลายๆแนวเพลง และโดยเฉพาะเพลงเร็วอลัเพลงที่มีความซับซ้อน ไดนามิคสูง ต้องการความเร็วในการถ่ายทอด ที่มักจะเป็นจุดอ่อนของลำโพงในแนวแรกนั้น หาไม่ได้ง่ายนะครับในตลาดลำโพงแนวนี้ (ตัวไหนที่ฟังแนวนี้ดี ผมซื้อเก็บไว้ฟังเองเกือบหมดครับ ถ้ามันมีขายในไทยนะ)
ส่วนตัวผมเคยเล่น Kef R Series และ Reference 3 มาเมื่อ 3-4 ปีก่อน ยังจำเสียงมันได้ดี ยิ่งเอารุ่นใหม่กลับมาเปิดอีกที ความสนุกของลำโพง บรรยากาศเดิมๆของ kef r ที่เป็นลำโพงที่ฟังสนุก ไม่น่าเบื่อ ฟังได้หลากหลาย เข้ากับแอมป์ง่าย ไม่กินวัตต์มาก ก็ยิ่งทำให้การ review นี้เพลิดเพลินและมีความสุขมากครับ
ปล. ห้องผมสามารถเล่นได้แค่ R3 และ R5 meta ครับ เพราะสภาพห้องแม้จะะมีพื้นที่ แต่ด้วยอคูสติกห้องนั้นย่านเบสบุู๊ทพอสมควร ทำให้รุ่นที่ฟังดีและปรับจูนแลวเบสไม่ล้นคือสองรุ่นนี้ ถ้ารุ่นใหญ่กว่านี้ห้องผมเบสจะเกินแล้ว ดังนั้นการเลือกให้ดูสภาพห้อง อคูสติก ขนาดคู่กันไปด้วยครับ จะได้เสียงดีและไม่จ่ายแพง





