Zidoo Neo Alpha - การใช้งาน Analog Dac Ess9038 pro ในตัวเครื่องฉบับละเอียด
หลังจากที่ช่วงเดือนที่ผ่านมามัวแต่ง่วนๆอยู่กับการลอง Dac / Streamer 2 ch จนไม่มีเวลาอัพเดทและทำอะไรอย่างอื่น จนหลงลืมไปว่า เจ้า Zidoo Neo Alpha นั้นมันรองรับ Spotify connect, Tidal connect, Roon Ready ด้วย และมันใช้ Dac ESS9038 pro ตัวท๊อปรุ่นดังเหมือน streamer ที่กำลังร้อนแรงอยู่ในบ้านเราตอนนี้ และเราก็ไม่เคยใช้งาน DAC ในตัวมันผ่าน XLR output เลย สาเหตุเพราะมันเป็นเครื่องที่ใช้อ่านไฟล์ดูหนัง คุณภาพเรื่องการดูหนังนั้นเราคงรู้กันอยู่แล้วน่ะ ว่ามันแซงหน้าพวก bluray ตัวแรงๆที่นิยมในอดีตไปแล้ว แต่ในเรื่องการฟังเพลงด้วย XLR Analog output นั้นเราก็คิดว่ามันเป็นของแถม คุณภาพน่าจะไม่ได้เรื่องหรือแค่พอฟังได้
ก็แน่นอนว่ามันเป็นของ HT และมันคงไปสู้ Dac streamer 2 ch ไมได้อยู่แล้ว ล้านเปอร์เซ็น
แต่มีของอยู่แล้ว ทำไมเราจะไม่ลองดูก่อน? เผื่อใครอยากได้เครื่องที่เป็น Universal และใช้ทั้งดูหนังและฟังเพลงโดยไม่ซีเรียสคุณภาพการฟังเพลงมากนักไว้เอาไปตัดสินใจในการซื้อหา (ซื้อร้านไหนก็ได้) แต่ถ้าซื้อร้านไหนกวนปรึกษาร้านนั้นนะ อย่าซื้อร้านนึงแต่มีงานฟรีให้อีกร้านนึงทำและ support ฮาาา
----------------------------------------------

ลองต่อใช้งาน
หลังจากทดสอบ โดยการนำสาย XLR เสียบเข้าที่ช่อง XLR Output และก็เสียบสายแลน (เลือกใช้สายแลนดีกว่า wifi แม้ว่าตัวเครื่อง neo alpha จะใช้ wifi ได้ แต่เพื่อคุณภาพเสียง แนะนำว่า lan เท่านั้นนะครับ)
และไปเสียบกับ power amp (2 ch) ก็เป็นอันใช้ได้
แต่ช้าก่อน มันยังใช้ไมไ่ด้ มันยังมีขั้นตอนที่ต้องไป config ในตัวเครื่องอยู่อีกนิดนึงนั่นก็คือ
1. ต้องไปตั้งค่าให้ใช้งาน DAC ของเครื่องให้ทำงาน เพราะปกติถ้าเครื่องทำงาน Digital output อยู่ ช่อง Analog (rca / xlr) จะถูกปิด แต่ถ้าเราไปเปิด analog ช่อง digital จะถูกปิด (hdmi)
วิธีการเซ็ททำได้สองแบบคือต่อจอ แล้วไปเซ็ทในเมนู setting บนจอ
หรือถ้าใช้งานเป็น streamer 2 ch เราจะไม่มีจอ เราก็กดเข้าไปในเมนู on-screen แล้วเลือกหัวข้อ source-in แล้วเลือกหัวข้อ Dac ได้เลยครับ ตามรูป เครื่องจะมีเครื่องหมายติ๊กถูกที่คำว่า Dac จากเดิมที่มันติ๊กถูกอยู่ที่ Digital (เป็นรูป HDMI)

2. ขั้นตอนอีกขั้นตอนที่สำคัญที่สุดที่เราย้ำมากก็คือ ต้องมั่นใจว่า direct audio เป็น off ซึ่งผมคาดเดาว่ามันก็จะคล้ายๆกับการ disable volume และปล่อยเสียงออกไปเต็ม max ให้ไปควบคุม preamp ที่ปลายทาง ในกรณีที่เราต่อ xlr เข้ากับเครื่อง integrate amp นั่นละครับ
ซึ่งถ้าเราเผลอเปิดมันไว้โดยไม่รู้ แล้วปลายทางเราเป็น power amp และคุณช้า ลำโพงคุณอาจจะพังได้ครับ และหูคุณก็อาจจะพังด้วย อันนี้ย้ำมากๆ
3. volume ที่ตัวเครื่อง ปกติแกะกล่องออกมาถ้าจำไม่ผิด volume ตัวนี้ default มันจะอยู่ประมาณครึ่งนึง แต่เวลาเราดูหนังเรามักจะไปเร่งมันให้สุด max ไว้ เพราะ volume ตัวนี้มันจะไม่มีผลอะไรกับการทำงานในโหมด digital ส่งออกจาก hdmi ครับ คือเร่งยังไงก็ไม่มีผล
แต่มันจะทำงานในโหมด analog หรือโหมดที่ใช้ dac ในตัวเครื่อง และถ้าคุณเผลอปล่อยไว้ max และต่อกับ power amp และเปิดเพลงโดยไม่ไปลดมันก่อน ก็อาจจะทำให้ลำโพงพังได้ โดยเฉพาะลำโพงเก่าที่ขอบเริ่มเสื่อมหรือแข๊งแล้ว พอเจอ volume ระดับนี้ขอบก็อาจจะแตกได้ และอาจหนักไปถึง tweeter เสียหายได้ในกรณีที่เป็น tweeter soft dome ที่ไม่ได้ทนกับ spl สูงๆครับ
----------------------------------------------

ลองฟัง (ตัวอย่าง clip ลองกดฟังใน comment)
อันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมลองใช้งานโหมด analog หรือใช้ dac ของ Zidoo Neo Alpha ก็ว่าได้ เพราะปกติใช้งานเล่นไฟล์หนังในโหมด digital มาตลอด หลังจากตั้งค่าเสร็จ พร้อมใช้งาน ผมก็เปิด Tidal app แล้วกด connect เข้าไปที่เครื่องได้เลย ไม่ต้องลงแอปอะไรที่เครื่อง จริงๆสามารถใช้ Roon ก็ได้นะ
แล้วก็นั่งกุมรีโมทเผื่อว่ามีอะไรผิดพลาด และเตรียมปิดเครื่อง เพราะการต่อ streamer ที่คุม volume ได้หลายจุด ผมเตือนเสมอว่ามันอันตราย (มากก) และพยายามให้ มัน stay low เสมอในการใช้งานครั้งแรก
ผมลองเปิดเพลงใน volume เบาๆให้พอมีเสียงออก จนมั่นใจว่ามาถูกทางแล้ว จึงค่อยเร่ง volume ขึ้น ในระดับใช้งานได้
และก็เปิดไว้สักพักให้เข้าที่เข้าทาง ลองฟังเสียงในช่วงแรก จับได้ว่า โทนัลบาลน้ามาค่อนข้างดี คือเป็นกลาง ไม่หนักเบส ไม่ warm เกิน และไม่บางจนบาดหูขึ้นขอบ
และในจุดนี้เราจะทิ้งไว้สักพัก และไปดูการเซ็ทอัพของตัว zidoo เพราะในเมนู setup มันจะสามารถ set ตัว DAC ESS9038 pro ได้นะครับ มันมีอะไรบ้างไปดูกัน
- PCM Sound Effect หรือก็เป็น Filter เสียงนั่นละครับ ซึ่งก็จะมีผลกับการ เสียงในด้านความเนียน และช่วยเรื่องความเป็น analog ได้บ้าง เช่นหากเราเลือกเป็น linear slow rolloff ก็จะให้ความเป็นธรรมชาติมากหน่อย หัวและขอบจะมนนวลขึ้น แต่ถ้าเลือกเป็น minimum fast rolloff ก็จะเหมาะกับเพลงที่เร็ว มีจังหวะ และมีความเป็นดีจิตอลหน่อยอย่างเพียงที่มีบีท electronic ก็จะฟังคึกคักและฟังดีกว่า
- DSD Sound Effect ตัวนี้จะใช้และมีผลกับ DSD ( Direct Stream Digital) ซึ่งจะสามารถตั้ง hi-pass ได้
- Volume Control Step ในข้อนี้จะตั้งความละเอียดของ volume knob, volume remote control ได้ว่าจะเอาให้ละเอียดแค่ไหน กดหนึ่งทีไปกี่ volume ซึ่ง default จะอยู่ที่ 1 ครับ แต่ตั้งเพิ่มลดได้ตามชอบ
- XLR Polarity ข้อนี้จะสามารถตั้งมาตรฐานของ XLR ได้ว่าจะใช้แบบ Japan/Europe หรือ USA ขึ้นอยู่กับ power , int amp ปลายทางของเราว่าเป็นแบบไหน
----------------------------------------------

ผมทดลองต่อใช้งานสองรูปแบบก็คือ Tidal Connect และ Roon Ready โดยใช้ Zidoo Neo Alpha เป็น End point ตรงๆไม่ผ่าน Chromcast, Airplay , Bluetooth ใดๆ (ตัว RoonReady ฟังดีกว่า Tidal ตรงๆมาก)
การใช้งานที่หน้าจอของเครื่องก็จะแสดงปกอัลบั้มของนักดนตรีตามปกติ
เรื่องคุณภาพเสียงนั้นขอเรียนดังนี้
1. โทนัลบาล้านเสียงของเพลงที่เล่นจากเครื่องจะค่อนข้างใกล้เคียงกับความเป็นจริง ออกโทนนิ่งๆ สะอาดๆ สงบๆ ฟังสบายๆ จุดที่น่าชมเชยคือเรื่อง noise นั้นทำได้ดีมาก (ดีแปลว่าไม่มี) และคุณภาพเสียงดีกว่าใช้ HDMI และส่งไป decode ที่ DAC ของ AVR, Pre-Pro ค่อนข้างมาก เพราะส่วนใหญ่ prepro แม้จะดีแค่ไหนก็มักจะใช้งานในเรื่องการฟังเพลงไม่ค่อยดี ซึ่งที่ลองฟังนั้นมาในแนวกลางๆ ไม่ warm จนอวบ และมีรายละเอียดพอประมาณ ไม่ forward จนรุกเร้าขึ้นขอบ แต่ให้โทนไปทางฟังสบายๆ สำหรับความถี่ต่ำสำหรับห้องนี้ยังมีปริมาณเบสที่เยอะกว่าปกตินิดนึงในบางเพลง แต่ก็ยังฟังแล้วพอรับได้ ถ้าเป็นห้องอื่นผมคาดเดาว่าน่าจะดีกว่านี้ด้วย (จากที่ลองผมว่ามันฟังดีในเพลงพวก vocal มากๆๆๆ แต่พอเพลงมีจังหวะผมว่ามันอาจจะไม่ค่อย lively เพราะติดแฟลทไปนิดนึง แต่บางคนก็อาจจะชอบแบบนี้ก็ได้นะ)
2. คุณภาพเสียง ความละเอียด ในการฟังเพลงนั้นอยู่ในระดับที่ดีและเหมาะสมกับราคาเครื่องในช่วง 9 หมื่นกว่าบาท โดยเฉพาะรายละเอียดที่ค่อนข้างไปทางที่ดี ชัดแต่ไม่ digital เกินไป ให้ความชัดไม่ขึ้นขอบและแข๊งเมื่อต่อกับชุด 2 ch หางเสียงกลางแหลมมีพอประมาณไม่ได้ทอดยาวจนสุดลูกหูลูกตา แต่ฟังสบายและกำลังดี ฟังเพลินๆ เคลิ้มๆ หลับตา ก็ถือว่าใช้ได้ในระดับราคานี้ครับ
แต่ก็ไม่ถึงขนาดให้ประสบการณ์ในการฟังเพลงที่สุดยอด และความเป็นดนตรีสูงลิบเมื่อเทียบกับ Dac / Streamer 2 ch แท้ๆในราคาสูงกว่าครับ โดยเฉพาะความเป็น analog , airry, transparent ของเพลง คงไม่ได้ให้อารมณ์ได้ถึงระดับนั้น (มันฟังดีกับพวกเพลง vocal ที่ไม่เร็วมาก แต่พอเร็วและมีจังหวะ tonal balance ผมว่ามัน warm ไปนิด)
แต่อย่างน้อยเมื่อเทียบกับ nad c658 ที่เคยใช้มาร่วมเกือบสองปี ผมก็ว่ามันดีกว่าตัวนั้น ในขณะที่ราคานั้นก็ไม่ทิ้งกันมาก แต่ตัว Neo Alpha นั้นใช้งานเป็น media player ดูหนังได้ดีมาก ในขณะที่การฟังเพลงนั้นดีกว่าในแง่โทนัลบาล้านของเสียงทีดีกว่า รายละเอียดดีกว่า และการถอดรหัสที่ไม่มี noise เมื่อเร่ง volume สูงๆ
3. ความถี่ต่ำที่ได้นั้นมาแบบพอดีๆ ไม่เยอะ ไม่น้อย กำลังดี แต่แนวจะเป็นนุ่มลึก ลูกโตๆสักหน่อย ลงพื้นสักนิด ซึ่งจะเหมาะกับเพลงแนวช้า vocal มากกว่า และในบางเพลงก็จะรู้สึกว่าปริมาณเยอะไปนิด ซึ่งส่วนตัวผมว่ามันไม่ค่อยเหมาะกับเพลงเร็วเท่าไร่ (คหสต) ซึ่งเบสเกินนี้ เบสไม่พอดีเป็นอะไรทีแก้ไขได้ยาก แต่ถ้าเบสขาด เบสน้อยนี่แก้ง่ายกว่ามากครับ
เนื้อเสียงกลางมีความใหญ่โตและพอเหมาะ ไม่ warm ไม่อวบหนาเกินจริงจนฟังแล้วทึบ และไม่บาง lean จนฟังแล้วรำคาญและขึ้นขอบ
----------------------------------------------

สรุป
เรียกว่าอีกนิดก็เกือบจะดีแล้ว คุณภาพเสียงอยู่ในระดับดี รายละเอียดใช้ได้ ฟังดีในระดับซิสเต็มกลางๆ ฟังแบบไม่จับผิด ถ้าคุณไม่ไปเทียบกับ Dac / Streamer 2 ch แท้ๆมันดีเลยทีเดียว กับราคานี้ และจะดีมากและเหมาะกับระบบ 2 ch ที่ไม่ได้ใหญ่มาก อาจจะลำโพง และแอมป์ไม่เกิน 1-2 แสนน่าจะฟังได้ดี
แต่ถ้าชุดใหญ่กว่านี้คุณจะเริ่มฟังออกแล้วว่ามันยังไม่ใช้ตัวจบ และมันยังให้อารมณ์สู้ Dac / Streamer 2 ch แท้ๆไม่ได้นะ แต่ในระดับราคานี้เมื่อเทียบ Dac / Streamer 2 ch ในช่วงราคาไม่เกินแสน ผมว่ามันทำได้ดีเหมาะสมกับราคาและของ 2 ch แท้ๆก็อาจแพ้ได้
ข้อติข้อนึงก็คือเบสนั้นผมว่าเกินและอุ่นไปนิดหน่อย
----------------------------------------------

ข้อเสีย
ใช้งานมันเป็น streamer และส่งสัญญาณ digital out ผ่าน coax ไป DAC ดีๆไม่ได้นะครับ เพราะมันไม่มี Digital out มีแต่ Digital in มันสามารถส่ง Digital out ได้แค่ช่องทางเดียวนั่นคือ HDMI Out ซึ่งมันไม่ใช่ transport format สำหรับ 2 ch ที่จะรองรับได้นั่นเอง ก็แปลว่าถ้าจะฟังเพลง มันบังคับคุณใช้ DAC ของมัน อัพเกรดไม่ได้ครับ ซึ่งถ้ามันมี coax out ให้เมื่อไร่ เราอาจเอามันไปเป็น streamer แล้วต่อกับ preamp, DAC ดีๆได้เลยครับ เพราะตัว Neo Alpha มันรองรับ Streamer Service ครบในแบบที่ Streamer ดังๆที่นิยมกันอยู่ตอนนี้ยังมีไม่ครบแบบนี้ด้วยซ้ำ (Tidal connect, Spotify connect, Roon Ready)
ข้อดี
คุณภาพเสียงถือว่ารายละเอียดดีพอสมควร ฟังง่าย โทนัลบาล้านติดไปทาง flat สงบไม่รุกเร้า ฟังสบาย ไม่ warm ไม่ lean รายละเอียดดีในระดับ Dac ไม่เกินแสน แต่ดีตรงโชว์ปก และหน้าจอ touch screen และใช้รีโมทคุม gui บนหน้าจอได้เลย การใช้งานลื่นไหล ไม่ buggy
ส่วนความถี่ต่ำนั้นอยู่ในระดับแค่พอใช้ได้ และเป็นเบสแบบช้าๆมากกว่า younger people
----------------------------------------------

สุดท้าย ดีไหม น่าซื้อไหม
- ถ้าคุณหา media player ดูหนังที่เสียงดีที่สุดตัวนึงในตลาด ต้องตอบว่า ซื้อเลยคุ้มแน่ เสียงไม่แพ้ bluray player ตัวท็อปๆ และ media player ตัวใดๆ และยังลื่นสมูธ อ่าน Hard disk ได้ดีไม่มีปัญหาเหมือนค่ายอื่นๆ แม้ Hard disk จะเป็นแค่ Hard disk ธรรมดาๆแบบ external ทั่วไปที่เครื่องแพงๆบางตัวยังอ่านไม่ได้ก็มี
- และถ้าจะซื้อมาดูหนังและฟังเพลงบ้าง โดยใช้ DAC และ analog ของเครื่องแบบไม่จริงจัง แต่ต้องการฟังชั่นครบๆไม่ซีเรียสกับ sound quality ของเพลงที่ต้องดีมากนัก ผมว่าก็ยังคุ้มค่าอยู่ดี เพราะในแง่การใช้งานดูหนังมันตอบโจทย์ได้ครบแล้ว แต่ในแง่การฟังเพลงอาจจะเป็นของแถมที่ได้ฟรีมา และทำได้ในระดับ on par ตามมาตรฐานเครื่องฟังเพลงไม่เกินแสนครับ
- แต่ถ้าโจทย์คุณคือจะหา Streamer ชั้นดีไปจับกับลำโพงแพงระยับ ฟังเพลงแบบสุดยอด ที่ฟังดี ให้ความเป็น Analog สูง ให้ความเป็น Musical ให้ Airry เสียงลมหายใจ รูปวงใหญ่โต และให้ sense ความเป็น Hi-end แท้ๆแบบ 2 ch
ผมแนะนำว่า "อย่าซื้อ"
เพราะนี่ไม่ใช่เครื่องที่ผลิตขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์นั้นครับ
ปล ถ้าถามผมว่า ให้ผมซื้อ Streamer / Dac เสียงแนวนี้แยกต่างหากเพื่อฟัง 2 ch เพียงอย่างเดียว ผมจะซื้อไหม ต้องเรียนตรงๆว่าผมคงไม่ซื้อ สาเหตุก็คือ ผมชอบเสียงที่ detail และชัดเน้นรายละเอียดกว่านี้ และไม่ชอบลักษณะเบสแนวนี้
แต่ถ้าถามใหม่ว่า ถ้ามันมาแถมอยู่ในเครื่อง Media Player ดูหนังที่เสียงดีอันดับต้นๆของโลกแล้วผมอาจต้องจ่ายเงินเพิ่มบ้าง เพื่อได้ฟีเจอร์ฟังเพลงตัวนี้ อันนี้ผมยินดีเลยครับ เพราะเสียงมันไม่ขี้เหร่เลยแม้แต่น้อย และน่าจะฟังดีมากๆกับซืสเต็ม 2 แชนแนลระดับกลางๆได้เลยทีเดียว
---------------------------------------------------

หมายเหตุ
ช่วงที่ผ่านมาได้ลองทดสอบ Dac / Streamer / Preamp หลายตัวเหมือนกัน แน่นอนว่าไม่ครบหรอกครับ ทั้งที่เขาให้ความอนุเคราะห์ และซื้อเอง ซึ่งส่วนตัวเท่าที่ลองนั้นในงบ 1 แสนกลางๆไม่เกินสองแสนนั้นรู้สึกประทับใจกับ primare pre35 มาก ในด้านน้ำเสียงที่ให้ความอนาล๊อคและ tonal balance ที่ดีเยี่ยม (ที่รู้ว่าเสียงมันควรเป็นแบบนี้เพราะเทียบกับตัวอื่นที่แพงกว่า)
ส่วนถ้าเกินจากนี้ไปก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าชอบ Esoteric N05-XD ก็แน่นอนว่าราคามันต่างกันเยอะมาก ตัวหลังย่อมดีกว่ามากทั้งในด้านแอปและความครบในการใช้งาน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ
ส่วนตัวอื่นๆที่ลองก็มีทั้งชอบบ้างและไม่ชอบบ้าง ตัวที่ไม่ชอบก็คงไม่นำมาพูดให้โดนเขาด่า เพราะ matching และอคูสติก นั้นต่างกัน บางทีกับชุดนึงอาจจะดีมาก แต่กับอีกบางชุดก็อาจจะแย่มากก็ได้ ของเขาย่อมทำมาดี ที่เหลือก็แค่แมทชิ่งกับความชอบและระบบของเราครับ