เครื่องเล่น Media Player ในซีรี่ย์ Neo ที่ถือเป็น Flagship ของค่าย Zidoo
ปัจจุบัน Neo Series มีเครื่องด้วยกัน 3 รุ่นด้วยกันคือ Neo S, Neo X, Neo Alpha
ซึ่งปัจจุบันเหลือเครื่องอยู่สองรุ่นคือ Neo S และ Neo Alpha (Neo X ยกเลิกสายการผลิตไปแล้ว)
Spec ของตัวเครื่องใช้ DAC ESS9038 Pro , Audio Processor XMOS XU216
ตัวถังอลูมิเนียมทั้งตัวแต่แตกต่างจากรุ่นอื่นในซีรี่ย์ Neo ตรงที่ตัวถังเป็นสีดำ และทำรูปทรงเป็นแนวนอนเต็มความยาว
ในรุ่นนี้สามารถใส่ Hard Disk External ได้ 4่ ช่อง โดยสามารถเสียบอุปกรณ์อย่างอื่นแทนได้เช่น Keyboard, Mouse Wireless
และใส่ Hard Disk Internal แบบ 2.5" หรือ 3.5" ได้ทั้งคู่ วิธีการใส่จะต้องใช้ไขควงและน๊อตที่แถมให้ในกล่องยึดตัว Hard Disk กับถาดด้วย ถ้าวาง Hard Disk ไปบนถาดตรงๆอาจจะไม่สามารถอ่านได้ (ตำแหน่งยึดของ Hard Disk ทั้งสองขนาดจะยึดน๊อตสองตัว แต่คนละตำแหน่งกัน สามารถดูได้จากคู่มือที่แถมมาในกล่อง)
ในส่วนของ HDMI มีการแยกภาพและเสียง สองช่อง และสามารถ Config ได้ว่าจะให้ทั้งสองช่องปล่อยภาพหรือเสียงอย่างไร โดยเลือกได้สามรูปแบบในเมนู Setting

ตัวเครื่องออกแบบมาเป็นสีดำ แม้จะเป็นตัวถังอลูมิเนียม แต่ก็ให้อารมณ์ที่ดุดันและแตกต่างจากตัวเครื่องสีเงินที่เราๆคุ้นเคยมาตลอดกับ Neo Series
ที่ด้านหน้านั้นมี Knob ที่มีไฟใช้ควบคุม Volume โดยมีลูกเล่นที่ Knob เวลาเราบิดจะมีเสียงแก๊กๆ ทุกครั้งในแต่ละสเตป ให้อารมณ์เหมือนบิดลูกบิดนาฬิกาหรือกลไก Analog
หน้าจอบนตัวเครื่องเป็น OLED ความละเอียด HD โดยสามารถแสดงปกเพลงและรายละเอียดตอนที่เล่น Streaming Music บนหน้าจอได้โดยตรง รวมถึงสามารถส่งรายละเอียดไปออกผ่านสาย HDMI ได้ด้วย
แต่ในขณะที่รับชมภาพยนตร์หรืออ่านไฟล์หนังนั้น ตัวหน้าจอตอนที่ใช้งานนั้นจะมีการ Dim หน้าจอทำให้ไม่สามารถใช้งาน Touch Screen ผ่านจอได้ (เพื่อไม่ให้ไฟจากหน้าจอ OLED รบกวนสายตา)
แต่เมื่อปิดหนังลงเราจะสามารถเอามือไปแตะหน้าจอและใช้งาน Touch Screen ได้ตามปกติ
ในส่วนของด้านหลังมีทั้งช่องต่อ Digital อย่าง HDMI ที่ไม่ได้ใช้ DAC ในตัวเครื่อง และช่องต่อ Analog อย่าง RCA, XLR ที่ใช้ DAC ในการประมวลผลสำหรับฟังเพลง ซึ่งการใช้งานเราจะต้องเลือกใช้อย่างใดอย่างนึง เช่นถ้าเราต่อด้วยสาย HDMI ก็จะเป็นการเล่นแบบ Digital และปิด DAC แต่ยังสามารถทั้งดูหนังและฟังเพลงไม่ว่าจะเป็น Tidal, Spotify, Roon Ready ได้ตามปกติ เพียงแต่เสียงและภาพจะส่งออกไปผ่านทางสาย HDMI และไปประมวลผลผ่าน DAC ของอุปกรณ์ภายนอกเช่น Pre-Processor / AVR แทน

ในส่วนของฟังชั่น Streaming Service ในฝั่ง Audio จัดเต็มมาให้เกือบจะครบหมดแล้ว ยกเว้นอย่างเดียวคือ Qobuz แต่ฟังชั่นอื่นๆนั้นมาครบหมดไม่ว่าจะเป็น Spotify Connect, Tidal Connect, Roon Ready สามารถใช้งานได้ทันทีไม่ต้องตั้งค่าหรือลงแอปอะไรเพิ่มเติมอีกแล้วบนตัวเครื่อง
และในตัวเครื่อง Neo Alpha ให้หน่วยความจำแบบ M.2 Sata มาด้วยขนาด 512 Gb สามารถเอาไว้เก็บข้อมูลปกหนัง รูป เพลงหรือ Application ต่างๆ ซึ่งการทำงาน อ่านและเขียนจะเร็วกว่าหน่วยความจำแบบปกติหลายเท่า (สามารถอัพเกรดเพิ่มเป็น 1 TB ได้)
ตัวสถาปัตยกรรมและโครงสร้างภายในของ Neo Alpha นั้นเคลมไว้ว่าใช้อุปกรณ์ภายในที่ดีที่สุดกว่ารุ่น Neo S, Neo X ขึ้นไปอีก ซึ่งจะส่งผลมาถึงคุณภาพของภาพและเสียงที่เราได้รับชม ซึ่งหลังจากเราลองต่อและทดสอบแล้วดังนี้ (ต่อแบบ HDMI Main ผ่านทั้งภาพและเสียงเข้า Pre-Processor)

อุปกรณ์
- Storm ISP24 MK2
- Zidoo Neo Alpha
- Klipsch THX Ultra2
- ATI AT6003
- Emotiva XPA5 Gen3
- Emotiva XPA6 Gen3
- Aurea 18 x 2
- Presonus 18 x 2

การใช้งานตัวเครื่อง
เนื่องจากตัวเครื่องใน Series Alpha ใช้ Firmware ตัวเดียวกันทั้ง Neo S, Neo Alpha เราจึงทดลองเล่นและเปรียบเทียบกันได้ พบว่าการใช้งานใน Neo Alpha จะลื่นไหล และเร็วกว่าในระดับนึงประมาณ 10%
ซึ่งรีโมทที่ให้มาจะเป็น Bluetooth / IR Remote หากไม่เชื่อมต่อ Bluetooth ไว้จะเป็นการใช้ IR แทน แต่ตัวรีโมทที่ได้จะเป็นรุ่น V10 Mini ซึ่งตัวเวอร์ชั่นที่ได้มีขนาดเล็กและกินแบตลดน้อยลงกว่ารุ่นเดิม
ภาพ
คุณภาพของภาพที่ได้นั้นเมื่อเทียบกับหนังเรื่องเดียวกัน โดยรวมแล้ว Neo Alpha ให้คุณภาพที่ดีกว่า ในด้านของความใส และกระจ่าง รวมถึงความสว่างที่ชัด กระจ่าง และให้ความเป็นธรรมชาติมากกว่า Neo S ในระดับที่สังเกตได้

เสียง
คุณภาพเสียงของ Neo Alpha เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องบอกว่านี่เป็น Significant ที่ชัดเจนที่สุดในการลงทุนเงินลงไปในเครื่องเล่นสักเครื่องนึง เพราะสิ่งที่ได้มันคือเนื้อเสียงที่ผมเชื่อว่าหลายๆคนตามหาอยู่ และมันแตกต่างจากตัว UHD3000 มากเหลือเกิน และมันยัง Step Up จาก Neo X, Neo S ขึ้นไปในระดับที่ทิ้งไปอีกระดับนึง และเป็น Step ที่สำคัญมากของการดูหนังและฟังเพลง นั่นคือ
ความชัด ความสะอาด และไดนามิค ทั้งสามสิ่งนี้เป็นหัวใจของคุณภาพเสียงที่ใครๆค้นหาและพยายามหาอุปกรณ์มากมายมาประโคมใส่ในระบบของตัวเอง
สิ่งที่ Neo Alpha ให้แตกต่างจาก Neo รุ่นเดิมๆและฟังออกชัดเจนก็คือรายละเอียดที่มาก ความชัดเจน ความสะอาด ความสงัดของเสียงที่ดีกว่ามาก เสียงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เสียงความกระจ่าง และความ Clear ที่ทำให้เสียงพูดและ Effect ต่างๆในภาพยนตร์น่าฟังขึ้นไปอีก
ซึ่งถ้า X20 Pro นั้นให้ความใสแต่บางและขาดเนื้อหนังและขาดเบส
แต่ UHD3000 นั้นให้รายละเอียดในระดับกลางๆ แต่เบสเยอะ เบสหนัก แต่อาจจะกลบรายละเอียดไปนิดนึง ซึ่งจุดนี้อาจทำให้แฟนๆที่ต้องการรายละเอียดมากๆหนีไปเล่นค่ายอื่น
แต่ Neo S, Neo X ให้รายละเอียดที่ดีกว่าและมากขึ้นในขณะที่เบสก็กลับมาบาล้านดีขึ้น
Neo Alpha ก็คือที่สุดของ Media Player ที่ให้ทั้งสองอย่าง นั่นคือรายละเอียดดีที่สุดกว่า Neo S, Neo X ขึ้นไปอีก และให้เบสที่ดีกว่า UHD 3000 ขึ้นไปอีก เก็บตัวเร็ว สงบ โหมกระหน่ำ สะอาด ชัด คม
อีกสิ่งที่เป็นสิ่งที่ผมชอบและให้ความสำคัญในลำดับต้นๆ ในระบบดูหนังก็คือ ไดนามิค ซึ่ง Neo Alpha ให้แรงปะทะ แรงโหมจากจุดที่เงียบไปจนจุดดังสุดได้สะอาดสะอ้านและกระแทกกระทั้นรุนแรงมากกว่า Media Player ตัวไหนๆที่เคยได้ยินมาทั้งหมด เช่นฉาก Mortal Kombat ฉากสู้กันของ Scorpion กับ SubZero เสียงเรียกมีดน้ำแข๊ง เสียงอาวุธทะลุเนื้อชัดและแรงฟังแล้วสนุกถึงใจยิ่งนัก

ข้อดีของเสียงที่สะอาดทำให้เราได้รายละเอียดเพิ่มขึ้น และข้อดีของไดนามิคก็คือเราได้อรรถรสของหนัง ได้รับรู้ถึงแรงปะทะ แรงกระแทกที่เกิดขึ้น โดยปราศจากความเพี้ยน โดยไม่กวนรายละเอียดอื่นๆทำให้การฟังดนตรี และดูหนังนั้นทำได้ดีจริงๆ และฟังแล้วแตกต่างจาก Neo S, Neo X แบบไม่ต้องจับผิด
ในขณะที่การฟังเพลงผ่าน HDMI นั้นก็ได้อาณิสงค์จากตัวเครื่องมาด้วย เนื้อเสียงจากดนตรีจากการเล่น Tidal, Roon ผ่านเครื่องนั้นให้คุณภาพที่ฟังเอาจริงๆจังได้ในระดับนึงเลยหากเราใช้อุปกรณ์ลำโพงและ Power amp ที่ดีพอ
ในอดีตเครื่องเล่นที่ให้คุณภาพของภาพและเสียงดีๆ มักจะรวมอยู่ในเครื่องเล่น Bluray Player ซึ่งมักจะติดปัญหาเรื่องการเล่นไฟล์ การอ่านไฟล์หรืออ่านได้ก็ต้องใช้ความพยายาม ต้องมีทริค ต้องแปลงไฟล์ หรือหนักเข้าก็เล่นไม่ได้
แต่ปัจจุบันยุคเครื่องเล่น Bluray ใกล้ถึงจุดเสื่อมถอยลงไป แม้ว่าเครื่องเล่นที่เรายกให้เป็นอันดับหนึ่งในเรื่องเสียงอย่าง Pioneer LX800 จะยังให้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยลองฟังมาอยู่ก็ตาม แต่อายุอานามและปัญหาเรื่องการเล่นไฟล์ของ LX800 ก็ทำให้มันไม่เหมาะที่จะนำมาใช้เพื่อการนี้ ในอดีตเราพยายามหาคู่เทียบกับ LX800 มาตลอดและเราก็ต้องยอมรับว่าอาจมีเครื่องเล่นที่ทำได้ใกล้เคียงแต่ไม่อาจดีกว่าหรือเทียบเท่า
แต่ปัจจุบันผมเชื่อว่า Neo Alpha นั้นเข้าไปถึงจุดที่คุณภาพเสียงเทียบเท่า
กับ LX800 แล้ว ในขณะที่ให้ฟังชั่นในการเล่นไฟล์ที่ดีกว่ามาก โดยไม่ต้องไปเจลเบรคให้เหนื่อย
แม้สไตล์ของทั้งคู่อาจจะฟังแล้วต่างกันบ้าง แต่ผมเชื่อว่าในเรื่องของความชัด และไดนามิคของ Neo Alpha นั้นไม่แพ้แล้ว เพียงแต่มันอาจจะเป็นคนละสไตล์
ตัว LX800 อาจจะให้ความชัดแบบเนียนๆ หวานๆหู ลื่นๆ อิ่มๆนวลๆ ฟังแล้วสบาย เหมือนมีอารมณ์ของการฟัง 2 ch มาปนด้วยตลอดเวลาที่ดูหนัง เสียงพูด เสียง Dialog ใส ฟังแล้วเนียนหู
แต่ชัดของ Neo Alpha มันจะชัดแบบชัดมาก ไม่ประนีประนอม ในสไตล์ดูหนังที่ดุดันเร่าร้อน ซึ่งถ้าถามว่าชอบมั๊ย ต้องตอบว่าชอบคนละแบบ
ถ้าถามว่าชอบตัวไหน ก็ต้องตอบว่าเป็นคนละอารมณ์กัน ถ้ามีตังค์ผมเชื่อว่าเก็บไว้ทั้งคู่ดีที่สุด ตัวนึงเล่นแผ่นเพราะมันเล่นไฟล์ไม่ค่อยเวิร์ค ส่วนอีกตัวเล่นไฟล์เพราะมันเล่นไฟล์ได้เก่ง

ข้อดี
1. คุณภาพเสียง อยู่ในระดับที่ดีมาก
2. ใช้ง่าย เร็ว สะดวกที่สุดในบรรดา Media Player
3. มี HDMI แยกภาพแยกเสียง
4. งารประกอบดี
5. มีหน่วยความจำ M.2 ทำให้การอ่านเขียนไฟล์รวดเร็ว
ข้อเสีย
1. Hard Disk Internal ใช้งานยากต้องมีการขันน้อต
2. ราคาสูง
3. ไม่มี Google Play Store
4. ไม่รองรับ Movie Streaming อย่าง Netflix แต่รองรับเฉพาะ Music Streaming เช่น Spotify Connect, Tidal Connect, Roon Ready

เหมาะกับใคร
Zidoo Neo Alpha เหมาะกับผู้ที่แสวงหาความเป็นที่สุดของเครื่อง Media Player ที่ใช้ในการอ่านไฟล์ และเน้นคุณภาพเสียงและภาพสูงสุดเท่าที่จะหาได้จากการอ่านไฟล์ทั่วไปในปัจจุบัน (ไม่นับรวมระบบปิดที่ส่งหนังแบบ Digital คุณภาพบิทเรทสูงกว่าปกติแบบในต่างประเทศบางแห่ง)
สรุป อนาคตผมไม่ทราบและไม่แน่ใจว่าจะมีระบบหรือเครื่องเล่นตัวใดทำได้ดีกว่านี้ไหม
แต่ปัจจุบันผมมั่นใจว่านี่เป็นหนึ่งใน Media Player ที่ให้คุณภาพสูงสุดเท่าที่เงินจะหาซื้อได้ โดยเฉพาะในด้านของคุณภาพเสียง