พริวิวก่อนยกเข้าบ้านกับ Yamaha Aventage RX-A3050
ต้องมีเหตุผลอะไรบ้าง ที่จะทำให้คนเราเปลี่ยนใจจากสินค้าที่เราเคยรักและใช้มาตลอดชีวิต ไปใช้ยี่ห้ออื่นที่ไม่เคยคิดว่าจะใช้มาก่อน
และจะมีสักกี่เหตุผลที่ทำให้คุณอยากจะทรยศขายเจ้า AVR ตัวเก่าทิ้ง แล้วรีบบึ่งไปถอยเจ้า Yamaha 3050 ใหม่หรือเปล่า
แน่นอนครับ สารภาพกันก่อนว่าผมชอบเสียงหนาๆ เบสแน่นๆ โครมครามๆหน่อย ก็เลยมี AVR ที่ชอบให้เลือกแค่ไม่กี่ยี่ห้อ (ขอไม่ระบุชื่อยี่ห้อ เดี๋ยวหาว่าเชียร์ของ ฮาๆ)
แถมที่ผ่านมาสัมผัส AVR Yamaha ที่บ้านเพื่อนบ้าง บ้านลูกค้าบ้าง ไปส่งลำโพงแล้วติดตั้งให้ลูกค้าที่ใช้ Yamaha บ้างอะไรบ้าง ก็รู้สึกว่า อือ เสียงมันยังไม่ใช่สไตล์เรานะ ก็เลยไม่ได้ฤกษ์ถอยเจ้า Yam เข้าสิงสถิตเป็นของตัวเองที่บ้านสักที
เพราะบางทีเสียงดี รายละเอียดดีๆ โอบล้อมรอบตัวแบบสมจริงมันก็ยังไม่พอ ยังไม่ตอบโจทย์เรา บางทีเราอยากได้ทั้งรายละเอียด อยากได้ทั้งความหนักแน่น อยากได้ทั้งราคาดีๆ ไม่แพง เครื่องเดียวจบเลย(ขอมากไปปล่าวอ่ะเนี่ย)
จนเมื่อวันก่อน มีโอกาสดีที่ได้ไปทดสอบซิสเต็มของลูกค้าผมท่านนึงที่เพิ่งสั่ง RF-7 II, RC-64 II, RS-62 II ไปเมื่อเดือนก่อน กับเจ้า Yamaha 3050
จริงๆทั้งลำโพง ทั้ง AVR เรียกได้ว่าใหม่ๆสดๆร้อนๆกันทั้งหมดเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะ Yamaha 3050 นี่แกะกล่องกันสดๆร้อนๆเลยทีเดียวเชียว ซึ่งซิสเต็มนี้ประกอบไปด้วย
---------------------------------------------------------
AVR Yamaha Aventage RX-A3050
Klipsch RF-7 II Black
Klipsch RC-64 II Black
Klipsch RS-62 II
---------------------------------------------------------
ทั้งหมดเป็นระบบ 5 channel เล่นแบบไม่มีซับ ถามว่าทำไมซิสเต็มใหญ่ขนาดนี้ไม่มีซับ ตอบตรงนี้เลยครับว่า ก็เพราะลูกค้ายังไม่ได้สั่งผมครับ อ่าไม่ใช่ละ จริงๆลูกค้าเล็งไว้ว่าจะใช้ Klipsch R115SW สองตัว
แต่ติดเรื่องพื้นที่ห้อง เลยกะว่าจะย้ายห้องใหม่ให้มีพื้นที่กว้างขึ้นก่อนถึงจะใช้ซับ
ซึ่งสเปกของลำโพงทั้งสามตัวนั้น จัดได้ว่าสเปกนั้นขับง่าย แต่จริงๆแล้วไม่ได้ขับง่าย เอ๊ะยังไง คล้ายๆ จีบไม่ง่าย แต่ได้ไม่ยาก เอ้ยไม่ใช่ จริงๆก็คือลำโพงมันตัวใหญ่มากครับ ลองดูในรูปได้
สเปก Rf-7 II นี่มันรองรับกำลังขับได้ถึง 250W RMS / 1000W เลยทีเดียวเชียว
โอ้โห แล้วไอ้ 150 วัตต์ของ Yamaha 3050 มันจะเอาไหวมั๊ยเนี่ย แล้วถ้ามันขับได้เสียงมันจะป้อแป้มั๊ย แล้วก็ยังมีเซ็นเตอร์ยักษ์อย่าง RC-64 II และเซอราวด์ยักษ์อย่าง RS-62 II อีก
อู้ยย แค่คิดก็เสียวแล้วนะคร้าบบบบ
แต่มันจะขับได้ ขับไม่ได้ ขับแล้วเสียงดีไม่ดีอย่างไรนั้น เราไม่สนครับ (เพราะไม่ใช่ลำโพงเรา ฮา) จริงๆคือ ไม่ลองก็ไม่รู้ครับ ก็ลองกันเลย
เจอหน้าพี่เจ้าของห้องทีแรก พี่แกทำหน้าแปลกๆ พร้อมเปรยๆว่า มันเหมือนอั้นๆ ผมพอจะรับรู้ได้แล้วละว่าแกผิดหวังอะไรสักอย่าง แต่ผมยังไม่พูดอะไร ขอลองฟังก่อน
ก็เปิด Edge of tomorrow หนังโปรดผม ตูมๆ ตามๆๆ ฉากแรกหย่อนพระเอกลงไป รบกันนิดหน่อย
ฟังไป 5 นาที พี่เค้าก็ทนไม่ไหวเอ่ยปากขึ้นมาว่า มันป้อแป๋ๆ บางจังเลยนะ ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรก็ตอบไปว่า ก็ yamaha อะนะพี่ก็บางแบบนี้แหละ แต่ในใจนะครับตอนนั้นรู้สึกว่า มันไม่ใช่แล้ว
นี่มัน AVR Yamaha 3050 รุ่นท๊อปนะ ซีรี่ย์ Aventageนะ ราคาค่าตัว 60000 กว่าบาทนะ แถมลำโพง Rf-7 II ค่าตัวแสนกว่าบาท กับ RC-64 II ค่าตัวร่วมสี่หมื่น แถม RS-62 II
ค่าตัวอีกสี่หมื่นเซ็ทใหญ่แบบนี้ แต่เสียงยังกะลำโพงแซทเทิลไลท์ ผสมกะลำโพงตามบ้านหม้อแบบนี้ได้ไง มันต้องมีอะไร มันต้องมีอะไร มันไม่ใช่อะกิ๊ฟ
แล้วสายตาก็พลันไปเห็นไอแพดในมือพี่เค้า แกพูดไปก็หมุนปรับอะไรในไอแพดไปด้วย ก็เลยถามพี่เค้าว่า "ทำอะไรครับพี่ เล่นเกมเหรอ"
แกก็บอกเนี่ย Yamaha เค้าดีนะ มี Software ใน Appstore ให้โหลดเอามือถือ เอาไอแพดมาทำเป็นรีโมทได้ด้วย (ไม่รู้แอนดรอยได้ป่าว ใครใช้อยู่วานบอกที)
นั้นละครับผมถึงนึกได้ว่า เออ ยังไม่ได้เซ็ทอัพอะไรเลย ลองดูค่าเซ็ทอัพก่อนดีมั๊ยก่อนจะด่วนสรุปว่าไม่ชอบ
ตรงนี้บอกก่อนนะครับว่าแค่พอเซ็ทได้ ไม่ได้เซียน ไม่ได้ใช้เครื่องมือวัด เอาแบบคร่าวๆแบบฉบับ user ก็ไล่ๆดู ปรับนู้นนิดนี่หน่อย ก็ไปเจอ อ้าวเปิดซับ On ไว้ตั้งสองตัว เซ็ท Crossover คู่หน้ากะซับไว้ด้วย แต่ห้องนี้มันไม่มีซับนี่สิ
แถมเปิด Surround Back ไว้ด้วยอีกตะหาก ก็จัดการปิดๆไอ้ที่ไม่ได้ใช้ซะ ไม่งั้น AVR มันก็ตัดสัญญาณความถี่ต่ำๆที่ควรจะออกที่ลำโพงคู่หน้ากับ Center ทิ้งมาออกที่ซับซึ่งมันยังไม่มีซับ
ส่วนค่าเซ็ทอัพอื่นๆก็เอาตามยถากรรมไปก่อน เพราะยังไม่ได้เซ็ทอัพจริงจัง (จริงๆทำได้เท่านี้)
ก็เปิด Edge of Tomorrow ใหม่ คราวนี้มาแล้วครับ บรรยากาศจริงๆพี่ก็บอกเออ ดีขึ้นเยอะเลย ดูไปสักพักก็ปิดหนังแล้วสนทนากับพี่เค้าว่าเป็นไงพี่ ก็สรุปกันได้ว่า "ดี" "ใช้ได้" สิ่งที่ดีที่สุดคือ รายละเอียดดีเยี่ยม เบสกระชับหนักแน่น ได้บรรยากาศความเฟี้ยวฟ้าว สดแบบในโรงดี
แต่ไม่ได้ประทับใจแบบต้องร้องว้าวหรือติดใจอะไรมาก ถามว่าทำไม พี่เค้าบอกว่ามันยังขาดความรู้สึกแบบจุกอก ไม่ตึ๊บ ก็บอกพี่เค้าไปว่า แหมพี่คร้าบ ซิสเต็มพี่ไม่มีซับ ได้เท่านี้ก็โค-ตะ-ระดีเยี่ยมแล้ว
ซึ่งนี้เป็นความรู้สึกพี่เค้า จริงๆผมก็มีความรู้สึกส่วนตัวของผมแล้วละ เพียงแต่ลำโพงมันยังใหม่ AVR ก็ยังใหม่ ไม่พ้นเบิร์น เลยขอนั่งดูนั่งฟังเรื่องอื่นอีกสักพักก่อนค่อยสรุปอีกที
หลังจากนั้นผมก็นั่งดูหนังไปอีกหลายเรื่องตั้งแต่ Fifth Element, Men of Steel และตบท้ายด้วยหมัดเด็ด MadMax แล้วแถมด้วยเพลง Metallica วงโปรดของพี่เจ้าของบ้าน และต่อด้วยเพลงนุ่มๆอีกหลายเพลง
เพื่อทบสอบดูหลายๆแนวๆ
จริงๆผมมาสะดุดตรงหนังเรื่อง MadMax นี่ละครับ ที่รู้สึกเลยว่าแผงหน้าพี่เค้าทั้ง RF-7 II กับ RC-64 II ที่โซโล่กันแบบไม่มีซับนั้นมันหนัก ปลดปล่อยพลังความถี่ต่ำแบบแน่นๆ กระชับ สด
ถามว่าหนักแค่ไหน ก็ต้องขออนุญาติ Bentchmark เทียบกับซิสเต็มที่ผมคุ้นเคย นั่นคือซิสเต็มของผมเอง ความแน่นนั้นได้ประมาณ 60-70% กับซิสเต็มที่ผมใช้ แต่คู่หน้ากะเซ็นเตอร์ผมเล็กกว่าตัวที่พี่เค้าใช้ แต่ผมใช้ซับ Klipsch R115SW ด้วยนะ
ซิสเต็มที่ไม่มีซับแต่ได้เกือบเท่าซิสเต็มที่มีซับ ใช้แล้วพลังมันมาจากแผงหน้าดรีมทีม คู่หน้าดอกลำโพงขนาด 10 นิ้ว และเซ็นเตอร์ยักษดอก 6.5 นิ้วสี่ดอกเรียงนี่เอง ก็ต้องบอกว่าถ้าเติมซับเข้าไปนี่ไม่ต้องห่วงเลยว่าความแน่นต้องเพิ่่มขึ้นไปอีกไกลลิบ
นอกจากความแน่น ความรู้สึกของความถี่ต่ำก็ต้องมาด้วย ทั้งแรงปะทะ เบส คลื่นความถี่ต่ำ ความรู้สึกขนลุก โซฟาสั่น หมอนสั่นนั้นเมื่อมาครบๆ บรรยากาศในการดูหนังต้องดีกว่านี้แน่นอน
ตัว AVR นั้นเร่งกันไปประมาณ -15 ถึง -10 ซึ่งจริงๆก็วัดอะไรไม่ค่อยได้มากเพราะค่า level กับ distanct เรายังเซ็ทไว้แบบไม่ค่อยได้มาตรฐาน แต่ก็อนุมานได้ถือว่าเร่งไม่เยอะไม่น้อยไป (จริงๆเร่งได้จนถึง 0)
มาถึงตรงนี้ถ้าถามว่ากำลัง AVR ดีมั๊ย เอาลำโพงอยู่มั้ย วัตต์ญี่ปุ่นหลอกหรือเปล่า ถ้าฟังจากเสียงเบสนั้นต้องบอกเลยว่าเอาอยู่ในระดับดีทีเดียว เพราะเบสมันกระชับ ชัด หนัก เป็นลูก ไม่ได้ยาน เอาไม่อยู่แต่อย่างใด
แต่ถ้าถามว่าขับได้เต็มประสิทธิภาพของลำโพงหรือยัง บอกเลยว่า ยังแน่นอน น่าจะขับได้แค่ประมาณ 60-70% แต่ถ้าถามว่าแค่นี้พอมั๊ยกับการดูหนังในระดับ Home User ในบ้าน ในห้องที่มีขนาดจำกัด บอกเลยว่าเกินพอ
แล้วทีนี่มาถึงความรู้สึกส่วนตัวผมบ้าง ความรู้สึกเก่าๆที่ว่า yamaha เสียงบาง ไม่ดี เสียงไม่มัน เน้นแนวครอบครัว เสียงเฟี้ยวฟ้าว ฟังนานปวดหู มีแต่แหลม เบสไม่มี เบสฟุ้ง ไม่หนัก คนเล่น AVR แบบนี้ต้องชอบฟังเสียงใบไม้หล่น หรือฟังเสียงลมในหนังอย่างเดียว
เราจะไม่มีวันเล่นแน่นอน มันหายไปจากหัว แล้วรู้สึกว่า นี่เราเล่น AVR อะไรอยู่เนี่ย จงรีบกลับไปแพ๊ค AVR ที่บ้านแล้วขายมันทิ้งไป แล้วสั่ง Yamaha 3050 มาหนึ่งตัว แล้วก็เอาปผงหน้าดีๆแน่นๆอย่าง RF-7 II, RC-64 II มาเป็นคู่หน้า จะใช้ AVR ขับตัวเดียวหรือ จะหา PowerAmp มาเพิ่มกำลังให้สามแชนแนลหน้าก็ยิ่งดี
โดยใช้ 3050 เป็นปรี เพื่อให้ได้เสียงที่ดี มีรายละเอียดแบบ Yamaha แล้วใช้ AVR ขับเซอราวด์ไปด้วย พ่วงซับ Klipsch R115SW อีกหนึ่งตัว บวกซับเบสต้นดีๆอีกตัวหนึ่ง เอามาทำเป็น Dual Subwoofer โอ้ว "สวรรค์รำไรๆ"
สรุปคือ
การดูหนังนั้น Yamaha 3050 สำหรับผมนั้นถือว่าผ่าน ผมชอบ ผมได้เรียนรู้แนวเสียงในแบบของ Yamaha ที่เข้าใกล้ความเป็นโรงภาพยนตร์ในบ้านเข้าไปมากๆแล้ว ทั้งบรรยากาศ ทั้งเบส ทั้งความหนักแน่น ตัวนี้ซีรี่ย์นี้ทำได้ดีมากๆ
ไม่บาง และไม่หนาเกินไป ซึ่งผมก็ไม่รู้จะเอาไปเทียบกับรุ่นเก่าๆยังไงเพราะผมไม่เคยลองฟังรุ่นเก่าอย่าง 3040, 3030 ซะด้วย แต่ที่แน่ๆถามว่าชอบมั๊ยกับ 3050 บอกเลยครับว่าชอบ และจะเปลี่ยนมาใช้หนึ่งเครื่องที่บ้าน เสียงกำลังดี ดูหนังมันดีครับ
ไม่ได้บางเหมือนอย่างที่คิดนะ
ส่วนเรื่องฟังเพลงนี่ถ้าฟังร๊อคก็ต้องมีซับเติมมาช่วยจะดีมาก เสียงกลาง เสียงแหลมสดเหมาะที่จะฟังร๊อค ส่วนใครชอบเสียงร้องหนาๆ อุ่นๆ หวานๆ ตัวนี้ 3050 ไม่ใช่แนวมันเลย มันชัดเจน รายละเอียดดี ไม่หวาน ไม่หนา จะฟังเพลงหาแนวฟังเพลงมาแยกซิสเต็มเถอะครับ หรือไม่ก็ยอมรับสิ่งที่มันให้ แล้วฟังแบบไม่จับผิดแทนก็ได้
แล้วก็ตัวนี้มี Wireless, Blutooth บิ้วอินมาในเครื่องพร้อมใช้เลย รองรับ DTS:X (Ready) และ Dolby Atmos ด้วย ใครมองหาอนาคต ตัวนี้ก็ได้ทั้งปัจจุบันและอนาคตนะครับ
ตอนที่ขับรถออกจากบ้านพี่ลูกค้า ผมก็นั่งครุ่นคิดไปด้วยตลอดทางว่า บางทีเรายึดติดและอคติกับสินค้ายี่ห้อนึง หรือแบรนด์ใดแบรนด์นึงมากเกินไป จนบางทีเราปิดกั้นโอกาศตัวเองในการเรียนรู้และเปิดโลกที่จะได้เห็น ได้ฟังอะไรใหม่ๆ
บางทีการมีแนวทาง การมีสไตล์ของตัวเองที่แน่ชัดมันก็เหมือนกรอบที่เราตีไว้ให้ตัวเราเองวิ่งอยู่ในนั้น ยิ่งกรอบเราตีไว้แคบเท่าไร่ เราก็วิ่งวนอยู่ในกรงนั้นแบบไม่รู้จบไม่ได้เห็นอะไรใหม่ๆเลย
แต่ตรงกันข้ามถ้าเราไม่มีกรอบเลย หรือกรอบมันกว้างไป เราก็ตามหา เล่น ค้นหาแต่ของใหม่ๆไปเรื่อยไปไม่มีวันจบสิ้น จนไม่รู้จักคำว่าความสุขของการเสพหนัง เสพย์เพลงดีๆ เพราะมัวแต่ค้นหาและฟังเสียง "เครื่อง" อยู่ร่ำไป
แฟน Yamaha คงชอบ 3050 ตัวนี้ ส่วนใครที่ยังไม่เคยลอง อยากให้ลองดูครับ คุณอาจจะชอบเหมือนผมก็ได้นะ
สุดท้ายอยากให้ทุกท่านลองเปิดใจ หาความรู้ใหม่ๆ เทคโนโลยี่ใหม่ๆ ลองฟัง ลองดู หาประสบการณ์ให้มาก เล่นให้มาก เค้นประสิทธิภาพให้ถึงที่สุด จ่ายในแบบพอดีๆ และที่สำคัญ ตักตวงความสุขให้มากที่สุดกับซิสเต็มที่คุณมีและกำลังจะมีครับ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Spec Klipsch RF-7 II: http://www.whatthatsound.com/product/7/klipsch-rf-7-ii-black
Spec Klipsch RF-64 II: http://www.whatthatsound.com/product/22/klipsch-reference-rc-64-ii-black
Spec Klipsch RS-62 II: http://www.whatthatsound.com/product/27/klipsch-reference-rs-62-ii-clearance
หน้าที่เข้าชม | 2,191,733 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,300,570 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 31 ส.ค. 2568 |