Furutech HF-X-NCF Vs. Moshou Flat ราคาต่างกัน 5 เท่า ภาพเสียงต่างกันมากมั้ย

แน่นอนว่าเราคงไม่ได้คาดหวังว่าคุณภาพจะต้องทิ้งกัน 5 เท่า แต่เราอยากรู้ว่าของดี และของแพงจะไปได้สักแค่ไหน
วันนี้เราลองทดสอบกับการดูหนังในระบบ Home Theater 9.1.6 โดยการทดสอบจะใช้อุปกรณ์เหมือนกันหมดทุกอย่าง pre-processor , power, ลำโพงและห้องเหมือนกัน แต่เราจะไม่สลับสาย แต่ใช้วิธีใช้เครื่องเล่น 2 เครื่องทดสอบพร้อมกัน แต่คนละแชนแนล (Zidoo Neo X)
Neo X เครื่องที่ 1 : เสียบ Moshou flat. ต่อ Hdmi 1
Neo X เครื่องที่ 2 : เสียบ Furutech HF-X-NCF ต่อ Hdmi 2

เสียบสายทั้งคู่คาไว้ ใช้ซิสเต็มเดียวกัน เครื่องเล่นเดียวกัน (zidoo neox)
เวลาทดสอบก็ทดสอบจากหนังเรื่องเดียวกันแล้วใช้วิธีสลับแชนแนลจากปรี Storm isp24 mk2. โดยใช้ remote app (hdmi1 คือ neo x เสียบ moshou, hdmi2 คือ neo x เสียบ furutech) แล้วสลับฟัง ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเราเดินไปสลับสายเอง เพราะจะทำให้เรามีไบแอสและรู้ว่าตอนนี้กำลังจะใช้เส้นไหนและทำให้จิตปรุงแต่งไปเองได้
และที่สำคัญคือเราไม่ต้องลุกและสามารถสลับทดลองเปรียบเทียบได้ง่ายเพียงแค่กดปุ่มเดียว (ใช้ remote app ตามรูป) โดยคุม environment ทุกอย่างในห้องได้ทั้งหมด เหมือนกันหมดแม้กระทั่งสายไฟของ neo x (Kimber 2m)

สิ่งที่ต้องพึงระวังในการทดสอบก็คือ ไบแอสและการรับรู้ราคาความแพงของตัวผู้ฟังเองที่จิตมักจะอ่อนไหวและง่ายต่อการชักจูงให้คล้อยตามไปตามสายแพงได้ง่าย ดังนั้นในการทดสอบเราจะแกล้งลืมๆไปว่าเครื่องไหนต่อ hdmi เส้นไหนไว้ แล้วเราจะใช้วิธีการจำว่าตอนนี้เราดูจาก source hdmi1 หรือ hdmi2 และเราชอบภาพและเสียงจาก channel ไหนมากกว่ากันครับ
อุปกรณ์
- Strom isp24. Mk2
- Zidoo neo x
- Ati at6003
- Emotiva xpa 6,7


ผลการทดสอบ (ความคิดเห็นส่วนตัว)
สายต่างๆล้วนมีผลต่อเสียงไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะสาย Analog
และสาย Digital นั้นก็ส่งผลเช่นกัน อย่างน้อยก็ชัดเจนตอนที่ผมเปลี่ยนสาย hdmi ทองแดงธรรมดาเป็น silver plate เคลือบเงิน คาแรคเตอร์ของเสียงก็เปลี่ยนจริงๆในแง่ของรายละเอียดและเบสที่ลดลงแต่กระชับและคมขึ้น
จากการทดสอบดูหนังไปหลายเรื่อง และทดสอบวนไปวนมาหลายรอบ โดยส่วนใหญ่หนังที่ดูก็ประกอบด้วย Transformer, Fantastics Beast, Star is Born, Bohemian Rhapsody (2018) , Fast 9, Dune และไฟล์เทสอื่นๆอีกมากมาย ฟังอยู่หลายวันเป็นอาทิตย์ ก็เพราะว่าถ้าฟังแป๊ป 5-10 นาที มันฟังออกยาก มันต้องใช้เวลา การจะให้บอกว่าย่านไหนที่มันทำให้ฟังแตกต่างกันนั้น มันไม่เหมือนการทดสอบเครื่องพวก pre-processor, power amp หรือเครื่องเล่น หรือลำโพง ที่มันต่างกันแบบเห็นๆ ชัดๆ จะๆตั้งแต่เสียงแรก แล้วบอกได้ว่าย่านเบสตัวไหนดีกว่า ตัวไหนไดนามิคดี ตัวไหนกลางแหลม และรายละเอียดเยี่ยม ตัวไหนหนืด ตัวไหนนุ่ม แต่สายบางทีมันแตกต่างในแง่ของคาแรคเตอร์ หรือเสียงในบางย่าน ไม่ได้ต่างเยอะเหมือนอุปกรณ์หลัก บางทีเราเลือกหนังที่ไม่มีรายละเอียดตรงนั้น เราก็อาจจะฟังไม่ต่าง หรือบางทีเราเลือกฉากที่เน้นไปตรงย่านนั้นพอดีมันก็ทำให้รู้สึกว่าต่างมาก แต่พอวันรุ่งขึ้นตื่นมาฟังเรื่องอื่นเราอาจจะรู้สึกว่าไม่ต่างแล้วก็ได้ ดังนั้นการทดสอบพวกอุปกรณ์ที่มันมีผลกับระบบไม่มากอย่างเส้นสายนั้น ต้องใช้เวลาและฟังและดูให้เยอะครับถึงจะตอบได้ว่าเราชอบเส้นไหน ตัวไหน

ผมสรุปได้ว่า สิ่งที่แตกต่างกันนั้นประกอบด้วย
1. ภาพ : ตัวภาพของ Furutech จะให้สีสันที่สดและเข้มกว่าเล็กน้อย (เล็กน้อยจริงๆ) ซึ่งมันเป็นคาแรคเตอร์ของสาย แต่สายทั้งสองเส้นยังวิ่งอยู่ด้วยมาตรฐานของภาพในระดับเดียวกัน นั่นคือ hdmi 2.1 (4k 120hz, 8k 60hz) สาย furutech ไม่ได้มีอะไรที่เหนือกว่าในแง่ของสเปก แต่ในแง่ของคาแรคเตอร์ก็ต้องบอกว่ามันต่างกันในแง่ของโทนความสดของภาพจริงๆ (นิดหน่อย)

2. เสียง : ในจุดนี้ผมต้องวนสลับไปมาฟังหลายรอบ เพราะเสียงเป็นอะไรที่ไบแอสได้ง่าย และในช่วงแรกๆผมก็แยกไม่ค่อยออก ยิ่งฟังแป๊ปๆฉากสองฉากแล้วสลับไปสลับมายิ่งฟังไม่ออก เพราะปกติในหนังมันมักจะอัดเสียงมาไม่ครบทุกย่าน ในบางเรื่องบางฉาก ทำให้การเทสแรกๆนั้นสับสนมากและฟังแทบไม่ออกเลยว่าตอนนี้กรูใช้สายอะไรอยู่ว่ะ จนเมื่อได้ใช้ชีวิตและฟังอยู่กับสายใดสายนึงไปสักระยะ (2-3 วัน) ได้มีโอกาสนั่งดูหนังจบไปเรื่องเต็มๆ (Dune) และก็บรรดาไฟล์เทสอีกมากมายที่คุ้นเคย ก็เลยเริ่มจับอาการได้ว่าเสียงมันไม่เหมือนกัน
เบสของสาย furutech ให้ปริมาณและหัวเบสที่ใหญ่ และโทนเสียงกลางต่ำที่หนา อุ่นกว่าเล็กน้อย ซึ่งพอฟังไปนานๆก็พบว่า เสียงโดยรวมของสายนั้นมันน่าฟังและกลมกล่อมกว่า
ในขณะที่ Moshou นั้นให้โทนเสียงไปทางพุ่ง สด และติดไปทางคมชัดและแห้ง แข๊งกว่า รวมถึงปริมาณเบสก็ดูจะลูกเล็กไม่หนาเท่า ทำให้ภาพรวมของเสียงที่ฟังมันดูกระฉับกระเฉง คม พุ่งกว่า ไม่ได้อิ่มน้ำเหมือน Furutech ซึ่งสำหรับคนชอบอยากให้เสียงซิสเต็มมันคมๆพุ่งๆ ขออนุญาติใช้คำว่า เลือก Moshou ก็ได้ครับ มัน match กับแนวเสียงแบบนี้ แม้บางทีมันจะสดและแห้งไปสำหรับการฟังคอนเสิรต์และคนเล่น home theater ที่ชอบเสียงแบบฟังเพลงจะฟังว่าพุ่งเกินไปนิด
แต่ถ้าซิสเต็มทั่วไปที่อยากได้เสียงหนาใหญ่ อิ่ม อลังการ เบสใหญ่ เบสหนาขึ้นอีกนิด ตัว Furutech จะตอบโจทย์กว่า

แต่เสียงหลักๆไม่ว่าจะเป็นปริมาณ แรงปะทะ หรือไดนามิคผมขออนุญาติใช้คำว่า มันไม่ต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญมาก ซึ่งสิ่งที่ต่างเป็นเพียงคาแรคเตอร์ของเสียงที่ฟูรูจะติดไปทางหนากว่านิดหน่อย ถ้าถามว่ามันต่างกันเยอะมั๊ย ต้องตอบว่าไม่เยอะ
จนถ้าทำ blind test แล้วให้ฟังแป๊ปๆแค่ฉากสองฉาก ผมมั่นใจว่าผมไม่มีทางที่จะตอบถูกหมดทุกครั้งว่าตอนนี้ใช้สายอะไร การฟังต้องใช้เวลาอยู่กับมันแต่ละเส้นนานและดูหนังหลายเรื่องแล้วจึงสลับมาจึงจะแยกแยะความต่างได้ ไม่ใช่ฟังแป๊ปๆแล้วชี้ได้เลยเหมือนฟังเครื่อง ฟังแอมป์ ปรี หรือลำโพงครับ
แต่โดยรวมนั้นเสียงของ Moshou จะมีอาการพุ่ง หรือ forward และติดไปทางคม มากกว่าสาย Furutech ที่มีความกลมกล่อม และฟังแล้วรู้สึกว่ามันลื่นหู หนา เบสออกไปทางอุ่นและมีปลายนวมของเบสที่ฟังแล้วคอฟังเพลงอาจจะชอบกว่า
จริงๆแล้วสายสองเส้นนี้ให้มาตรฐานที่ผ่าน bandwidth 48 gbps ทั้งคู่ แต่แตกต่างกันในแง่ของคาแรคเตอร์ของภาพและเสียงของสาย หากจะตัดสินว่าสายเส้นไหนแย่หรือดี ผมอยากให้พิจารณาและใช้มาตรฐานของสายเส้นนั้นมาดูว่ามันรองรับได้ตามสเปกและวิ่งได้ bandwidth ตรงตามที่ระบุไว้มากกว่าครับ ส่วนคาแรคเตอร์ ความทนทาน แบรนด์ คุณภาพในระยะยาว การรับประกันนั้น ก็เลือกเอาตามที่ชอบและถูกใจกันได้เลยครับ

สรุป
โทนเสียงของสายสองเส้นนี้ใน environment ที่คุมให้เหมือนกันทั้งหมดนั้น มันต่างกันตรงความรู้สึกที่ว่าสาย Moshou มันดูแข๊งและคม ก้าวร้าว กว่าสาย Furutech ที่ดูจะฟังแล้วกลมกล่อมกว่า แต่ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้มันเป็นแบบนั้น (รู้ว่าเบส furutech มันหนากว่า)
แต่โดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบเสียงในแนว forward อยู่แล้ว เลยอาจจะทำให้รู้สึกว่าเสียง Moshou มันก็ไม่ได้แย่อะไร กลับกันมันก็เป็นสายที่ให้คาแรคเตอร์ของภาพและเสียงที่มันคุ้มสตางค์ดี หากจะใช้ในซิสเต็มตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึง mid-end ด้วยซ้ำไป
แต่สาย Furutech นั้นอาจจะให้อะไรที่มากกว่าในแง่ของงานประกอบ และ packaging รวมถึงคุณภาพโดยรวมของโทนภาพและเสียงที่ฟังออกและตาสามารถแยกแยะได้ แม้จะแตกต่างไม่ถึงกับ 5 เท่าตามราคาของสายก็เถอะ
โดยเฉพาะงานประกอบนั้นที่ทำได้แน่นหนาและดีกว่า Moshou มากกว่าเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไปเทียบกับสายกลมที่ผมมักจะไม่แนะนำให้ใครใช้เท่าไร่ เพราะหัว hdmi มันใช้วิธีเอาพลาสติกสีเงินสองชิ้นมาประกบกัน และมันหลุดง่าย ในขณะที่ตัวสายก็แข๊งมาก การดัดและเสียบกับเครื่องเล่นที่มีขนาดเล็กเช่น Nvidia , Appl TV, Dune Pro vision 4k ทำให้สายมันรั้งและดันเครื่องมากเกินไป ในขณะที่เทียบกับสายแบนของ moshou ที่สามารถดัดโค้งได้ง่าย (หากคุณดัดและเดินสายให้โค้งไปตามด้านแบนของมัน และคงไม่มีใครบ้าไปดัดหรือบิดด้านสันของสายหรอกนะ)

สรุป ถ้าถามผมแบบฟันธงว่า ความต่างของสายสองเส้นนี้ต่างกันกี่เปอร์เซ็นต์ผมคงตอบคุณไม่ได้ เพราะมันมีปัจจัยมากเหลือเกินที่จะทำให้คำตอบมันแตกต่างกันออกไป ทั้งในแง่ของซิสเต็มของแต่ละคนที่เล็กใหญ่และให้คุณภาพไม่เท่ากัน รวมถึงการแมทชิ่ง รวมถึงประสบการณ์การฟัง และดู ของแต่ละคน รวมถึงความชอบของแต่ละคน และความซีเรียสในเรื่องภาพและเสียงที่แตกต่างกัน (ผมเคยเจอลูกค้าเรียกผมกลับไปดูเครื่องเล่นตัวนึงที่เขาบอกว่า ทำไมภาพมันกระพริบ ผมก็คิดว่ามันคงกระพริบแบบภาพหายอาการเหมือนสาย hdmi รองรับแบนด์วิธไม่ไหว แต่พอเขาเปิดให้ดูผมก็มองไม่เห็น และต้องถามเขาอีกทีว่าตรงไหนกระพริบ และสรุปได้ว่า ตาเขามองเห็นสิ่งที่ผมไม่เห็น และแม้เขาจะชี้ให้ผมดู ผมก็ยังมองไม่เห็นจริงๆ ซึ่งผมไม่ได้แกล้งนะ แต่ตาผมมองไม่เห็นสิ่งที่มันกระพริบนั้นจริงๆ)
และก็มีบางเคสที่ใช้เครื่องเสียงหลักหมื่นบาท ใช้ projector หลักหมื่น แต่ต้องการรีดประสิทธิภาพของภาพให้สูงที่สุด ขนาดที่ยอมจ่าย scaler ราคาหลายแสนเครื่องเดียวสูงกว่าราคา projector + เครื่องเสียงทั้งหมดเสียอีก (เคสนี้ผมถามเขา (ในใจว่า) ทำไมพี่ไม่เปลี่ยน projector หรือไม่เปลี่ยนเป็น oled ไปเลยล่ะ

แต่ถ้าถามผมว่าสายสองเส้นนี้ต่างกันไหม ผมขออนุญาติตอบว่าต่าง
แต่จะมากน้อยก็อยู่ที่ประสบการณ์ การฟัง การชม และซิสเต็มของคุณครับ และด้วยราคาค่าตัวที่มากกว่าร่วม 5 เท่า การที่จะตอบว่าสิ่งที่ได้มันคุ้มไหมกับราคาที่จ่าย คนที่ตอบก็ต้องเป็นคุณเองนั่นแหละครับ
แต่อย่าลืมว่าเส้นสายมันคือสิ่งที่มาเติมเต็มและช่วยให้สิ่งที่อุปกรณ์หลักเรามีดีขึ้นหรือแย่ลงได้ แต่ตัวมันไม่ใช่ตัวกำหนดคุณภาพเสียงและภาพของซิสเต็ม ซิสเต็มราคา 1 แสนบาท ใช้สายราคา 1 ล้าน เสียงที่ได้ก็คือซิสเต็ม 1 แสน + ไปอีก 5-10%
กลับกันซิสเต็ม 1 ล้านบาท เส้นสายอีก 1 แสน เสียงที่ได้มันก็คือซิสเต็ม 1 ล้านบาทนั่นแหละครับ ไม่มีคำว่าลดทอนลงไปไหน เพราะต่อให้สายมันแย่แค่ไหน แต่ถ้าสายมันได้มาตรฐาน ผ่าานเกณฑ์ หรือสายมันไม่ได้ขาดในหรือชำรุด คุณภาพเสียงนั้นจะมาในมาตรฐานเดียวกัน ต่างกันตรงคาแรคเตอร์ของสายแต่ละเส้นที่ให้ออกมา ถ้าสายที่ราคาสูงส่วนใหญ่ก็มักจะให้คาแรคเตอร์ที่เป็น positive ออกมาและจัดการพวก noise หรือมีการชิลด์สายที่ดีกว่าตามราคา และหลักๆ 90-95% นั้นมันมาจาก ห้องฟัง การติดตั้ง เซ็ทอัพและอุปกรณ์หลักเสียเป็นส่วนใหญ่
ดังนั้นสายเหล่านี้มันคือน้ำจิ้มที่มาปรุงแต่ง และช่วยให้เรารีดประสิทธิภาพของชุดเรา รวมไปถึงความภาคภูมิใจที่ได้ใช้ของดีมีคุณภาพ และเหมาะสมกับเครื่องเสียงของเราที่สุดมากกว่าคำว่าสายที่ดีจะไปเปลี่ยนให้ชุดธรรมดา กลายเป็นชุดที่เหนือกว่าชุดราคาสูงกว่าได้ครับ