W61 Product of the year 2020
ปี 2020 กำลังจะผ่านพ้นไป เชื่อว่าพอถึงเดือนธันวาคมจิตใจเราๆท่านๆก็คงไม่ค่อยได้เป็นอันทำงาน เพราะไหนจะลาพักร้อน แพลนไปเที่ยวกับครอบครัว แพลนจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด แพลนจะไปต่างประเทศ มัวตื่นเต้นกับอากาศเย็นๆช่วงเดือนธันวา และใครที่เหงาๆไม่มีแพลนจะไปไหนก็ต้องมานั่งคิดแล้วว่าสิ้นปีนี้จะให้ของขวัญอะไรเป็นรางวัลกับตัวเองดี
คิดไปคิดมา เดือนนี้ก็เหลือวันทำงานอีกแค่นิดเดียวจริงๆ เราเลยรวบรวมความประทับใจของอุปกรณ์ในหมวดหมู่ต่างๆที่เราได้ทดสอบ รวบรวมมาเป็น
"ที่สุดของ product ที่เราชอบและประทับใจปี 2020" หรือ "The most impressive 2020" ซึ่งเป็นประสบการณ์จากการทดลองเล่นและฟังในปี 2020 นี้เท่านั้น โดยมีเกณฑ์เล็กๆน้อยๆก็คือ
1. ของออกปีไหนเราไม่สนใจ แต่เราต้องได้ลองเล่นในปีนี้ จึงจะมีสิทธิ์อยู่ในอันดับ
2. ของเราต้องชอบและถูกใจ ไม่สนว่าใครจะขายหรืออยู่ค่ายไหน เพราะถ้าชอบก็คือชอบ ตัวไหนที่เล่นแล้วไม่ชอบ ก็จะไม่พูดถึงให้ขุ่นเคืองใจกันแม้แต่นิดเดียว
กฏมีแค่นี้ ไปชมความประทับใจของเราในปี 2020 กัน (ใส่ที่มาและเหตุผล ราคา สถานที่จำหน่าย และ condidates คู่แข่ง มาให้ครบแล้ว)
==============================================
1. ของที่ตั้งตาคอย (แต่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของ) : Play Station 5
รอลุ้นกันว่าจะได้ครอบครองปีนี้มั๊ย และไม่ต้องถามว่าผมจะซื้อหรือเปล่า เอาเป็นว่าผมขาย PS4 รอมาตั้งแต่ตุลาคมแล้วละกัน รอกันต่อไปไม่รู้ติดอะไร ได้ข่าวว่าติดเรื่องมาตรฐานของหัวปลั๊กไฟ ไม่รู้จริงหรือไม่ เฮ้อ

2. Room correction ทรงคุณค่าประจำปี : Dirac live ได้ลอง room correction มาก็หลายค่าย แต่ไม่มีค่ายไหนเลยที่ปรับได้ดีในระดับที่ใช้งานได้จริงระดับนี้ ยิ่งใช้งานร่วมกับ Bass control ฟังชั่นใหม่ที่เพิ่ง launch ออกมาแล้ว
พูดง่ายๆคือห้องมาตรฐานทั่วไปถ้าวัดได้ถูกหลัก มันก็จะปรับให้เราได้เกือบๆ 60-80% แล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณพอใจแค่ไหน อยากปรับแต่งอะไรเพิ่มอีก และห้องคุณมีปัญหาหนักแค่ไหน ถ้าห้องทั่วๆไปมาตรฐานผมว่า การใช้งานของมันทำได้ดีที่สุด และละเอียดที่สุดในบรรดา Auto room correction แล้วละครับ
Dirac live มีทั้งการปรับแบบ multi channel (Home theater) และ 2 channel (ฟังเพลง) ซึ่งเราอาจจะชินกับการใช้ Dirac live กับระบบ home theater เป็นหลัก แต่ไม่คิดว่า มันเอามาใช้กับระบบฟังเพลงแล้วมันจะ work เหรอ แต่ง eq, dsp กับการฟังเพลงนี่นะเหรอ มันจะฟังหลอกๆ เหมือนใช้ auto tuneหรือเปล่า
ต้องบอกว่า จากที่ฟังผูใช้งานจริง (ฝรั่ง) ส่วนใหญ่ให้เสียงตอบรับที่ดีกับการใช้ Dirac live ในการฟังเพลงค่อนข้างมาก เพราะมันไม่ได้ปรับให้ over แต่มันปรับให้เสียงที่บกพร่อง กลายเป็นเสียงที่ได้มาตรฐานและครบ
อย่างน้อยผมกได้ลองด้วยตัวเองว่า จากห้องฟังที่อคูสติไม่ได้ออกแบบไว้ฟังเพลงและมีปัญหาหนักมากกับย่านความถี่ต่ำที่โด่งระดับ 16 db
ตัวโปรแกรม Dirac ก็สามารถแก้ปัญหาให้ออกมาอยู่ในระดับที่ฟังดีได้ในระดับมาตรฐานแล้วกันครับ

3. Music player ทรงคุณค่า : Roon
ถ้าได้ลองฟังเพลงจากอุปกรณ์ที่รองรับ Roon ready ใช้งานผ่านวง wifi แบบง่ายๆ และคุณภาพเสียงที่ได้จาก player roon แถมยังปรับแต่ง dsp ได้อีก
ต้องบอกว่าแม้การใช้งานจะยุ่งยากและไม่ user friendly เท่าไร่ แต่ใครที่ได้ลองก็ต้องหลงรัก และผมผู้ซึ่งไม่เคยคิดจะเสียตังให้ soft ware ประเภทนี้มาก่อนเลยในชีวิต สุดท้ายก็ค่อยๆเดินไปหยิบบัตรเครดิตมาค่อยๆกรอกเลขบัตร แล้วกดสมัครสมาชิกรายปีให้ Roonlabs ไปแบบผู้พ่ายแพ้อย่างหมดรูป ของเขาดีจริงๆ

4. Pre-Processor : Storm ISP24 mk2
ปรีรุ่นใหม่ล่าสุดที่นับตั้งแต่วันที่ได้ฟัง Storm ISP24 mk2 ก็ไม่รู้จะเปลี่ยนไปเป็นปรีอะไรอีกแล้ว เพราะที่ฟังมา ทั้งยกมาลองเอง และฟังบ้านท่านอื่น ก็ไม่มีตัวไหนถูกหูไปกว่านี้อีกแล้วละ เพราะอย่างที่บอกว่าเราหลงรักเครื่องเสียงจาก Dynamic และ Detail Storm ก็ให้มาครบ เพราะเสียงที่ให้รายละเอียดที่ดี บรรยากาศโอบล้อม pre-processor ไหนๆก็อาจจะให้ได้ แต่คาแรคเตอร์ของเสียงที่ให้รายละเอียดดี บรรยากาศดีและเบสและอิมแพคที่เป็นแบบนี้ ฟังดูแล้วเรารู้ว่านี่คือ Storm และเอาอะไรมาแทนไม่ได้จริงๆ
และที่สำคัญคือการทำงาน การประมวลผล การบู๊ทเครื่องที่ไวจริงๆ stable รวดเร็ว ไม่มีบั๊ก ไม่มีหน่วง จากการเทียบกับ pre ในระดับเดียวกันรุ่นอื่นๆ
และสุดท้ายก็คือเทคโนโลยีที่มาช่วยเติมเต็มชีวิตให้ผู้ใช้ง่ายขึ้นอย่าง dirac live ยิ่งได้ Dirac live + Bass control ตัวล่าุสุดมาแล้วต้องบอกว่า ว้าววเลยจริงๆ
5. Subwoofer Passive : Aurea 18 passive
ที่ได้ลองแล้วไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลยในตอนแรก แต่กว่าจะรู้ตัวในห้องก็มีมันมาประจำการวางอยู่ในห้องฟังถึง 4 ตัวแล้ว
จะเป็นอะไรไปไม่ได้ก็ Auria 18 passive sub ที่ออกแบบให้ spl สูงได้ถึง 131.5 dB มาพร้อมกำลังแบบซับ passive ตู้เปิด และลูกกระแทกก็มีแบบซับตู้ปิด ในขณะที่ลูกลึกๆ ก็มีมาให้แบบครบครันน่้ำเสียงครบถ้วน ไม่ห้วนแห้ง กล้ามโต ทรงพลัง เร็ว กระชับในระดับกำลังดี คุ้มแบบนี้ไม่แปลกใจว่าของขาดยาวไปถึงปีหน้าแล้ว
6. Subwoofer Active : SVS Pb2000 pro
ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมมันดีกว่่า SB4000, SB16 ultra, PB16 ultra เหรอ ก็ต้องตอบว่า ตัวนี้เพิ่งได้ลองในปีนี้นั่นเอง แต่รุ่นใหญ่กว่ามันออกมาก่อนและเราลองมาก่อนแล้ว
ตัวนี้มาพร้อมกับราคาสวยๆย่อมเยาว์ กำลังแบบซับตู้เปิด แต่ดอกยังไม่ใหญ่และมีความไวที่เก็บตัวได้แบบไม่น่าเกลียด ไม่ย้วยยานจนเป็นคลื่นเหมือนซับดอกใหญ่ๆ ให้เบสกระแทกได้ดี เบสลึกก็มี เบสต้นก็หนัก มี dsp ผ่าน app ราคาแค่นี้คุ้มจนไม่รู้จะคูุ้มยังไง
ข้อเสียคือ input มีแต่ rca และไม่เหมาะกับนักเล่นสาย audiophile แต่เหมาะกับการดูหนังเพราะเบสเยอะ และเบสแสดงตัวตนค่อนข้างมาก
7. New coming technology : Short throw laser projector
ในขณะที่เทรนด์ projector cinema จำกัดอยู่ในกลุ่มนักเล่น hi-end และมีแนวโน้มที่จะหดตัวลง เพราะการมาถึงของ led จอใหญ่ๆต่อกันได้ระดับ 100" ในราคาย่อมเยาว์ลงใกล้จะเป็นจริงเข้าทุกที และเราก็ยังมี laser projector ที่มาขัดตาทัพให้ใช้งานในราคาเอื้อมถึง แม้จะใช้งานยากนิดหน่อย แต่ราคาที่จ่ายไปกับคุณภาพและขนาดจอ ก็ต้องยอมรับว่ามันคุ้มค่าจริงๆ
แม้ว่า cinema projector จะให้คุณภาพที่ดีกว่ามากก็จริง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะกับมัน ทั้งการคุมแสง การเปิดปิดใช้งาน ความไม่ user friendly ในการติดตั้ง และ maintenance และการเซ็ทอัพ

8. Dac Streaming : NAD C658
วันแรกที่ผมเล่นเครื่องเสียงผมซื้อ cd player Nad
วันนี้เกือบ 20 ปีผ่านไป ผมไม่ซื้อ CD player อีกแล้ว แต่ผมซื้อ Streaming DAC ค่ายเดิม แต่มีการเปลี่ยนและพัฒนาตามกาลเวลา ตัว C658 รองรับทุกอย่างที่ปัจจุบันจะหาได้ ทั้ง Tidal connect, Roon ready, Spotify connect, XLR และมี Dirac live มาให้ด้วย ครบแบบนี้ไม่ถูกใจก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว แถมราคาค่าตัวก็ไม่แพงเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ ตัวนี้ยอมรับตรงๆว่าสิ่งที่ทำให้เราซื้อมาใช้ได้ก็คือ dirac live มันคือเครื่องมือสำคัญที่ทำให้คุณซ่อมห้องฟังที่มีปัญหาเรื่องอคูสติกให้สามารถมีสภาพในการฟังเพลง ณ จุดนั่งฟังได้แบบมาตรฐาน
หรือพูดง่ายๆก็คือ ปกติห้องฟังทั่วไปตามบ้านของเราจะมีสภาพอคูสติกที่ไม่ราบเรียบอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่ห้อง
anechoic chamber room ที่เขาไว้ทดสอบลำโพง ซึ่งถ้าเราเอาลำโพงตัวนึงที่ดีมาก ให้เสียงที่ราบเรียบตั้งแต่ 20 hz - 20000 hz เลยมาตั้งในห้องประเภทนี้ มันจะให้เสียงออกมาตามคาแรคเตอร์ของลำโพงตัวนั้น
แต่เมื่อเอาลำโพงตัวเดียวกันมาตั้งในห้องในบ้านเรา ในห้องนอน ห้องนั่งเล่น เสียงที่เราจะได้ยินก็คือเสียงของลำโพงผสมกับเสียงของ indirect sound และ room mode ของห้องมาผสมและมีผลค่อนข้างมากเพราะมันสามารถทำให้ลำโพงตัวเดิมที่มีคาแรคเตอร์เสียงที่เรียบตั้งแต่ 20 - 20000 hz นั้นมีกราฟที่ผิดเพี้ยนไปได้มากแบบไม่หลงเหลือคาแรคเตอร์เดิมเลยครับ
ถ้าอคูสติกห้องนั้นบิดเพี้ยนเสียงของลำโพงไปนิดหน่อยก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้ามันทำให้ย่าน 50 Hz โด่งไปถึง 16 db คุณจะฟังลำโพงตัวนั้นในห้องนั้นไม่ได้เลย เพราะมันจะเต็มไปด้วยเบสต่ำที่มากลบย่านกลางแหลม และมันจะฟังทึบมาก
หรือถ้าย่าน40-80 hz หายไปเป็นหุบเหวสัก 10 db คุณก็จะฟังดนตรีในห้องนั้นแห้งแล้ว ขาดเบส ฟังเพลงร๊อคแล้วหนวกหูมากๆเช่นกัน
Dirac live มาช่วยในส่วนนี้ คือมันจะวัดเสียงตรงจุดที่คุณนั่งว่ามันขาดหรือเกินอะไร แล้วมันจะพยายามไปแก้ให้ลำโพงส่งเสียงออกมาให้ถึงจุดที่คุณนั่งฟังให้ได้กราฟที่เรียบและมาตรฐาน ซึ่งสามารถปรับเพิ่มได้ภายหลังหากเราไม่ชอบ ข้อดีคือมันจะทำให้ห้องฟังเรากลายเป็นห้องฟังอุดมคติ และได้ฟังเสียงคาแรคเตอร์ของลำโพงและอุปกรณ์ของเราออกมาได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนห้องฟังไร้เสียงสะท้อน (อันนี้คือ idea นะ แตในความเป็นจริงก็มีปัจจัยอื่นๆ)
ซึ่งการไปแกอคูสติกในห้องให้เหมาะสมนั้น ก็เป็นอีกวิธีนึงที่ถูกต้อง แต่การแก้อคูสติกโดยไม่มีการวัดค่านั้นก็เหมือนการเดา ใส่มากไป ซับน้อยไป ย่านนั้นโด่งนิด ย่านนู้นหุบลงไปหน่อย สุดท้ายแล้วเราไม่มีวันที่จะทำอคูสติกห้องให้ราบเรียบ 100 % ได้อยู่ดี อย่างไรเสียก็ต้องมีคาแรคเตอร์ของห้องมาผสมกับเสียงลำโพง แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเสียงที่ฟังอยู่นี้ดีที่สุดหรือยัง สมัยก่อนก็ใช้วิธี analog สุดๆก็คือฟัง และไม่ต้องสนใจว่ามันเรียบหรือยัง แค่ใช้ประสบการณ์ว่าฟังแล้วดี เรียบ อิมเมจ sound stage ใช้ได้ เบสไม่เกิน แหลมทอดยาวได้ แค่นี้ก็ถือว่าใช้ได้
แต่ในยุคนี้การใช้เครื่องมือมาช่วยนอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นแล้ว เราสามารถทำห้องให้ดี แล้วใช้เครื่องมือมาช่วยวัดและแก้อีกเล็กน้อยเพื่อผลลัพธ์ที่ดึขึ้นไปอีกได้ หรือถ้าคุณจะไม่แก้อคูสติกห้อง แต่ใช้เครื่องมือเหล่านี้มาช่วยอย่างเดียว มันก็ยังฟังดีกว่าคุณฟังมันโดยไม่ทำอะไรมากแล้วปล่อยให้เบสล้น หรือแหลมแสบหูจนฟังไม่ได้อยู่ดีครับ
9. Need improvement Product 2020 : Product ที่ดี แต่มันยังดีได้อีกเยอะ และต้องพัฒนาอย่างด่วนปีนี้ได้แก่
9.1.Nad C658 จริงๆตัวนี้เป็น Dac ที่ดีชิบหาย ทั้งเสียงดี และฟังชั่นครบ และมันยังแก้ room correction ให้ฟังดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา
แต่สิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดก็คือ volume มันเร่งได้แค่ราวๆ 80% เท่านั้น หากเร่งเกินกว่านี้ตัวมันจะมี distort เกิดขึ้น แม้จะทำตามผู้นำเข้าที่บอกว่าให้ fix volume ไว้ที่ -10 มันก็จะมีเพลงบางเพลงที่มีความถี่แปลกๆที่เพลงทั่วไปปกติไม่ค่อยมีความถี่นี้ (ความถี่ต่ำ) แม้ว่า volume จะ fix ไว้ที่ -10 ตามที่เขาบอกแล้วก็จะเกิด distort อยู่ดี (ไม่ได้เป็นทุกเพลง)
แถมยังมีบั๊กที่เสียงอยู่ๆก็ดรอปลงตอนเปิดเครื่องใหม่ ต้องคอยไปกด บวกหรือลด volume เองในตัว dac เพิ่มหรือลดนิดหน่อย เสียงถึงจะกลับมาดังปกติ แม้ว่าคุณจะตั้ง fix volume ไว้ที่ -10 ตามผู้นำเข้าแล้วก็ตาม (fix volume คือระดับ volume ควรจะเท่าเดิมตลอด ไม่ควรเด้งมาเด้งกลับ)
นั่นแปลว่า หากคุณฟังเพลงผ่าน streaming gain volume คุณจะหายไปราวๆ 20 % และคุณจะต้องไปชดเชยสิ่งนี้เอาที่แอมป์ ถ้าลำโพงคุณขับยาก และปกติต้องเร่งแอมป์สูงอยู่แล้ว เท่ากับว่าคุณต้องเร่งแอมป์เพิ่มอีกราวๆ 15 - 25 % เลย
9.2. Hegel H390 ตัวนี้ดีจริงๆ เสียงดี damping สูง dynamic โดดเด่น แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่สัญญากับเราว่าคุณจะให้ Roon ready เรามา แต่จนแล้วจนรอดเป็นปีแล้วก้ยังไม่ปล่อยออกมาให้อัพเดทเสียที คนซื้อก็ซื้อไปเพราะตั้งใจว่าจะเอาไปเล่นเป็น roon end point ได้ตรงๆโดยไม่ต้องต่อสาย แต่ตอนนี้ปลายปี 2020 ก็ยังไม่ได้ เรายังคงเฝ้ารอต่อไปด้วยความหวังว่าวันนึงมันจะปล่อยออกมาให้เราใช้กัน
ปล. รอจนสิ้นหวัง และเลิกรอ จนต้องไปซื้อ Dac streaming มาใช้เอง เช่น magnet Elite, NAD C658
10. Streaming player : Nvidia Shield Pro
เครื่องเล่น Streaming ที่นิยมในบ้านเราตอนนี้นั้นมีสองตัว นั่นคือ Apple tv, Nvidia Shield pro ในส่วนของ Nidia เป็นกล่อง Android box ที่มีข้อดีต่างจาก Apple ตรงที่สามารถ install app เข้าไปได้ ทำให้ตัวมันทำงานได้หลากหลาย และในส่วนที่ต้องชมก็คือ user interface ที่ใช้งานง่าย
และรีโมทที่ทรงพลังมากๆ ลื่นไหล สะดวก และ user friendly สุดๆ ทำให้การใช้งานนั้นมันสะดวก เร็ว และเราอยากหยิบมาใช้บ่อยๆ
ในส่วนของภาพก็มีการ upscale ภาพให้สำหรับความละเอียดปกติ ทำให้เวลาดู source ที่ไม่ใช่ 4k เช่น youtube นั้นภาพมีความชัดกว่าของค่ายอื่นๆ
และใน่ส่วนของการเล่นไฟล์ก็สามารถเสียบ Hard disk external เล่นผ่านโปรแกรม third parties สำหรับเล่นไฟล์ได้ รองรับระบบเสียง DTS : X, Dolby atmos แล้ว
และในส่วนของ Netflix ก็รองรับ dolby atmos เช่นกัน (แบบ lossy , dd+)
ถ้าถามว่าผมชอบอะไร ก็ต้องตอบว่า ผมชอบในความสะดวกและง่าย ลื่นไหล ของการใช้งานของตัวกล่องครับ เพราะถึงภาพและเสียงจะเทพแค่ไหน ถ้าเปิดเครื่องมาแล้วมันช้า หน่วง กดไปแล้วเมนูไม่เลื่อนตาม ต้องชูมือเอารีดมทไปจ่อกดย้ำๆหลายๆครั้ง เราก็คงไม่อยากใช้ product แบบนี้ถูกมั๊ยครับ
และความครบถ้วนของการใช้งานนั้นก็ถือเป็นของแถมที่ทั้ง streaming ได้ และเล่นไฟล์ได้ด้วย แต่ในส่วนของการเล่นไฟล์หนังนั้นต้องบอกว่าคุณภาพเสียงก็อาจจะยังสู้ media player ตัวแพงๆไม่ได้ แต่คุณภาพของมันก็ถือว่าดีมากและคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวของมันที่ราคาแค่นี้เองนะแหละครับ

11. ฺBookshelf ในดวงใจ : Klipsch Heresy iv
บอกตามตรงว่าถ้าผู้นำเข้าเขาไม่ส่งมาให้ลอง ผมคงไม่ซื้อและไม่คิดจะซื้อเด็ดขาด เพราะส่วนตัวไม่ชอบรูปลักษณ์ลำโพง vintage และรวมถึงก็ไม่ชอบเสียงสไตล์วินเทจ sound ที่นุ่มและมีความประนีประนอมสูง และจิตก็พาลคิดไปว่าไดนามิคมันจะแคบตามสไตล์แอมป์หลอดหรือแอมป์วินเทจ แต่ทว่าทุกอย่างที่คิดนัน ผิดหมดเลย มันเป็นลำโพงที่เปลี่ยนความคิดลำโพงวินเทจไปอย่างสิ้นเชิง เพราะทุกอย่างที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็น dynamic range, detail เสียงที่เปิดโปร่ง ความไว พละกำลัง มาหมาดทุกอย่าง เสียอย่างเดียว เบสน้อยไปหน่อยเดียว
ก็ไม่แปลกใจว่าในเวทีโลก ทำไมมันถึงขายดีและได้รับการยอมรับมากมายมานานกว่า 50-60 ปี
ปล. จริงๆมี Kef R3 อีกตัวที่ชอบเสียงมันมาก แต่เมื่อ weight น้ำหนักความชอบแล้ว ขอยกให้กับHeresy iv
12. Integraed amplifier : Hegel H390
int amp ที่ผู้ผลิตคิดแบบเดียวกับเรานั่นคือ เครื่องเสียงที่ดี คือต้องมี dynamic ที่ดีก่อน บริษัทผลิตแอมป์สัญชาตินอร์เวย์เจ้านี้จึงเลือกที่จะใส่ใจกับ dynamic, damping factor ที่สูง
เพราะระดับเสีบงที่สวิงขึ้นลงอย่างรวดเร็วและกว้าง จะทำให้ได้ประสบการณ์การฟังดนตรีที่สมจริงที่สุด และการควบคุม woofer ลำโพงที่ดีที่สุด ก็ย่อมทำให้ได้เสียงที่ตรงตามผู้บันทึกมามากที่สุดเช่นกัน
เสียงที่นุ่มหวาน แต่ไดนามิคเร้นจ์ต่ำ หรือเบสที่นุ่มลึก แต่ช้าและเนิบอาจจะเหมาะกับเพลงบางประเภท แต่เสียงที่สมจริง tonal balance ที่ดี dynamic ที่สูงของ Hegel จะทำให้ฟังกับเพลงได้ทุกประเภทและทุกลำโพง ยิ่งโดยเฉพาะกับลำโพง Kef ที่ Hegel ใช้เป็น reference ในการผลิตแอมป์ขึ้นมา ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมทั่วโลกถึงนิยมใช้แอมป์ Hegel กับ Kef
13. Home audio speaker : Kef Reference 3
ลำโพง series สูงสุดถ้าไม่นับ Blade, Muon ที่ให้เสียง tonal balance ดีที่สุดตัวนึงของโลก ความชัดของมัน image sound stage ของมัน และที่สำคัญคือเบสของมันคือกลมดิ๊ก เก็บตัวเร็ว กรแทกจนเรานึกไม่ถึงว่านี่คือกรวยลำโพงแค่ 6.5" จะให้เสียงเบสคุณภาพและมหาศาลแบบนี้ได้ เสียงอาจจะไม่ live เหมือน Klipsch แต่น้ำเสียงและโทนัลบาล้านที่ดีของมันก็ทำให้เรารู้สึกว่า จะมีลำโพงอะไรในช่วงราคานี้ที่ดีกว่ามันและถูกจริตกับเราได้กว่านี้อีกเหรอ??
14. Media player : Zidoo HD2000 Media player
สำหรับใครหลายคนอาจจะถูกใจไปคนละแบบ เพราะแนวเสียง การ matching กับอุปกรณ์ต่างๆนั้นไม่เหมือนกัน แต่ให้เราพูดอีกกกี่ครั้ง เราก็ยังต้องพูดคำเดิมว่า Media player ที่ดีนั้นต้อง เร็ว เสถียร ใช้งานง่าย และเสียงที่ได้ต้องหนักแน่น ดุดัน
นี่อาจไม่ใช่ media player ที่ให้รายละเอียดดีเทลใสและดีที่สุด และนี่อาจไม่ใช่ media player ที่ให้บรรยากาศโอบล้อมดีที่สุด แต่เสียงที่ได้จากมันโดยรวม น้ำหนักเบส อิมแพค รายละเอียด ฟังออกมาแล้วมันถูกหูและพอเหมาะที่สุดกับซิสเต็มของเราที่เน้นการดูหนัง และชอบเบสที่กลมแน่น มีปริมาณ ไม่น้อย ไม่ลูกใหญ่ และที่สำคัญที่สุดคือง่ายกับการใช้ชีวิต user friendly ไม่บั๊ก ไม่ช้า เร็ว และใช้ง่ายในตัวเครื่องและรีโมท
15. Movie Steaming : Netflix
ไม่ต้องพูดอะไรเยอะกับ service นี้ ทุกวันนี้บางบ้านใช้เป็น source หลักไปแล้ว แต่เรามองว่าระบบเสียงที่ได้ยังไม่ดีพอ เพราะdolby atmos ที่ส่งออกมาเป็นเป็น dd+ อยู่ และไม่ใช่ lossless atmos (dolby true hd) และหนังตระกุล DTS ก็ไม่รองรับด้วย
ถ้าถามว่าอะไรคือจุดเด่น ก็ต้องตอบว่า Content
16. Music Streaming : Tidal connect
หลังจากที่ Tidal connect ออกมา และเราได้ลองฟังมันตรงๆผ่าน app Tidal เราก็พบว่ามันให้ประสบการณ์ที่ดีมากในการฟังเพลง เพราะการใช้งานที่ง่าย และการจัดการ playlist ที่ดีขึ้นกว่าการใช้งาน tidal ผ่าน application อื่นๆ มาก
เราเชื่อว่าการใช้งานต้องง่าย และเป็นมิตรกับ user ก่อน แม้ระบบเสียงจะดีแค่ไหนถ้าต้องทนใช้แอปอย่าง mconnect ที่ต้องคอยแอดเพลงทีละเพลง ต้องเปิดหน้าจอค้างไว้ ไม่งั้น connection จะหลุด การค้นหาเพลง ความช้า การเชื่อมต่อที่เข้าขั้นเลวร้ายของแอปนั้น แบบนั้นเราว่ามันไม่ใช่การใช้งานที่ดี
คุณภาพเสียง Tidal hifi นั้นดีกว่า Spotify เยอะอยู่ การจัดการเพลงอาจจะเป็นรอง Spotify บ้าง ความหลากหลายของเพลง เช่นเพลงไทยอาจจะสู้ Spotify ไม่ได้ แต่รววมๆแล้ว ผมค่อนข้างพอใจกับการใช้งาน Tidal ผ่าน Tidal connect มาก และถือว่าเป็น music streaming ที่ผมจะต่ออายุไปอีกนานอย่างแน่นอน

17. Home cinema speaker : Procella P28
แน่นอนว่าคงไม่มีอะไรกังขากับแบรนด์นี้ เพราะแนวเสียงที่เราชอบ ให้บอกกี่ครั้งก็ต้องเป็น Dynamic , Detail ไม่ใช่ให้แต่ detail แต่ไม่มี dynamic หรือไม่ใช่ให้สเกลเสียงใหญ่แต่ทึบจนขาดดีเทล
P28 เป็นลำโพงที่ถือว่าใช้ดูหนังได้ดี คาแรคเตอร์เสียงแหลมที่ละเอียด และพุ่ง ถ้าคุณยังชอบเสียงการดูหนังแบบละเมียดละไมเหมือนการฟังเพลงก้ยังมีตัวเลือกจากลำโพง Home audio ดีๆอยู่ แต่ต้องยอมรับในข้อจำกัดเวลาเร่งดังๆมันมี distort และลำโพงมันจะพัง แต่ถ้าคุณอยากดหนังแล้วเร่งดังๆแต่ยังอยากได้เสียงแบบการฟังเพลง ก็มีลำโพง home cinema แบบ silk dome ที่ยังให้เสียงละเมียดหน่อยประนีประนอมนิดๆ มาให้เลือกด้วย (แก้ปัญหาที่ความดังสูงๆด้วยการเบิ้ล tweeter เข้าไปหลายๆอัน เพราะธรรมชาติของ silk dome มันจะให้ความมเพี้ยนเมื่อ spl สูงๆ)
แต่ถาคุณชอบการดูหนังที่จริงจังแบบเรา ระเบิดก็ระเบิด ฉากน่ากลัวก็ต้องตกใจ ฉากกดดันก็ต้องกดดัน แบบที่เราชอบ ลำโพงที่เราเลือกก็คงไม่พ้นในกลุ่มของลำโพง Horn ไม่ว่าจะเป็นสายบู๊อย่าง Procella, Klipsch , Krix หรือสุภาพขึ้นมาอีกนิดก็เช่น Aurea ซึ่งทั้งหมดนี้ เราฟังมาหมดแล้ว ขอบอกว่า you can't go wrong with these speaker.
review : https://www.youtube.com/watch?v=vGuqqOT3iUE

18. Multi channels Amplifier : ATI AT6007 ถ้าจะให้นิยาม ATI AT 6000 signature series ตัวนี้ เราคงไม่มีอะไรจะกล่าวนอกจาก นี่คือ one of the best home theater amplifier ตัวนึงที่ดีที่สุด เพราะ noise floor ที่ต่ำ dynamic ที่สูงลิบ รายละเอียดที่ยอดเยี่ยม มันจะะมีอะไรที่ดีกว่านี้อีกผมก็คิดไม่ออก
19. ฺBluray player : Pioneer UDP lx500
ในยุคที่ Bluray player ใกล้จะลาลับ และยุคแห่งแสงทองผ่องอำไพของ steaming กำลังรุ่งโรจน์ อย่างที่เราเห็นว่าก่อนนั้นมีเครื่องเล่นแผ่นให้เราเลือกไม่ว่าจะเป็น Oppo, Cambridge , Pioneer และปัจจุบันก็เลิกรากันไปจนเหลือแค่ pioneer
หลังจากได้ลองเล่นทั้งสามตัว ตัวท่เราชอบเสียงมากที่สุดก็คงเป็น Pioneer udp lx500 เพราะชื่นชอบในน้ำเสียงที่หนักแน่น มีไดนามิคที่รุนแรง ฟาดก็คือฟาด เบสก็หนัก detail ก็ดี แต่ข้อเสียของมันคือ user interface ที่ดูเหมือนระบบปฏิบัติการ Dos (คนยุคเก่าคงเข้าใจ) เหลือเกิน การใช้งานไม่ลื่นไหล ไม่ user friendly
เมื่อชำเลืองไปมอง oppo 203 ที่ใช้มาเกือบ 2 ปีนั้นก็ชื่นชอบในความใช้ง่าย สวยงาม ลื่นไหล แต่ในคาแรคเตอร์ของเสีบงของ oppo นั้นอาจจะไม่ตรงใจเราเท่าไร่ เพราะ oppo มีความประนีประนอม แม้จะให้ดีเทลและรายละเอียดเสียงที่ดีก็ตาม (คนเราไม่ได้นั่งฟังจับผิดปต่รายละเอียด นั่งฟังเสียงใบไม้ เสียงลมอย่างเดียวเสียเมื่อไร่) แต่เบสและไดนามิคของ oppo ก็ยังคงความประนีประนอม ลูกใหญ่ หนา มีความฟุ้งและนุ่มนิดๆ แต่ ไม่คมกริบ pyฟาด ไดนามิคไม่เทียบเท่า pioneer
ถ้านึกไม่ออกว่าเบสของ oppo บุคลิคอย่างไร ก็ให้ลองฟังเบสของ pre Marantz ที่ไม่ว่าจะปรับอย่างไรก็ยังมีคาแรคเตอร์แบบนั้นติดมา และแน่นอนว่าถ้าใช้ร่วมกันทั้ง oppo + marantz มันก็ยิ่งให้คาแรคเตอร์ที่เด่นชัด คือรายละเอียดดี เบสผ่อนคลาย ถ้าคนชอบคาแรคเตอร์นี้ก็จะชอบ combination นี้ไปเลย เอาเครื่องเล่นอะไรมาเข้าคู่ก็จะสู้มันไม่ได้ แต่ถ้าคนที่ไม่ชอบคาแรคเตอร์เสียงแบบนี้ (เราเอง) ก็จะมองหาตัวอื่น ซึ่งก็คือ pioneer lx500 ที่เรามองว่าตัวนี้ให้เสียงการดูหนังในรูปแบบเราได้ตอบโจทย์ที่สุด
20. ฺHome audio: Kef
ในบรรดาลำโพงบ้านที่ยังคงมีความประนีประนอม และเหล่าผู้รักการดูหนังฟังเพลงด้วยลำโพงชุดเดียวกัน และยังคงมองว่าลำโพง home cinema แท้ๆนั้นมันน่าเกลียด ไม่สวย และที่สำคัญ กลางแหลมมันทึบและสากเกินจะทนสำหรับการนำไปฟังเพลงและดูคอนเสริต์ที่ต้องการรายละเอียดมากๆ แต่ฟังเบาๆ และไม่เร่งดังมาก และก็ไม่เน้นดูหนังจริงจัง ตูมตามอะไรมาก ขขอแค่บรรยากาศดีๆ ดู netflix ดูแผ่นบ้าง ไม่ซีเรียสอะไรมาก ลำโพงในหมวด home audio จึงมาตอบโจทย์ตรงนี้ เพราะมันสามารถเป็นลำโพงชุดเดียวที่ทั้งดูหนังก็ได้ และฟังเพลงก็เพราะ รายละเอียดก็ดีพอ ขอแค่อย่างเดียวอย่าเปิดมันดังจนเกิน limit หรือเอามันไปยัดใส่ผนังหลังจอก็พอ ในหมวดลำโพงนี้ผมชอบกลุ่มลำโพง Kef r series เพราะด้วยคุณภาพเสียงที่สูงทั้งในเรื่องการดูหนังและฟังเพลงแล้ว ผมก็นึกไม่ออกอีกเลยว่าจะมีลำโพงรุ่นไหนที่ให้บาล้าน การดูหนังและฟังเพลงได้ดีขนาดนี้ได้อีก เพราะถ้าไม่ใสปิ๋งแต่ dynamic น้อยเหลือเกิน ก็จะจะเน้นหวานอุ่นแต่ดีเมลทึบไปหน่อย ยกเว้นที่เข้าใกล้ Kef r-series และเรามองว่าเฮ้ย มันใช้ได้ ก็มี SVS Prime series และ Ultra series นี่ละครับที่ด้วยราคาค่าตัวและการตอบโจทย์ในแง่ลำโพง Home audio แล้วคุ้มค่ามากๆอีกหนึ่งตัว
แต่ถ้าถามว่า จะเอาดีทั้งดูหนังและฟังเพลง ก็คงไม่มีใครเอาชนะลำโพงบ้านอย่าง Kef R series ไปได้อีกแล้ว และแน่นอนว่าการดูหนังก็จะสู้ลำโพง Home cinema ไม่ได้ ส่วนการฟังเพลงก็จะสู้แยกชุดออกมาฟังกับ int amp, dac ไม่ได้เช่นกัน

21. Product ดาวรุ่งในปี 2021 : Kef
ไม่ว่าจะเป็น LS50 meta, wireless ii , R-series รอชมได้เลยนะครับ........ แล้วจะหาว่าไม่บอกกัน ลำโพงอังกฤษที่ให้เสียง modern มาก tonal balance ดีฟังเพลงได้หลายแนว และมีชื่อเสียงในระดับโลก ปีหน้านี้น่าจะไปได้สวยในบ้านเรา .... เพราะกับ product ที่ไม่มีจุดเด่นอะไรเลย ทั้งเสียงและรูปลักษณ์ยังสามารถดันให้ขายได้ นับประสาอะไรกับ product ที่โด่งดังมาแล้วทั่วโลก (ยกเว้นในไทย) และเพียบพร้อมทั้งภาพลักษณ์ งานประกอบ และเสียงที่เหนือกว่า ทำไมจะดันให้ดังไม่ได้ละครับ จริงไหม