พาทัวร์ไปชมบรรยากาศห้องดูหนังของมืออาชีพที่ทำงานด้านเซ็ทอัพระบบ Home Theter กัน
วันนี้ผมจะพาไปชมบรรยากาศห้องดูหนัง Home Cinema แท้ๆของคุณชวินกันครับ
เรามาดูกันว่าคนที่ทำงานด้านระบบเสียง ทำงานด้านเซ็ทอัพระบบโฮมเธียร์เตอร์ ชีวิตที่ต้องอยู่กับการเซ็ทอัพเครื่องเสียงให้ลูกค้ามาเป็นร้อยเป็นพันห้อง นั้นห้องฟังเค้าจะเป็นยังไง
เรื่องก็คือว่า ช่วงหลังๆมานี่ผมมีโอกาศร่วมงานกับแกหลายงานทั้งตั้งใจและบังเอิญ ลูกค้าที่สั่งของกับผมก็บังเอิญไปเป็นลูกค้าใช้บริการเซ็ทอัพกับแกอยู่หลาย ท่าน ผมก็เลยมีโอกาศได้เห็นการทำงานกับแกหลายห้อง ส่วนใหญ่จะเป็นห้องระดับกลางๆและค่อนข้างใหญ่ ทำให้ผมต้องตามเซอร์วิสและอยู่ดูแลลูกค้าจนจบ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไร และลูกค้าแฮปปี้จริงๆๆ หลายงานก็ได้ไปช่วยแกหยิบจับอะไรก๊อกๆแก๊กๆ ยกของ ยกลัง ยกลำโพงบ้างอะไรบ้างไปตามประสา ฮาๆ จนงานจบเรียบร้อยก็พระอาทิตย์ลาลับไปค่ำมืดเกือบแทบจะทุกงานไป (นี่ขนาดเริ่มงานกันก่อนเที่ยงนะ)
เอาเข้าจริงๆ จนแล้วจนรอดผมก็ไม่เคยมีโอกาศไปเห็นห้องแกซะทีว่าหน้าตามันเป็นยังไง ชุดเครื่องเสียงแกใช้อะไรอยู่ แล้วเสียงละมันจะดีมั๊ย บลาๆๆๆ จนอาทิตย์ก่อนครับผมมีโอกาศอันดีที่ได้เอาซับ Klipsch R110SW วิ่งไปส่งที่บ้านแก (แกเอาไปติดตั้งที่บ้านลูกค้าอีกท่านนึง) งานนี้ผมเลยถือโอกาสขอร้อง (แกมบังคับ) ว่าต้องขอเข้าไปฟังไปชมซะหน่อยนะงานนี้
ตัดบทรวบรัดกันเลยจะได้ไม่เยิ่นเย้อ มารู้สึกตัวอีกที ผมก็อยู่หน้าห้องดูหนังของคุณชวินเรียบร้อยละ ฮาๆ ก้าวเท้าเข้าไปก็เจอห้องบรรยากาศตามในรูปเลยครับ จะเห็น่วาห้องมีการปรับอคูสติกโดยใช้ Diffuser มาติดตั้งเอาไว้ และมีการปรับ ambient ให้เหมาะกับการดูภาพยนตร์โดยใช้สีดำเป็นธีมหลัก และใช้ชุดเครื่องเสียงทั้งชุดของ M&K ที่ออกแบบรับรองคุณภาพตามหลักของ THX
ในห้องนี้ใช้ระบบเสียง 7.2 channel โดยลำโพงทั้งหมดเป็นของ M&K ทุกตัวยกเว้นซับตัวที่สองที่แกใช้ซับ JBL มาเสริมความถี่ต่ำและตั้งซ่อนไว้ด้านข้าง
สภาพห้องตอนเปิดไฟนั้นบอกกันตรงๆว่าเป็นห้องธรรมดาๆ มีโซฟาหนังสำหรับนั่งดูหนังตั้งอยู่ตรงกลางหนึ่งตัว และมีเก้าอี้กิตติมศักดิ์ตั้งอีกตัวนึงข้างๆนี่ละครับ ไม่ได้เป็นห้องราคาแพงหรือหรูหราอะไรมาก แต่ที่พิเศษคือเจ้าของห้องเค้าปรับจากห้องธรรมดาๆนี่ให้มีสภาพที่เหมาะกับ การดูหนัง และเซ็ทเสียงให้ถูกต้องตามหลักที่แกเรียนรู้มา
ว่าแล้วผมก็ขอให้แกลองปิดไฟเปิดหนังดูเลย สภาพหลังปิดไฟคือมันเหมือนนั่งอยู่ในถ้ำเงียบๆ อคูสติกห้องไม่ก้องและไม่เงียบจน dead เกินไป เรียกว่าบรรยากาศสบายๆเหมาะกับการดูหนังนั่นแหละครับ แล้วแกก็บรรเลงเปิดหนังนานาสารพันเรื่องบรรจงป้อนใส่โสตประสาททั้งภาพและ เสียง บรรยากาศต่างๆถาโถมใส่มาตรงจุดโซฟาที่ผมนั่งอย่างต่อเนื่อง ภาพยนตร์เรื่องแล้วเรื่องเล่า ถ่ายทอดผ่านไดอะลอกของตัวละคร ทั้งเสียงเอฟเฟก ทั้งเสียงเบส ทั้งการโยนเสียงผ่านหัวผมไปมาอยู่สักพัก ผมก็นั่งดูไปนั่งคิดอะไรไปเรื่อย จนเวลาเรื่มเนิ่นนานผ่านไปสักพัก ผมชักเริ่มรู้สึกไม่ดี กระสับกระส่าย และเริ่มรู้ตัวว่าต้องทำอะไรสักอย่าง ผมจึงตัดสินใจพูดมาด้วยเสียงอันดังว่า "หยุด พอแล้วครับ"
แกก็เบาเสียงหนังลงพอให้คุยกันรู้เรื่อง แล้วบทสนทนาของผมกับพี่ชวินก็เริ่มขึ้น
ผม: พอแล้วพี่ ฟังนานไปกว่านี้ไม่ได้ละ
ชวิน: ทำไมละ
ผม: หูเสียครับ ฟังนานๆเสียงมันติดหู ผมกลับไปดูหนังที่ห้องผมไม่ได้แล้ว
ชวิน: ................
เค้าว่าสมองคนเราจะจดจำและปรับตัวคุ้นชินกับเสียง ภาพและบรรยากาศได้เมื่อใช้เวลากับมันซักระยะนึง คนเราจะไม่รู้สึกว่าซิสเต็มของตัวเองบกพร่องมาก ตราบใดที่ไม่มีโอกาศไปฟังซิสเต็มที่ใหญ่กว่า ดีกว่า เสียงดีกว่าหรอกครับ เรามักจะคิดว่าซิสเต็มตรูเนี่ยดีแล้ว พอใจแล้วละ จวบจนเราไม่คันไปดิ้นรนค้นหาไปฟังซิสเต็มดีๆ และถ้ามีโอกาสได้ไปฟังซิสเต็มที่ว่านั้นเมื่อไร่ละก็ อาการหูเสียจะบังเกิด และถ้าคุณนั่งแช่นั่งดูซิสเต็มนั้นไปนานๆเข้า โสตประสาทคุณจะรับรู้และยอมรับภาพและเสียงนั้นว่านี่แหละคือมาตรฐาน ถ้าเป็นระบบภาพเราก็มักจะเรียกอาการนี้กันว่า "จอหด" คือดูจอใหญ่ๆ ภาพสวยๆแล้วกลับไปดูจอที่บ้านแล้วรู้สึกว่ามันหดเล็กลง อิอิ
ทีนี้พอคุณกลับไปที่บ้าน ไปห้องฟังของคุณและเปิดชุดเครื่องเสียงคุณเมื่อไร่ เมื่อนั้นคุณจะเกิดอาการหูเสีย ดูหนังฟังเพลงเริ่มจะไม่สนุกและเริ่มคันอยากจะเสียตัง อยากจะปรับปรุง เซ็ทอัพมันใหม่ทั้งระบบ
ผมจึงหยุดแกซะตรงนี้ก่อนที่อาการนั้นจะเกิดขึ้นกับผม
มาถึงตรงนี้จะหาว่าไอ้นี่เว่อร์รึเปล่า อวยกันจนเกินงาม จะบอกว่าเปล่าครับผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลยกับ M&K และก็ไม่ได้เปอร์เซ็นเวลาผมแนะนำลูกค้าให้ไปใช้บริการเซ็ทอัพกับแกแม้แต้บาท เดียว แต่ผมได้ฟังได้เห็นอะไรก็เขียนออกมาตรงๆ อย่างนั้นเอง
ซึ่งซิสเต็มของพี่ชวินนั้น ผมจะอธิบายออกมาเป็นตัวหนังสือก็คือ มันไม่ใช่ซิสเต็มที่หนักแน่นมาก ไม่ใช่ซิสเต็มที่เสียงดีที่สุดในห้องฟังที่ผมเคยไปฟังมา แต่มันได้บรรยากาศทุกย่านเสียงมาครบ ทั้งสูง กลาง ต่ำ และจุดไหนที่มันต้องโหมมันก็โหม ตรงนั้นที่มันต้องเบามันก็เบาและได้รายละเอียดมาครบ
จะให้เปรียบเทียบง่ายๆก็คือนั่งตรงเก้าอี้ในห้องดูหนังของแกแล้วผมรู้สึก เหมือน ไปนั่งดูหนังในโรงใหญ่ๆ ซึ่งจุดนี้ผมยกเครดิตให้สองอย่างนั่นคือ
1. ชุดซิสเต็มของแก ที่มันถ่ายทอดเสียงได้พุ่ง สด เสียงจัด คมชัด รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เสียงโครมคราม มันพุ่งตามสไตล์ของลำโพง THX ที่ได้มาตรฐาน (ตรงนี้เลยได้มีโอกาสถามแกว่า ลำโพงพวกที่ได้มาตรฐาน THX นี่มันเสียงยังไง แกก็ตอบผมว่าลำโพงพวกนี้ไม่ว่าจะเป็น Klipsch THX Ultra 2 หรือ M&K หรือยี่ห้อไหนๆที่แปะ THX เสียงหลังจากเซ็ทแล้วมักจะเสียงออกแนวเดียวกัน คือสด ชัด ได้รายละเอียดครบ หนักแน่น ถาโถมตามสไตล์ลำโพงดูหนังแท้)
2. การเซ็ทอัพ ตรงนี้ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ คงไม่สามารถวิจารณ์ได้ว่าห้องแกเซ็ทอัพมาอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจก็คือ ห้องแกเสียงดีมากนะ ไม่ได้มาย่านใดย่านหนึ่ง ไม่ได้สักแต่เอาหนักอย่างเดียว โครมๆๆๆ แต่มันมาครบทุกย่านเลย กลางแหลมมันฟังแล้วรู้สึกเหมือนโรงหนัง แล้วก็ฟังไม่หนวกหู ฟังได้นาน บางเรื่องฉากที่มีฝนตกผมรู้สึกเสียงมันลงมาจากหัวจริงๆ ผมหันไปมองด้านหลังเห็นแกเซ็ทลำโพงเซอราวด์ไว้ค่อนข้างสูง ทำให้เข้าใจว่าเออ เสียงเซอราวด์แม้จะไม่ได้เป็น Atmos แต่เสียงมันสมจริงและลอย มันฟิลและเติมบรรยากาศใส่ห้องได้รอบตัวจริงๆ ไม่ใช่เสียงพุ่งมาจุดไหนจุดหนึ่งแบบที่เรานิยมทำกัน
สุดท้ายรู้สึกตัวอีกทีก็เริ่มดึกแล้ว หนังตาผมชักจะหย่อน เพราะห้องแกทั้งมืดทั้งบรรยากาศเหมือนถ้ำ โซฟานั่งสบาย เสียงดีฟังได้นาน ยิ่งหลังๆแกเน้นเปิดคอนเสริต์ให้ผมฟัง บรรยากาศดีเชียว ผมเริ่มเอนหลัง หนังตาก็เริ่มจะปิด ผมเลยถือโอกาศนี้ถามแกคำถามสุดท้ายก่อนลากลับว่า
นิยามคำว่า "เสียงดี" สำหรับพี่นี่มันเป็นยังไงครับ ??
แกตอบคำถามผมสั้นๆว่า ก็เสียงที่มันบาล้านทุกๆย่าน มาครบ ไม่หนักด้านใดด้านหนึ่ง ถ่ายทอดเสียงจากหนังหรือเพลงที่เค้าบันทึกมาได้เที่ยงตรงตามวัตถุประสงค์ของ หนังหรือเพลงนั้นๆ
และต้องเป็นซิสเต็มที่เราเข้าไปนั่งแล้วมันทำให้เราจมไปกับบรรยากาศของหนัง หรือเพลง ถ้าหนังมันน่ากลัวเราต้องกลัว ถ้าหนังโรแมนติกเราต้องรู้สึกมีความสุขและรู้สึกห้องมันหวานเป็นสีชมพูไป ทั้งห้อง หรือหนังสงครามเราต้องนึกว่าเรานั่งอยู่ใน killing field ที่ไม่รู้ว่าระเบิดมันจะลงตรงไหนของห้องได้นั้นแหละครับ
แล้วผมก็สอบถามเพิ่มว่าแล้วเรื่องมาตรฐานของลำโพงและอุปกรณ์ของเครื่องเสียงละ มีวิธีเลือกยังไงให้ได้ของดี เสียงดี
ตรงนี้แกไม่ได้ตอบผมตรงๆ แกบอกแค่ว่า ตั้งงบในใจก่อนว่าอยากจะจ่ายเท่าไร่แล้วค่อยเลือกลำโพงเลือกอุปกรณ์ในระบบว่าชอบเสียงแนวไหน
ซึ่งมาถึงจุดนี้ผมก็เห็นด้วยกับแกนะว่างบประมาณ และความชอบเป็นคีย์หลักที่จะทำให้คุณเลือกเครื่องเสียงได้ตรงใจที่สุด
ซึ่งเจ้าลำโพง THX แบบที่แกใช้เนี่ยผมก็ค่อนข้างชอบและรู้สึกเลยว่าเอกลักษณ์ของลำโพงประเภทนี้ เนี่ยมันสด มันชัด เสียงมันพุ่ง ได้รายละเอียด ถาโถมใส่ตัวคนฟังได้ดีกว่าลำโพง Home Theater บ้านปกติเยอะเลย แม้ตัวจะเล็กกว่าและหน้าตาทื่อๆดูไม่ค่อยสวยงามก็ตาม
ก็เป็นทางเลือกนะครับถ้าใครชอบดูหนัง 100% และอยากได้บรรยากาศสดๆ มันๆแบบโรงหนังจริงๆ ลำโพงแนวนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการรับชมภาพยนตร์ที่สมจริงอีกแบบ
แต่ถ้าคุณอยากได้ลำโพงที่ทั้งดูหนังฟังเพลง หวานบ้าง ฟังสบายๆ ไม่ต้องชัดเป๋ะ พุ่งสดขนาดนั้น แต่ต้องการลำโพงลายไม้สวยๆตั้งในห้องรับแขก ใครผ่านไปผ่านมายกมือถือขึ้นถ่ายหรือถามว่า "ลำโพงพี่สวยจังครับ" ให้เราได้อมยิ้มในใจได้ ก็ต้องมองลำโพงอีกแบบนึงที่เป็นลำโพง Home Theater หรือ Home Audio แทน
ส่วนผมบอกตรงๆว่าตอนนี้เริ่มสนใจและอยากจะสั่งเจ้า Klipsch THX Ultra II มาลองแล้วละครับ เพราะตอนนั่งเขียนบทความนี้อยู่บรรยากาศดูหนังจากลำโพง THX มันยังติดตรึงในหูและความทรงจำผมอยู่แบบไม่ยอมหลุดออกไปซะทีเลย 555
สุดท้ายพี่ชวินแกพูดขึ้นมาก่อนผมจะลากลับว่า ลูกค้าแกหลายคนไม่มั่นใจว่าเซ็ทอัพแล้วเสียงจะดีมั๊ย คุ้มเงินกับที่จะต้องจ่ายไปหรือเปล่า แกก็มักจะเชิญให้มานั่งฟัง นั่งดูหนังในห้องแกตรงที่นั่งที่ผมนั่งจุดนี้ละครับ
ตอนนี้ผมก็เงียบๆ และไม่ได้ตอบอะไรแกออกไปหรอกครับ แต่ผมรู้คำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วละว่า ใครก็ตามถ้าได้ลองมานั่งตรงจุดที่ผมนั่ง ได้ฟังได้ดูภหนังในห้องนี้ ก็คงจะคิดแบบผมและตัดสินใจได้ไม่ยากว่า เสียงมันดีจริงมั๊ย คุ้มค่ากับการลงทุนเซ็ทอัพเสียงให้ถูกต้องตามหลักหรือเปล่า?
ส่วนผมขอตัวไปเก็บตังสั่ง Klipsch THX Ultra II มาเล่นก่อนละครับ (ถึงช่วงขายของแล้วครับ 555)
Klipsch THX Ultra 2: http://www.whatthatsound.com/…/9/klipsch/klipsch-thx-ultra-2
หน้าที่เข้าชม | 2,192,372 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,301,209 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |