มินิรีวิวชุดดูหนังฟังเพลง Klispch RP-280F และ Emotiva XPA3
เมื่ออาทิตย์ก่อนผมได้รับความอนุเคราะห์จากลูกค้าที่เชียงรายท่านหนึ่ง จัดส่ง Poweramp Emotiva XPA3 มาให้ถึงที่
หลังจากต่อและลองฟังลองวิเคราะห์อะไรๆไปสักพักแล้ว ผมก็ตัดสินใจเขียนรีวิวนี้ขึ้นมา เพราะรู้สึกว่าเสียงของซิสเต็มผมมันเปลี่ยนไปแบบเยอะมากๆ (หน้ามือเป็นหลัง...) ใครที่คิดว่า Klipsch ใช้ AVR ก็พอหรือกะแค่เปลี่ยน AVR ไปเป็น Power เนี่ยมันจะซักแค่ไหนกันเชียวเนี่ยลองอ่านรีวิวนี้ดูครับ
วันนี้ผมทำมินิรีวิวแบบสนุกๆกับซิสเต็มนี้มาให้อ่านกันครับ
- Emotiva XPA3 (Power 200 watt x 3 channel)
- HarmanKardon 370 (Pre)
- Klipsch RP-280F
- Klipsch RC62 II
- Klipsch RP250S
- Klipsch R115SW
- Source: Notebook
**** คำเตือน มินิรีวิวนี้ทำเอาสนุก บอกเล่าให้ฟัง ไม่เน้นขายของ ขอความกรุณาอย่าถามว่าทั้งชุดราคาเท่าไร่ เพราะซิสเต็มมันผสมกันมั่วทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ บางตัวก็ไม่มีขาย ตกรุ่นแล้ว (RC-62II, Harman 370) บางตัวก็ไม่มีตัวแทนในไทย หาซื้อไม่ได้ (Emotiva XPA3) อย่าถามเลยน้าว่าใช้สายอะไร accessories อะไรเพราะเป็นคนไม่ค่อยเล่นพวกนี้ วัตถุประสงค์วันนี้ไม่ได้มาขายของ หรือมาเชียของ แต่มาบอกเล่าความประทับใจ ความรู้สึกตรงๆ ลองฟังแล้วคิดอะไรขึ้นได้ก็เขียนออกมาตรงๆตามที่รู้สึก เนื้อหาจะมีคำหยาบเยอะ อ่านเอาสนุกนะครับ อย่าเคร่งอย่าซีเรียส คิดว่านั่งดูรูป นั่งอ่านอะไรบันเทิงๆไป ขอใช้ภาษาวันรุ่นบ้างอะไรบ้าง
พร้อมยัง 1 2 3 เริ่ม....
---------------------------------------------------------------------------
ตัวนี้ก่อนที่ลูกค้าผมจะจัดส่งลงมาให้ผมจากเชียงราย
ผมก็ถามพี่บาสว่า (ลูกค้าชื่อพี่บาส) และกำชับอย่างหนักว่า ปลอดภัยนะพี่ เพราะตัวแอมป์หนักมากร่วม 40-50 กิโล ลูกค้าก็รับปากว่า "ชัวร์ครับน้อง". อ่าาาา รับปากมั่นเหมาะแบบนี้ก็จัดไปอย่ารอช้า
แกก็จัดส่งมาให้ผมแบบแพ๊กมาอย่างดี งดงาม กล่องสภาพสมบูรณ์แน่นหนามากๆ (กล่อง Emo นี่สองชั้นนะครับ ชั้นนอกกล่องลังดูราคาถูก กล่องชั้นในกล่องสีขาวอย่างดีแน่นหนามากๆ) และมีโฟมปิดบนล่างแบบเต็มตัวอีก คือถ้าขนส่งไม่เชี่ยจริงๆนี่คงไม่พังแน่นอน
ผลก็คือของส่งมาถึงกรุงเทพที่สถานีดอนเมืองแบบเรียบร้อยปลอดภัย งานนี้ขออนุญาติชมหน่อยนะครับกับขนส่ง NTC สำหรับผมคนทำอาชีพที่ต้องจัดส่งสินค้าใหญ่ๆเปราะบางไปต่างจังหวัดบ่อยๆ NTC เนี่ยดีที่สุดแล้ว (รองลงมาก็ SDS) ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ ผมไปรับเองที่สนญ ดอนเมือง
พนักงานดีใจหาย แกเดินมาอย่างกระตืนรือร้นและช่วยผมยกของไปส่งที่รถด้วย โอ้ว ประเสริฐแท้ ก่อนจะยกแกก็ช่างสังเกตเห็นว่าเทปใสที่ปิดตูดกล่องมันขาดอยู่ด้านนึง แกก็กำชับผมว่าตอนยกระวังของมันจะทะลุหลุดออกมาทางตูด แกก็บอกให้เอามือรองตูดเอาไว้ด้วย (ตาดีจริงๆพ่อหนุ่ม) และช่วยยกขึ้นรถอย่างดีเลย (กราบงามๆ ใครจะส่งของใช้ NTC เถอะครับพลีส ของเค้าดีจริงๆ)
ณ จุดนี้ขอระบายว่าอย่าได้เอาไปเปรียบกับปณ ไทย หรือขนส่งเจ้าอื่นอย่าง K.... Express รายแรกนี่ลูกค้าผมส่งของกับปณ ไทย ลำโพงเซ็นเตอร์ RC-62 II ดอกหลุดออกมานอกตู้ มันคงโยนลงจากรถตู้แล้วเอาเท้าเตะ
ส่วน K.... ผมไปส่ง (RS-62 II) เองกับมือ ของไม่เป็นไรส่งถึงมือลูกค้าก็จริง แต่ผมยืนดูพนักงานนี่กระแทกทุกกล่อง วางกล่องเบาๆไม่ได้ครับ ไม่รู้เป็นยักษ์เป็นมารมาจากไหน วางกันโครมๆ ขนาดตรูยืนอยู่ยังกล้าทำขนาดนั้น แล้วตอนลูกค้าไม่อยู่ไม่เขวี้ยงขึ้นรถเลยเหรอ บอกตรงๆว่าไม่ประทับใจจอร์จฮะ ใครอยากจะลองก็สั่งของเรามาได้นะเดี๋ยวส่งผ่านคะหรี่ เอ่ย K....ให้
อะ พอกลับมาถึงบ้าน ผมก็หอบสังขารยกเจ้า Emotiva เข้าห้องกันเลย ตัวนี้ต้องเรียกคนมาช่วยยกนะครับ ยกคนเดียวเข้าบ้าน เดินเข้าประตูไกลๆได้นี่คุณแม่มต้องเป็น The Hulk หรือ Iron man วันรุ่งขึ้นต้องปวดหลังแน่นอน
พอยกมาหน้าห้องเสร็จผมก็ไล่คนช่วยยกกลับไปและค่อยๆยิ้มที่มุมปาก ว่าแล้วก็บรรจงเสพความสุขในการแกะกล่องคนเดียว อิอิ ค่อยๆบรรจงเปิด รูดซิบ ปลดตะขอ อ่า ไม่ใช่ละ ค่อยๆเอาคัทเตอร์กรีดเทปใส เปิดกล่อง
โอ้ แม่มกล่องสองชั้นอย่างปึ๊ก หนามว๊ากกก และโคดหนัก
พอเทออกมาจากกล่องผมก็จัดการก้มลงยกจะเอาเข้าห้อง ยกขึ้นมานิดนึงก็เซ ต้องรีบวาง ตั้งสติกันใหม่
อะไรว่ะ ตอนอยู่ในกล่องมันไม่หนักขนาดนี้นี่หว่า
มานั่งส่องๆก็พบว่า เป็นเพราะผมยกเยื้องไปทางท้ายเครื่อง แต่ตัว Emo นี่เค้าวางหม้อแปลงและอุกปรณ์หนักๆไว้ทางหน้าเครื่องเกือบหมด พอยกท้ายหน้ามันก็จะทิ่ม ก็เลยเอาใหม่ยกกลางๆจับหัวจับท้าย จัดกด อุ๊ยไม่ใช่ จับยกเข้าห้องเลย
มาเข้าห้องก็หาที่วางเลย โคดหนักนะครับ อารมณ์นั้นมาถึงเห็นตรงไหนว่างตรูก็จะวางแล้วละ วางแม่มบนเซ็นเตอร์ซะเลย วางแล้วมาคิดๆอีกทีไม่ได้เดี๋ยวเป็นรอยขายต่อไม่ได้ราคา ช่วงนี้คนหา RC-62 เยอะด้วย ก็จัดแจงหาที่วางใหม่ดีๆ แล้วก็ลองเสียบสายสัญญาณ สายลำโพงกันเลย ลุย
ตัวนี้ XPA3 มีช่องต่อให้ 3 แชนแนล แชนแนลละ 200 วัตต์ที่ 8 โอห์ม มีขั้วต่อให้สองแบบนั่นคือแบบ Balance และ Un-Balance (RCA) ผมเลือกต่อแบบบาล้านละกัน (เดี๊ยวจะนึกว่าไฮโซใช้บาล้าน แต่จริงๆแล้วป่าว ผมเตรียมสายบาล้านเอาไว้ต่อกับแอมป์ PA ตะหาก จนพอมะต้องเอาแอมป์ PA มาขับลำโพงบ้าน อนาถาแท้) แล้วก็ตัวนี้มันจะมีสวิทซ์เอาไว้ให้เลื่อนซ้ายขวาว่าจะใช้ช่อง RCA หรือ Balance มันไม่ออโต้นะครับ ไม่ฉลาดขนาดนั้นเพราะเดี้ยวมีพวกหัวใสต่อแม่มทั้งสองช่องกลายเป็น 6 แชนแนลไปเลย สุดยอดจริง
ต่อเสร็จเปิดอุกปรณ์ ป้าป กดปุ่ม power ปุ๊ปไฟไม่ติดฮะ งี๊ดแล้วสิครับ ซวยแล้วสิกรู (คิดในใจ) แต่ยังใจเย็นตั้งสติก่อนแล้วนึกขึ้นได้ว่า ข้างหลังมันต้องมี เมนสวิทซ์อีกอันแน่ๆ ก็ค่อยๆเดินผิวปากไปดูแบบใจเย็น แล้วก็เจอจริงๆ มันมีเมนสวิทซ์ ก็เปิดซะ เค้ามาแล้วครับท่านผู้ชม ไฟสีส้มแสดงสถานะ Standby พร้อมใช้งานโชว์มาสวยงามน่าชื่นใจที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากอเมริกา เอ๊ะหรือมาจากจีน อิอิ
ว่าแล้วก็ลองเปิดกันเลย พอเปิดไฟโลโก้มันจะเปลี่ยนสีจากส้มเป็นสีน้ำเงิน ดูเก๋ไก๋ไฮโซมีราคามากๆเลย ชอบๆๆๆ เริ่มที่เพลงก่อนเพราะมันสองแชนแนลนี่ จะได้เห็นกันชัดๆไปเลย เปิดมาเสียงความถี่ต่ำนำมาเลยครับ อืด อื้ด ตือ ตื่อ ตื้อๆๆๆๆ แน่นอน มันคือเสียงซับวูฟเฟอร์ คือเสียงลำโพงหลักมันไม่ออกเลยคร้าบบบพ่อเจ้าประคุณรุนช่อง ดังแต่ซับ เวรกรรม เวรละกรู
นาทีนี้รู้สึกว่าเหงื่อเริ่มออกแล้ว รู้สึกเหมือนแข่งวิงมาราธอนมาเกือบจะถึงเส้นชัยแล้วแต่เสือกล้ม
เฮ้ยมันต้องไม่เป็นงั้นสิว่ะ ผมลุกขึ้น บรรจงเปิดไฟในห้องอย่างแผ่วเบา แล้วเดินไปดูด้านหลัง emotiva ก็ถึงบางอ้อว่า จริงๆแล้วผมลืมสลับสวิทซ์ไปใช้ช่อง balance ครับ เจ้าของเก่าเค้าใช้ช่อง RCA ไว้แค่นั้นแหละ พอสวิทซ์กลับมา ก็มาลองกันใหม่
ลองเปิดเพลง ตอนนี้นะครับนาทีแรกเลยที่เปิดเพลงแล้วเสียงตัวโน๊ตจากอากาศเดินทางมายังห้องหูชั้นใน (labyrinth) ที่บรรจุไปด้วยของเหลว (อวัยวะรูปหอยโข่ง (cochlea) กระดูกฆ้อนของผมเริ่มสัมผัสรับฟังเสียง ผมก็อุทานขึ้นมา "เชี่ย แม่งแน่น" แน่นเปรี๊ย อิมแพคมาเต็มๆ แบบนี่ถ้าจับเอาผ้าผูกตา จะไม่คิดว่าลำโพงตัวเก่าเลยจริงๆ คือเสียงเบสไลน์จากกีตาร์เบสจากเดิมที่มันดีดเบาๆ ตอนนี้มันเหมือนมีคนมาเร่งแอมป์แล้วใส่เอฟเฟค คือมันดีดแบบมีจังหวะจะโคน รู้สึกถึงอารมณ์คนดีดว่ามันต้องโยกไปด้วยดีดไปด้วย ส่วนกลองนี่เหมือนมือกลองมันหวดแบบไม่ยั้งมือ ป๊าปๆๆ ประหนึ่งโกรธแค้นใครมา แรงแบบกลัวดอกลำโพงหลุดจนต้องลด volume ลงมาหน่อย
และอย่านึกว่ามันจะดีเฉพาะเบสนะครับ รายละเอียดย่านอื่นๆมันมาหมด ทั้งกลาง แหลม คือบู๊ทมาหมดทุกย่าน แหลมนี่รายละเอียดเพิ่มมาแบบจากเดิมนักร้องมันก็ร้องแหกปากมันตามปกติ แต่นี่มันจะได้ยินเสียงแจ๊ดๆ เสียงแม้มปาก เสียงรอดไรฟันแบบที่พวกออดิโอไฟล์เค้าชอบฟังกันนั่นละ เสียงเว้นช่วงแล้วนักร้องมันกลืนน้ำลาย เสียงหายใจแรงๆบางช่วง เสียงตอดเล็กตอดน้อยของเสียงเครื่องดนตรีมันมาหมด ขนาดนั้นเลย โอ้โหเว้ย เจ๋งอ่ะ กลางก็ชัดขึ้นหนาขึ้นด้วย มีมวลเหมือนฟังเสียงชัดถ้อยชัดคำ เสียงหนาขึ้น มีสเกลขึ้นเหมือนฟังจากเวทีใหญ่ๆ หรือไลฟ์มากกว่าไปฟังจากมินิคอมโปหรือฟังหน้าลำโพงแคบๆ อันนี้คือข้อดี
ส่วนข้อเสียแน่นอนว่ามีแน่นอนคือฟังไป 5 นาทีผมรู้สึกว่าแม่มแข๊งโป๊กเลยอะ แน่น หนา แต่แข๊ง เบสเอย กีตาร์เอยเล่นกันร๊อคจัง ชัดเป๋ะ ใส่กันรัวๆ ไม่มีคำว่านุ่มนวลในสารบบของแอมป์ตัวนี้เลย ฟังแรกๆเหมือนมีคนเอาสายไฟ AC เส้นใหญ่ๆแข๊งๆจับมาฟาดหัวผมรัวๆ ก็มานั่งคิด เออฟังเพลงแรงๆเร็วๆสนุกดีนะครับ ดูหนังน่าจะมันด้วยเพราะเสียงแนวนี้มันเสียงแนวโรงหนังเลย ชัดเป๋ะ กระชับ อิมแพคแรง แน่น แต่ฟังเพลงช้าๆ หวานๆนี่บอกตรงว่าหมาไม่แดกเลยครับ เพราะความที่มันชัด เป๋ะ หนัก มันเลยขาดความออดอ้อน ออเซาะ ไม่มีความ laidback ไม่มีความหวานแบบแอมป์ฟังเพลงแพงๆที่เค้าให้กัน
มันคงทำได้ดีกับเพลงมันๆ กับดูหนังละนะครับ ผมคิดในใจพร้อมลุกไปพักหู และกินน้ำแป๊ป
จังหวะนี้ผมปิดเพลงแป๊ปนึง เอามือทาบอกแล้วอุทานเบาๆว่า "คุณพระ" นี่ที่ผ่านมาเราทนนั่งฟังซิสเต็มที่แอมป์มันขับลำโพงได้ไม่ถึง 50 % แบบนี้มาได้ไง ลำโพงดีๆมันยังไปได้อีกไกลลิบ แต่เราดันใช้แอมป์แค่นี้ (120 วัตต์) เพราะคิดไปเองว่า พอแล้ว ห้องเล็กจะอะไรกันนักหนา แค่นี้ก็พอ
พอได้แอมป์ที่กำลังมันถึงๆมาถีบลำโพงนี่เหมือนเอาปลานีโมโยนลงไปในบ่อฉลาม จากเดิมที่ว่ายสวยๆเนือยๆไปวันๆ วันนี้มันว่ายปรู๊ดปร๊าด กระชับกระเฉง เหมือนมีคนมาเร่ง volume มาเติมรายละเอียดในทุกย่านไม่ว่าจะ เบส กลาง แหลม เค้นให้มันชัดขึ้นมาอีกหลายระดับ
และที่สำคัญนะครับคือเบสของเดิมเวลาฟังเพลงมันจะติดนุ่มย้วยนิดๆ ไม่ค่อยกระชับมาก เหมือนหนังกลองมันขึงไม่ตึงอะ แต่มาตัวนี้เหมือนเบสมันแน่นกระชับ ตึงเปรี๊ย ไม่มีก้องไม่มีบวมเบลอ ทุกช๊อตทุกเม็ดชัดแบบมีแรงเท่าไร่ตรูหวดเต็มที่ จ้าง 500 เล่น 5000 ไรงี้
ทีนี้พักกินน้ำหายใจหายคอมาก็เลยมาลองเปิดหนังดูต่อ ลองเรื่อง Edge of Tomorrow ครับ ผมชอบเรื่องนี้นะ ใครจะเปิดเรื่องอื่นก็ช่างเค้าแต่ผมชอบเรื่องนี้ อิอิ เปิดไปก็เลื่อนไปฉากต้นเรื่องที่พระเอกถูกส่งไปรบ
ตอนนี้ต้องอธิบายก่อนว่า ผมต่อ emotiva กับคู่หน้าเท่านั้น ส่วนเซ็นเตอร์ กับเซอราวด์ยังใช้ AVR ขับอยู่เหมือนเดิม สาเหตคือสาย balance หมดเลยลองต่อแค่นี้ก่อน
ตอนนี้บรรยากาศดูหนังมันกลายเป็นว่าเสียงเอฟเฟคด้านข้าง เสียงระเบิด เสียงบรรยากาศพวกเสียงรอบๆ และเสียงเพลงในหนังมันดันดังและชัดข่มเสียงเอฟเฟคตรงกลางและเสียงพูดแบบเกินหน้ามากๆเลย ประสิทธิภาพของลำโพงคู่หน้ามันถูกขุดขึ้นมา เสียงช่วงจังหวะไหนที่มันแรงเสียงเอฟเฟคโหมเนี่ย สเกลเสียงของคู่หน้ามันจะพุุ่งดังชัดกว่าเดิม กระชับกว่าเดิม เสียงก้าวร้าวขึ้น หนักขึ้น พุ่งขึ้น ให้บุคลิกของลำโพงที่เข้าไปคล้ายพวกลำโพงพวกลำโพงโรงหนัง หรือ THX ที่เสียงสดๆชัดๆที่ผมเคยไปฟังตามบ้านลูกค้าในระดับนึงด้วย
ทีนี้ไม่หนำใจ ก็มาลองเปิดหนังหลายๆเรื่องลองดู เน้นเรื่องที่ดูบ่อย จำเสียงได้ พวกเอฟเฟคเสียงข้างๆ ระเบิด เสียงรถเสียงอะไรมันชัดเจน กระชับ หนักขึ้น ดังขึ้น เร้าใจมาก
ตอนนี้เอามือกุมหน้าอก ใจสั่นตุ๊บๆ นี่ต่อแค่สองแชนแนลยังมัน สด ชัดหนัก รายละเอียดดีขึ้นแบบนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปหาสายมาต่อ Center เพิ่มแล้วจะดูว่าเสียงจะดีขึ้นแค่ไหน
สุดท้ายก็สรุปเลย สั้นๆง่ายๆ เขียนมายาวแล้ว ขอสั้นๆมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย
ข้อดี
1. เป็นแอมป์ที่ดีและคุ้มตังมาก เพราะราคามันถูกจนน่าตกใจเมื่อเทียบกับวัตต์และคุณภาพ (เมืองนอกราคาไม่แพงเลย) ถ้าคุณเอาเข้ามาได้แบบเสียค่าส่งและภาษีแบบถูกต้องอาจจะต้องบวกไปอีก 50% ของราคาแอมป์
2. เสียงดี เสียงดีในทีนี่คือมันเหมาะกับพวกชอบดูหนังอย่างเดียว คือหนักๆ เบสสดๆ แรงๆ (ตัวนี้ damping factor เยอะตั้ง 500-600 แนะ) จะเหมาะมาก เพราะมันดูหนังมันจริง สะใจจอร์จมาก ถ้าฟังเพลงช้าๆ หวานๆ อย่าคาดหวังครับ
3. สวยดีครับ หน้าตาดุดัน ไฟสีฟ้าตอนทำงานสวยสด ดูราคาแพงมาก
4.ไม่มีฮัม ไม่มีเสียงรบกวนออกลำโพง แถมใช้นานๆ เอามือไปจับก็ไม่ค่อยร้อนด้วยนะ เฮ้ย แม่มเทพจริงๆ
5. Klipsch ทั้งซิสเต็มเข้ากันได้ดีมากๆกับ Emotiva มิน่าทำไมฝรั่งที่ใช้ klipsch เค้าถึงชอบใช้ emotiva กัน มันเข้ากันได้ดีแบบนี้นี่เอง
6. เสียงรวมๆทั้งระบบทั้งลำโพง แอมป์ ซับ เสียงกระเดียดไปทางลำโพงโรงหนัง คือชัดมาก สดมาก หนักมาก สเกลเสียงใหญ่โต พุ่งทะลุทะลวง คือถ้าหน้าตาลำโพงเป็นตัวเล็กๆแบบพวกลำโพง THX นี่จะไม่สงสัยเลย
ข้อเสีย
1. Emo งานประกอบไม่ค่อยเรียบร้อย ผมเจอขั้วต่อ rca มันไม่ค่อยเรียบร้อยคือไม่ตรงขนานกับพื้นหนึ่งแชนแนล ลองต่อดูก็ไม่มีปัญหาอะไรเสียงปกติดี แต่แค่รู้สึกว่ามันไม่เรียบร้อยอะ
2. หนัก อย่ายกคนเดียวเสี่ยงต่ออุบัติเหตและสุขภาพหลัง
3.ทั้งซิสเต็มรวมเข้าแก๊งกันแล้ว เสียงไม่หวาน ไม่นุ่มนวลเลย กลายเป็นบุคลิกแบบแก๊งโหด หนัก ใครชอบแอมป์เบสหนัก รายละเอียดดี ชัด สด แนวดูหนัง ตัวนี้เลยไม่มีตัวไหนคุ้มไปกว่านี้อีก แต่ถ้าจะเอาอ่อนช้อย หวาน ใบไม้ปลิวไหวนี่เขวี้ยงทิ้งไปเลย คนละแนว เสียงแข๊งโป๊ก แน่นปั๊ก
4. ไม่มีตัวแทนในไทย หาซื้อไม่ได้ ต้องชิปมาเองส่งเครื่องบินก็โหดร้ายน้ำหนักกิโลละประมาณ 750 (ใครขนมาได้ถูกๆแจ้งผมด้วยจะฝาก) หรือถ้าชิปเรือก็ต้องยอมรับความเสี่ยงกับภาษีและความนาน เผลอๆโดนกักของนานหลายเดือน ทำใจได้หรือเปล่า ยิ่งโดยเฉพาะสมัยนี้เข้มงวดมากด้วยนะ จะหาว่าไม่เตือน หรือไม่งั้นก็ต้องหามือสองเอา ซึ่งหายากกก
ก่อนนั้นบ้านเรานี่มีนะกึ่งๆตัวแทนกึ่งๆนำเข้ามาขายเอง เขาเอาเข้ามาขายราคาก็ดีใช้ได้ แต่เลิกขายไปแล้ว ไม่รู้ทำไม
5. ไม่รู้ว่าเอา Emo ไปจับกับลำโพงเสียงหวานๆหรือยี่ห้ออื่นแล้วจะเป็นยังไง อันนี้ต้องลองเอาเอง เสี่ยงกันดูเพราะยี่ห้อนี่บ้านเราคนใช้น้อย
จบแล้วจ้า ประทับใจนะครับกับซิสเต็มนี้ ทั้งลำโพง Klipsch RP-280F และ ซับวูฟเฟอร์ R115SW ที่หนักและกระชับ
ยิ่งได้แอมป์ Emotiva XPA3 มาขับ RP-280F นี่ไปได้ไกลและเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ส่วนตัวคิดว่าถ้าเปลี่ยนปรีดีๆ หาสายสัญญาณดีๆ สายลำโพงดีๆ ปรับอคูสติกห้อง เซ็ทอัพใหม่ มันน่าจะไปได้อีกไกลโข แต่ผมขอหยุดไว้แค่นี้ก่อน พอก่อนค่อยๆเล่นๆ ค่อยๆลอง ค่อยๆเทสไป เพราะผมไม่ใช่นักเซ็ทอัพหรือคนขายที่ต้องใช้ของดีที่สุดไฮเอ็นท์ที่สุด เปอร์เฟคที่สุด
แต่ผมเป็นคนเล่น คนขายธรรมดาที่หาข้อมูลเอง เล่นเอง เจ็บเอง จ่ายเอง ไม่มีใครออกทุนให้รีวิว หรือให้ยืมของมาแล้วให้เป็นหน้าม้า ตัวไหนเล่นแล้วชอบก็เชีย ตัวไหนเล่นแล้วไม่ชอบใจก็ไม่เชีย ไม่ขายบอกกันตรงๆแบบนี้ละ
ผมให้คำแนะนำกับลูกค้าได้ในระดับนึงว่าตัวไหนดีตัวไหนเหมาะ ในแนวทางของผม ความชอบของผม ส่วนคนที่จะตัดสินใจว่าเสียงแบบไหนดีที่สุด ใช่ที่สุดเหมาะที่สุดกับตัวคุณ ก็คือ "คุณเอง" ครับ อย่าลืมว่ารสนิยมและความชอบคนเรามันเป็นเรื่องปัจเจก บางทีผมว่าดี แต่คุณไม่ชอบ หรือคุณชอบแต่ผมไม่ชอบก็ได้นะครับ
ขอให้มีความสุขในการดูหนังฟังเพลงครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบและติดตามกัน
Spec Emotiva XPA3(Version ใหม่) ราคา 800 เหรียญ(ถ้าคุณอยู่อเมริกา) :
Number of channels: 3
Power output (all channels driven):
330 watts RMS @ 4 ohm (<0.1% THD)
200 watts RMS @ 8 ohm (<0.1% THD)
Rated power bandwidth: 20 Hz to 20 kHz +/- .075 dB
Minimum Recommended Load: 4 Ohms
Broadband Frequency response: 10 Hz to 80 kHz, +0 -1dB
Amplifier gain: 29 dB
THD + noise: <0.05%
Signal to Noise Ratio, A-weighted:
1 watt: > 96 dB
Full power: > 118 dB
Damping Factor: > 500 into 8-ohm load
Input impedance:
unbalanced: 23.5 kohms
balanced: 33 kohms
Power supply: 850 VA toroidal transformer with 60,000uF storage
Input Sensitivity (for rated power; 8-ohm load): 1.1 V load
Trigger Input: 5 - 20 V (AC or DC);
Trigger Output: 12 VDC; can drive any load up to 100 mA
Power Requirements: 115 VAC or 230 VAC +/- 10% @ 50 / 60 Hz
Size:
unboxed: 17” wide x 7 3/4” high x 19” deep
boxed: 23 1/2" wide x 12" high x 24 3/4" deep
Weight: 57.5 lbs (68.5 lbs boxed)
หน้าที่เข้าชม | 2,192,372 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,301,209 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |