ตอน นี้ RF-7 II ร้านเรามีทั้งสีดำและสีเชอรี่ครับ ซึ่งสีเชอรี่จัดว่าเป็นของหายากในบ้านเราก็ว่าได้เพราะส่วนใหญ่ที่นำเข้ามา โดยตัวแทนจะเน้นสีดำเป็นหลัก นานๆถึงจะมีเชอรี่เข้ามาสักที สวยแปลกตา ไม่เหมือนใคร ให้อารมณ์เนื้อไม้แท้ๆ vintage และ limited มากๆครับ

------------------------------------------------------------------------
*** ต่อไปนี้เป็นพรีวิว และความรู้สึกๆเล็กๆน้อยๆของงานนี้ครับ ***
ลูกค้า ผมรายนี้กำลังเลือก Amp อยู่ จริงๆตัวนี้ควรใช้ Power + Pre-Pro ขับนะครับ แต่ลูกค้าอยากใช้ AVR มาลองขับดูเพราะอยากเล่นตัวเดียวจบ ลูกค้าเลยไปตระเวนฟังมาเกือบทุกยี่ห้อแล้วแต่ไม่เคยฟังแนวเสียง Harman Kardon
เราเลยลองยกเจ้า Harman Kardon 370 กำลังขับ 125 วัตต์ไปให้ลูกค้าลองเสียงเปิดซิงเจ้า RF-7 II กันถึงบ้านครับ
งาน นี้ก็ได้มีการบอกลูกค้าไว้แล้วว่า อย่าคาดหวังอะไรนะครับกับแอมป์ราคาแค่ 30,000 บาท รายละเอียดมันไม่ค่อยมี มันได้แค่น้ำหนักเสียง กำลังสำรอง กับเบสหนัก
หลังจากติดตั้งกันเรียบร้อยก็ลองเปิดคอนเสริต์ Metallica เปิดหนัง 007 ดู เร่งเสียงไปประมาณ -15 ถึง -20 ดูกันไปสักพัก ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะขับไหวครับ แต่เป็นเพราะความไว Sensitivity ของมัน RF-7 II ที่มากถึง 101 dB (เยอะยังกะลำโพง PA) ก็อย่างที่เห็นในรูปครับเซ็นเตอร์ตัวเล็กนิดเดียว (รอ Klipsch RC-64 II มาประจำการอยู่) ซับก็ไม่มี แต่เสียงออกมาล้นห้อง เบสยังกับมีซับวูฟเฟอร์ 12 นิ้วยังไงยังงั้น เรื่องน้ำหนักเสียงนี่หายห่วง ดูหนังมันมากๆ แต่ติอย่างเดียวคือรายละเอียดไม่ค่อยมีเพราะ AVR มันไปได้แค่นั้นจริงๆ ถ้าใครชอบเบสหนัก หรือลำโพงที่ใช้บางไม่มีเนื้อ แหลมดีอยู่แล้วน่าจะชอบ AVR แบบนี้นะ เพราะมันลดความสดของแหลม และเพิ่มเนื้อเบส เพิ่ม Impact


แต่ ถึงอย่างนั้นผมก็สังเกตว่าเสียงที่ได้จาก AVR 370 ตัวนี้ขับ Klipsch RF-7 II แม้มันจะไม่เต็ม 100 ผมเดาๆฟังจากเสียงน่าจะรีดประสิทธิภาพของลำโพงมาได้สัก 40-50% แต่มันก็ได้อะไรออกมาเยอะกว่าที่ปกติผมเคยเอามันไปขับ Klipsch Reference II หรือ Reference Premier รุ่นอื่นซะอีก (ปกติผมใช้ AVR 370 ขับ RF-82 II และ RP-280F) โดยเฉพาะในแง่ของเบสที่หนักเหมือนมีค้อนปอนด์มาทุบกันโครมๆอยู่ในห้อง และเสียงแหลมที่มันชัด ใส มีเกนเสียง มีเนื้อ มีรายละเอียดพรั่งพรูออกมาเยอะกว่าลำโพงตัวอื่นที่ผมเคยเอา AVR ตัวนี้ไปขับเยอะมากๆเลย นี่ขนาดแอมป์มันเอาลำโพงไม่อยู่ยังได้ขนาดนี้ (คงเป็นเพราะทวีตเตอร์ขนาดใหญ่ 1.75" รุ่นพิเศษที่ถูกติดตั้งอยู่เฉพาะรุ่นนี้)
สรุปคือลองเอา AVR 370 มาขับเล่นๆขำๆ ก็ได้อะไรขำๆ คือได้ความมันแบบการดูหนัง Action ในระดับที่ดีเอามันเอาตูมตามแบบในโรงหนังนี่ก็ดูสนุกใช้ได้เลย แต่สำหรับคนที่ชอบรายละเอียดอาจจะผิดหวังสักหน่อยเพราะมันอั้นมาจาก AVR แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นความไวของลำโพงว่า RF-7 II เนี่ยมันไวมากนะ เอา AVR ที่ราคาแค่นี้ วัตต์ 125 วัตต์มาลองเทสลองขับมันเล่นๆ มันก็ยังใช้ดูหนังในห้องความกว้าง 40 ตรม ได้แบบไม่ต้องเค้นแอมป์อะไรเลย แถมดังจนภรรยาเจ้าของบ้านอุทานว่ายังกับโรงหนัง


จริงๆ ถ้าได้แอมป์ที่รายละเอียดดีๆเช่น Denon, Yamah, Onkyo หรือไปใช้ Power ดีๆอย่าง Emotiva, Rotel, Anthem, Parasound ยิ่งไปกันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย (2 ตัวหลังนี้ขออนุญาติเอ่ยชื่อนะ ไม่ได้เชียร์ของนะครับ เพราะไม่ได้ขาย ไม่ได้เป็นตัวแทนด้วย)
ฝรั่งมัน ชอบเอา Emotiva มาขับ แต่บ้านเรามันไม่มีตัวแทนและหาซื้อลำบาก จริงๆถ้างบจำกัดเราเชียร์ผลงานคนไทยอย่าง Magnet ก็ไม่น่าเกลียดเลยครับเช่น MA320 Pheonix, Medusa หรือจะหาแอมป์ไทยยี่ห้ออื่นราคาย่อมเยาว์ก็ไปกันได้ดีครับ อย่างน้อยขึ้นชื่อว่ามีลำโพงระดับนี้แล้ว หาแอมป์ดีๆมาขับมัน ผมว่ามันให้อะไรได้เต็มที่ แสดงศักยภาพออกมาได้ดีกว่าใช้ AVR ขับพอสมควรครับ
และก็ยืนยันครับว่า RF-7 II ตัวนี้เป็นลำโพงอีกตัวนึงที่สุดยอดในแง่การดูหนังจริงๆ ถ้าชอบคู่หน้า + เซ็นเตอร์แบบใหญ่ๆ แผงหน้าดุดันเร้าใจ ดอกขนาด 10 นิ้ว และทวีตเตอร์ใหญ่ๆขนาด 1.75 นิ้ว เบสหนัก กลางแหลมให้เสียงสมจริง เปียโนเป็นเปียโน ไวโอลินเป็นไวโอลิน ขอให้ได้ลองครับ ยิ่งได้เซ็นเตอร์คู่บุญอย่าง RC-64 II ด้วยแล้วแค่หาแอมป์มาขับมันให้ได้เต็มที่แล้วกัน ที่เหลือก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้สำหรับความมันเวลาดูหนังครับ
ราคาและรายละเอียด Klipsch Reference II ทุกรุ่น http://www.whatthatsound.com/category/5/klipsch/klipsch-reference-ii-series










