บรรยากาศจัดส่ง Klipsch THX Ultra2 KL650 ที่รามอินทรา

จัดส่ง Klipsch THX Ultra2 KL-650 สี่ตัวให้ลูกค้าที่รามอินทราครับ
ตัวนี้เดิมทีลูกค้าใช้ Klipsch RF-7 II อยู่ ต่อมาได้ kl650 มือสองมาก่อนหน้านี้ 3 ตัวเอามาทำเป็น lcr พอได้ลองและสัมผัสเสียงจากลำโพง cinema เทียบกับลำโพง Home audio ก็เลยตัดสินใจปล่อย Rf-7 II ทันที (คล้ายกับผมที่พอได้ฟังเสียง Klipsch THX ได้ 5 นาทีจากหนังที่เปิดดูประจำ ก็ปล่อย RP280F โดยไม่ลังเล)
หากวัตถุประสงค์คือเอาไปดูหนัง ลำโพง cinema แท้ๆจะให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าลำโพง Home audio มากมายนัก
(ที่ใครๆเค้าโฆษณาว่าเอาลำโพง home auido ที่เน้นฟังเพลงมาดูหนังแล้วเสียงดีมาก นั้นก็เป็นการตลาดอย่างนึง ต้องฟังหูไว้หู)
แต่ในความเป็นจริงแล้วลำโพงแต่ละตัวมีข้อดีของมัน ถ้ามันฟังเพลงดี แหลมละมุนทอดยาวเป็นประกายแล้ว เบสกลมกล่อมแล้ว มันย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะดูหนังดี
ตรงข้ามถ้าลำโพงดูหนังดีๆ แหลมพุ่ง เบสมีไดนามิค สเกลเสียงใหญ่ มันย่อมเอามาฟังเพลงช้าๆไม่ดีเช่นกัน
ใช้ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของมันจะดีที่สุดครับ
ชุดลูกค้าประกอบด้วย Anthem AVM60, Anthem P5, Emotiva XPA5, XPA7, Klipsch THX Ultra2
เป็นชุดที่เน้น performance และเน้นดูหนังโดยแท้ทรูครับ
ห้องของลูกค้าใช้ของมีมาตรฐานและคุณภาพสูง ทีนี้ก็เหลือแค่ห้องฟังและการเซ็ทอัพให้ดีก็น่าจะฟินกับการดูหนังฟังเพลงได้แล้ว (ลูกค้าใช้ห้องนอนเป็นห้องดูหนัง ซึ่งยังได้ฟูกที่นอนช่วยในเรื่องอคูสติกบ้าง)
และลำโพง Klipsch THX Ultra2 ก็หนึ่งในลำโพง cinema อีกตัวที่ถ้าใครรักในการดูหนังจริงจัง และเบื่อลำโพงเสียงนุ่มๆ ที่ขายในห้าง ถ้าได้ลองลิ้มรสลองฟังเป็นต้องหลงรัก
ทัศนคติของผมในบรรดาลำโพง cinema 3-4 ตัว klipsch THX เป็นลำโพงที่ให้เสียงกลางแหลมและดีเทลชัดมากๆ ส่วนเบสและสเกลเสียงนั้นให้เสียงกลางๆ เน้นสมจริงและชัดเจน ไม่ได้หนานุ่มหรือบูสให้เสียงต่ำอุ่นหนาเหมือนลำโพง cinema บางตัวหรือ home audio
คุณสมบัตินี้ดูหนังสนุกและดุดันดี
ส่วน procella นั้นให้เสียงกลางแหลมที่เป็นธรรมชาติชัดเช่นเดียวกัน แต่โทนกลางแหลมของ Procella จะไม่ได้พุ่งสดและดีเทลจี๊ดๆเท่า klipsch
แต่สิ่งที่ procella ให้ได้ก็คือไดนามิคที่รุนแรง หนักหน่วง และเสกลเสียงที่ใหญ่ อลังการเต็มห้องได้ดีที่สุดเท่าที่ผมฟังมาแล้วครับ
ส่วนลำโพง cinema ดังค่ายอื่นนั้นจะเน้นไปทางละมุนละม่อม ฟังง่ายสบาย ละมุนๆหู
ทวีตเตอร์ของแต่ละค่ายก็บ่งบอกแนวเสียงได้ดีครับ พวกที่ใช้ทวีตเตอร์แนวโลหะ ไทเทเนียมจะเน้นรายละเอียดเสียงและความสด ดุดันได้ดี และพวกนี้จะใช้ตัวเดียวด้วยครับเพราะคุณลักษณะของทวีตเตอร์โลหะจะมีข้อดีคือ ให้ไดนามิค และพลังที่เพียงพอทำให้มันใช้แค่ตัวเดียว ยิ่งบางค่ายเช่น Klipsch พอไปอยูกับฮอร์นด้วยยิ่งทำให้เหลือเฟือเหลือใช้เลยในเรื่องของรายละเอียดกลางแหลมมและดีเทล
ส่วนพวกค่ายที่ใช้ทวีตเตอร์โดมนุ่มนั้นจะเน้นความละมุนละไม ฟังง่าย สบายหู ให้เสียงพูด เสียงร้อง คอนเสริต์ได้ดีเป็นธรรมชาติกว่า แต่ข้อเสียก็คือโดมนุ่มจะให้พลัง ความชัดเจนและรายละเอียดได้ไม่เท่ากับโดมโลหะ ดังนั้นจะเห็นว่าลำโพง cinema ที่ใช้โดมนุ่มมักจะต้องใช้หลายโดมต่อลำโพงหนึ่งข้างครับ เพราะถ้าใช้แค่ตัวเดียว มันจะให้ความชัดและรายละเอียดรวมไปถึงความดังได้ไม่ผ่านมาตฐานการดูหนังของ THX
(ใครเคยเห็นลำโพง cinema ที่ผ่านมาตรฐานและใช้ในห้องใหญ่ๆได้ตัวไหนที่ใช้โดมนุ่มตัวเดียวบ้าง)
โดมนุ่มมักจะแพ้ความชื้น พอไว้ในห้องแอร์นานๆ หรือใครทำห้องดูหนังไว้ชั้นใต้ดิน และไม่ค่อยเปิดใช้งานมักจะเจอปัญหาทวีตเตอร์ขาดเอง โดยไม่ทราบสาเหตุ ด้วยความที่มีทวีตเตอร์หลายตัวต่อลำโพงหนึ่งข้าง บางทีมันขาดไม่รู้ตัวก็มี
เวลาเราบิดสินค้าลำโพงเหล่านี้จากเมืองนอก ต้องระวังเพราะมันชอบขาดครับ
สุดท้ายจะชอบสไตล์เสียงแนวไหน ตัวไหนใช่สำหรับเราก็ลองเลือกกันดูเองครับ แต่ละแบรนด์มีข้อดีข้อเสียและแนวเสียงเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน เราสามารถเซ็ทเสียงให้ตอบสนองได้ครบและถูกต้องตามาตรฐานได้ แต่เราไม่สามารถเปลี่ยนแนวเสียงของลำโพงแต่ละแบรนด์แต่ละรุ่นได้ครับ เหมือนเราแต่งหน้าผู้หญิงสองคนเหมือนกันทุกอย่าง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมออกมาไม่เหมือนกันตามพื้นฐานของแต่ละคนนั้นเอง
การเลือกลำโพงให้ถูกต้องและเหมาะสมกับการใช้งานย่อมเป็นปราการด่านแรกที่นำพาให้เราเดินไปสู่จุดหมายได้มากกว่า 70-80% ครับ
อย่าลืมว่าใส่ใจกับลำโพง แอมป์ ปรี ห้องฟัง การเซ็ทอัพให้มากกว่าใส่ใจเรื่องเส้นสายนะครับ