บรรยากาศจัดส่ง SVS SB4000 ที่วิภาวดี
วันก่อนไปส่ง SVS SB4000 ตัวใหม่ล่าสุดให้ลูกค้าที่แถววิภาวดี64
ลูกค้าบอกว่าจะหาซับและลำโพงคู่หน้าไปไว้ฟังเพลง EDM ต่อกับ cdj mixer
ซับตั้งใจจะใช้ SB4000 ส่วนลำโพงให้แนะนำให้หน่อย
เราเอาไปส่ง ลูกค้ายังไม่มีลำโพงหน้า ก็จัดการแกะกล่องแล้วเอา mac จิ้ม แล้วเปิด edm เทส ฟังเสียงเบสแล้ว น่าพึงพอใจทั้งผมและลูกค้า (ลูกค้านี่ผมเดาเอาจากแววตา) ส่วนตัวผมก็ฟังแนวนี้อยู่แล้ว เสียงที่ได้โอเคเลยครับ คือถ้าเปิด Drum&Bass ก็ฟังเอาเรื่องโดยใช้ SB4000 ได้จบทั้งเพลงเลยโดยไม่ต้องมีคู่หน้า beat ของ bass ที่ออกมาจาก SB4000 ตอบสนองได้เร็ว ฟังรู้เรื่อง ชัด clear คม หนุบหนับ (เลยขอถือวิสาสะแคปคำวิจารณ์จากเฟสลูกค้ามาให้ดูกัน)
ถ้าไม่ใช่ SVS แล้วผมก็นึกไม่ออกจริงๆว่าจะมีซับตัวไหนที่เป็นซับบ้าน (ไม่ใช่ PA) ที่ให้เสียงโทนนี้ และเหมาะกับดนตรีแบบนี้ได้อีก เพราะลักษณะเพลงแนวนี้เบสจะมีความต้องการคนละแบบกับแนวที่ออดิโอไฟล์ หรือเพลง vocal ฟัง (อย่างสิ้นเชิง)
คือถ้าไม่ได้ฟังออดิโอไฟล์ แต่ชอบป๊อป ร๊อค edm rock อะไรพวกนี้ มันเป็นทางของเค้าจริงๆครับ
แต่อย่าถามว่าถ้าเอาไปฟังโอ้ไฟล์มันจะเป็นยังไง .... เบสมันก็จะเด่นเกินเสียงร้อง และกลบความกรุ้งกริ้งของเสียงเคาะที่คนบันทึกต้องการให้ได้ยินไปละมั้งผมว่า
ปล. จริงๆ ตอนแรกเราก็ปวดหัวครับตอนที่ลูกค้ามาปรึกษา เพราะไม่รู้จะแนะนำไงดีเพราะลำโพงบ้านที่เหมาะกับเพลงแนวนี้มันมีน้อย
และเอาจริงๆถึงมีมันก็สู้ลำโพง pa. ดีๆที่ใช้ตามผับหรือปาร์ตี้ไม่ได้ และความจริงอีกอย่างก็คือลำโพง pa. ที่ใช้เปิดเพลงแนวๆนี้ที่ดีๆหน่อยนี่ราคาถูกกว่าลำโพงบ้านแพงๆที่ฟังแนวนี้ซะอีกนะ
ไหนๆก็เริ่มแล้วก็ขอต่ออีกหน่อย บางทีผมก็งงว่า บางคนไปฟังสดมาแล้วบอกว่าเพราะมาก อยากได้ลำโพงบ้านให้เสียงแบบ Live สดแบบนี้เลย ต้องจ่ายกี่สิบล้าน หาลำโพงบ้านไฮเอ็นท์มาเลียนแบบเสียงตอนไปฟัง live มา
อันนี้ไม่แปลกที่เราย่อมอยากฟังเพลงแบบที่เราไปฟังมา
แต่มันแปลกตรงพอพูดถึงเครื่องเครา ลำโพง เส้นสายแล้ว คนกลุ่มนี้กลับดูถูก ลำโพงแนวๆ pa หรือลำโพงบ้านที่ให้เสียงชัดๆ สดๆออกแนว pa ซะอย่างงั้น
เค้าบอกมันราคาถูก performance ไม่ดีเท่าลำโพงบ้านแพงๆไฮเอ็นท์
แต่ความคิดผม (อาจจะถูกหรือผิดก็ได้นะ) ผมคิดว่า ถ้าพูดกันเรื่อง performance แล้ว ลำโพง pa ที่ใช้ในคอนเสิรต์ ในผับ หรือในงาน Live สดดีๆ รวมไปถึงลำโพง commercial ต่างๆ (ไม่เอางานวัดนะ) พวกนี้ performance จะสูงกว่าลำโพงบ้านไฮเอ็นท์ไปไกลลิบ ทั้งความชัด รายละเอียด peak การตอบสนองได้กว้าง ไม่ต้องมานั่งเลื่อนลำโพงทีละมิลสองมิล แล้วบอกเฮ้ย หันลำโพงไปอีก 2 เซ็นแล้วเสียงดีขึ้นมาก หรือต้องใช้สายราคาหลักแสน แล้วบอกว่าลำโพงบ้านดีๆ ถ้าใช้สายถูกแล้วเสียงมันถูกลง
ลำโพง commercial ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้เสียงดี จนบางทีคนฟังหลงจนต้องไปหาซื้อซิสเต็มบ้าน หา cd audiophile หากรองไฟ ไปทำห้อง ไปทำอคูสติก ไปหาสายไฟ ทำระบบไฟอะไรสารพัด สายสัญญาณแพงๆ เพียงเพื่อให้ได้ยินเสียงไลฟ์ที่มีความสมจริงแบบนั้นอีกสักครั้ง ใช่มั๊ย??
ถ้ายังไม่เชื่อและคิดว่าที่เค้าใช้ลำโพง commercial กันเพราะมันถูก และลดต้นทุน ก็ลองเอาลำโพงบ้านที่คิดว่าแพงๆที่สุด ราคาสิบล้านมาเปิดใน hall หรือผับใหญ่ๆดูสิครับว่าเสียงมันจะเป็นยังไง สเกลมันได้มั๊ย ความดังมันทำได้ถึงจุดที่ทำให้คนเต้นได้หรือๆไม่ อิมแพคของเบส ความหนักแน่นมันทำได้มั๊ย แล้วเปิดแล้วคนจะหลับหรือเปล่า?
บางทีคนที่กล้าพูดแบบนี้ เค้าอาจจะลืมไปว่า เสียงที่เค้าถวิลหา ฟังแล้วเพราะ และพยายามหาเครื่องเสียงแพงๆมาย่อส่วน และจำลองเสียงของไลฟ์ที่เค้าไปฟังมา (re-produced) ขึ้นมาใหม่ให้ใกล้เคียงที่สุดนะ ต้นกำเนิดเสียงมันคือลำโพง PA. กากๆ ที่เค้าดูถูก ใช้สาย xlr ลากยาวๆไม่ได้แพง และลำโพงเซ็ทอัพก็ไม่ต้องนั่งใช้ไม้บรรทัดวัดว่า มุมนี้ดี มุมนี้ไม่ดี คนนั่งต้องนั่งตัวตรงกลางห้องมีเทปแปะตำแหน่งนั่ง ห้ามใส่นาฬิกา ต้องใช้ถ่านแบบออดิโอไฟล์
อยากจะเปรียบง่ายๆแบบนี้ครับ ลำโพงบ้านไฮเอ็นท์ก็เหมือนกับรถบ้าน รถ mass car ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของครอบครัวสุงสุด ใช้งานขับรถ ฟังเพลง แอร์เย็น รถนุ่ม ช่วงล่างถุงลม มีช่องแช่เย็น มีแอร์หลัง มีซันรูฟไว้ดูดาว มันสบาย ใช้ง่าย เหมาะที่จะเอามาวิ่งทุกวัน โอเคมันอาจจะแรงได้ แต่ performance มันไม่ได้แรงเท่ารถที่ทำมาเอาไว้แข่ง หรือลำโพงที่เอาไว้เปิดในโรงหนังหรือใช้งานในคอนเสิรต์ เพราะวัตถุประสงค์มันออกแบบให้คนใช้งานในชีวิตประจำวัน ในบ้าน ในถนนทั่วๆไป ไม่ได้เอาไปแข่ง
ส่วนลำโพง pa หรือ commercial ก็เปรียบเสมือนรถแข่งที่เอาไว้วิ่งลงแทร๊ก แรง performance สูง แต่มันไม่สบาย ไม่มีแอร์ แคบ เบาะหลังไม่มี เสียงดัง ช่วงล่างแข๊ง เพราะวัตถุประสงค์มันคือ performance ที่เอาไว้แสดงศักยภาพในแทร๊ก หรือในฮอลล์ ในโรงหนัง ในผับที่ต้องการ Performance สูงๆๆๆ เราไม่ใส่ฟังชั่นอะไรเลย เครื่องเสียง pa ไม่มีบลูทูธ ไม่มี dts playfi ไม่มี Multi zone ไม่มีแอปให้คอนโทรลในมือถือ เพราะเค้าไม่ได้เอาไว้เอาใจคนเพียงคนเดียว แต่สิ่งที่เค้าเน้นคือ performance ที่ต้องเอาใจทุกคนในโรงหนัง หรือในผับนั้นๆ
เหมือนกับรถแข่งที่ต้องตัดแอร์ ตัดวิทยุ ตัดหน้าจอสัมผัสอะไรออกเพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน (ลองจินตนาการว่าเอารถแข่งที่ทำเต็มสูบไว้ลงแข่งมาขับบนถนนในสีลม เหยียบคันเรงลงไปนิดเดียวรถพุ่งพรวดจะไปชนตูดคันหน้า พอเตะเบรคทีก็หัวทิ่มเพราะเซ็ทเอาไว้ให้เบรคหนักๆไม่ได้เอาไว้เลียเบรคตอนรถติด แอร์ไม่มีขับไปปาดเหงื่อไป ฟิลม์ไม่ติด วิทยุไม่ดัง โรลบาร์เต็มรถ มันสบายมั๊ย แล้ว performance หรือความเร็วมันดีจริงแต่มันนั่งสบายกว่ารถบ้านมั๊ย แล้วก็คิดกลับกันว่าลำโพงดูหนังมันให้ performance สูงจริงมั๊ย แล้วพอเอามันมาใช้ในบ้านแล้วมันสะดวกสบาย ฟังดีจริงๆใช่มั๊ย)
ถึงแม้ว่าส่วนตัวผมจะชอบเสียงแบบที่ลำโพง commercial ให้ตามคอนเสริต์ และยอมรับความจริงในเรื่องของ performance ว่าลำโพงแนว commercial ที่ใช้ในโรงหนัง หรือไลฟ์สดนั้นมีศักยภาพสูงกว่าลำโพงบ้านมาก แต่ที่ผมเขียนข้างบนคือผมเขียนให้คิด และให้เห็นภาพ
*** อย่าเพิ่งถล่มผมว่าแขวะสายออดิโอไฟล์ หรือคนใช้ลำโพงบ้านแพงๆ
แท้จริงแล้วการที่เราต้องหันมาใช้ลำโพงบ้านที่มี performance ต่ำกว่า และต้องจ่ายราคาแพงระยับกว่าก็มีเหตุและผลของมันอยู่ครับ
นั่นก็เป็นเพราะว่าลำโพง commercial ที่่ให้ performance ดีนั้น มันก็มีความไม่เหมาะสมในการนำมาใช้ในบ้านหลายเรื่อง
ทั้งขนาดของห้องที่ไม่มีพื้นที่เพียงพอที่จะเร่งเสียงได้ถึงจุดที่เสียงดี
ขนาดของตัวลำโพงและอุปกรณ์ หน้าตาที่ดูไม่ user friendly และรวมไปถึงเสียงดัง เสียงรบกวนจากพัดลมของอุปกรณ์เหล่านั้น ถามว่าถ้าเอามาใช้ในบ้านแล้วมันจะมีความสุขกับเสียงเหล่านี้จริงหรือ???? แล้วเสียงมันจะดีเท่ากับที่มันเคยทำได้ในสถานที่เหล่านั้นหรือไม่
ทั้งหมดทั้งมวลที่ผมเขียนมา ผมไม่มีเจตนาจะโจมตีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่อยากให้ฉุกคิดว่า ทุกอย่างมีเหตุและผลในตัวมันเอง ถ้ามองโดยปราศจากไบแอสและตัดข้อจำกัดเรื่องบัดเจ็ท หรือเงินทิ้งไป แล้วลองเทียบดูเราจะรู้ว่าอะไรเหมาะสมกับเราจริงๆ
สุดท้ายสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเล่นเครื่องเสียงคือ ความเหมาะสม ความชอบ สไตล์ แนวทางการเล่น และกาละเทศะ ของสถานที่และผู้ครอบครองครับ ถ้าเราอยู่ในห้อง 4*3 แล้วไปขนเอา PA ในผับมาลงแล้วเปิด มันอาจจะถูกตังกว่าุชุดออดิโอไฟล์แท้ๆ อาจจะมันกว่า ตึ้บกว่า แต่มันอาจจะฟังไม่ได้ดีในห้องนี้ และมันอาจจะรบกวนความสุขของคนในครอบครัว ทัศนียภาพ รวมไปถึงรบกวนเพื่อนบ้าน และบางทีมันอาจทำลายสุขภาพหูด้วยก็ได้นะครับ
ดังนั้นคำตอบที่ถูกที่สุดในการเล่นเครื่องเสียงนั้นไม่มี มีแต่คำว่าเหมาะสมกับแนวทางการเล่นและปัจจัยต่างๆรอบตัวของเจ้าของ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราเล่นแล้วเรามีความสุข ไม่รบกวนใคร และที่สำคัญกว่าก็คือ เล่นอะไรแล้วมีความสุข ก็ไม่ต้องไปแขวะหรือดูถูกคนที่เล่นไม่เหมือนเรา เพราะคนเราล้วนมีความสุขในสิ่งละอันพันละน้อยที่ไม่เหมือนกันครับ