
บทความแปล
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาเรามีโอกาศได้เข้าไปดู ไปฟังระบบที่เป็น Dolby Atmos มาหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นในโรงหนัง หรือในบ้าน โดยคอนเซปของ Dolby Atmos คือจะให้เสียงวัตถุต่างๆรอบทิศทาง ไม่ว่าจะเสียงที่เกิดขึ้นรอบตัว หรือบรหัว เช่นฝน วัตถุที่เคลื่อนผ่านรอบตัว ผ่านศรีษะโดยใช้ประโยชน์จากลำโพงที่ถูกติดตั้งบนเพดานหรือฝ้า โดยผลลัพธ์ที่ได้คือจะสามารถสร้างบรรยากาศที่สมจริง รายรอบตัว และเหมือนกับเราเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นได้ดีกว่าระบบเสียงแบบปกติ โดยคู่แข่งที่มีคอนเซปคล้ายๆกันก็เช่น Auro 3D, DTS:X

ใน ระบบเสียงตามบ้านทั่วๆไปนั้น AVR รุ่นเรือธงสูงสุดที่มีขายกันทั่วๆไปไม่ว่าจะแบรนด์อะไรก็ตามมักจะจำกัดแช นแนลอยู่แค่ 11 channels ซึ่งนั่นแปลว่าเราสามารถจำลองเสียงเล่นได้ตั้งแต่ 5.1.2 (atmos 2 ตัว) ไปจนถึง 7.1.4 (atmos 4 ตัว) หรือ 9.1.2 (atmos 2 ตัว) โดยลำโพงแชนแนล Atmos จะสามารถเล่นได้ตั้งแต่ 2 - 4 ตัวเท่านั้นครับ
Dolby Atmos เต็มระบบนั้นจะอลังการงานสร้างและใช้ลำโพงมากกว่านี้เยอะ ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดๆก็ในโรงหนัง แต่เมื่อมาระบบเสียง Atmos นั้นมาสู่บ้านคน สิ่งที่ต้องเปลี่ยนก็คือต้องลดจำนวนลำโพงให้ง่ายและสะดวกต่อการติดตั้งให้ เหมาะสมกับห้องของคนทั่วๆไปที่ไม่มีที่จะติดลำโพงได้เยอะเหมือนในโรงหนังและ ไม่สะดวกที่จะเอาลำโพงไปติดบนฝ้าเพดาน ด้วยสาเหตุนี้ Dolby Atmos จึงร่วมมือกับบริษัทผลิตลำโพงต่างๆ (ในปัจจุบันก็มีหลายยี่ห้อหลายตัวไม่ว่าจะเป็น Kef, Onkyo, Pioneer, Klipsch และอีกหลายๆยี่ห้อ) เพื่อสร้างลำโพงที่ไม่ต้องติดเพดาน ไม่ต้องติดตั้งให้ยุ่งยาก เพราะข้อจำกัดตามบ้านไม่ว่าจะเป็นฝ้าต่างๆที่อาจไม่สามารถเดินสาย ไม่สามารถหาจุดติดตั้งลำโพงที่ดี ไม่สามารถติดตั้งลำโพงบนฝ้าได้ โดยทางออกคือสร้างลำโพงหนึ่งคู่ที่สามารถวางบนพื้นได้เหมือนลำโพงทั่วๆไป เสียบสายลำโพงและให้เสียง Dolby Atmos ได้เลย
โดยหากคุณมีบ้านที่ สามารถแขวนลำโพง ceiling ได้จริงๆ ก็ใช้แบบลำโพงแขวนฝ้าจะดีกว่า แต่ถ้าพื้นที่ไม่อำนวและมีเพดานที่สูงประมาณ 2.50 - 4.50 เมตร เป็นฝ้าเรียบเพดานเรียบ ไม่มีหลุม ไม่มีเพดานที่ลาดเอียงหรือฝ้าหลุม คุณสามารถใช้ลำโพงอีกแบบที่เราเรียกว่า Dolby Atmos-enabled speaker โดยลำโพงประเภทนี้ถูกตั้งชื่อแบบนี้เพราะมันจะใช้ประโยชน์จากการสะท้อนของ เพดานหรือฝ้าด้านบนและสะท้อนกลับมาเข้าหูผู้ฟัง ให้เปรียบเสมือนแหล่งกำเนิดเสียงนั้นอยู่บนหัวเราจริงๆนั่นเองครับ
KEF Atmos 5.1.2
KEF R50 Dolby Atmos-enabled Speakers

มี หลายบริษัทเช่น Pioneer, Onkyo สร้างลำโพงคู่หน้าที่บิ้วอินลำโพง Dolby Atmos ในตัวไปเลยเช่น (Onkyo HT-S7705, 5508) แต่ KEF เสนอทางเลือกอื่น นั่นคือทำลำโพง Dolby Atmos แยกต่างหาก สามารถนำมาเสริมเพิ่มในระบบโดยวางเติมที่ตำแหน่งไหนก็ได้ เช่นวางบนลำโพงคู่หน้า โดยวิธีนี้จะสะดวกสบายกว่า เพราะไม่ต้องเปลี่ยนคู่หน้า สามารถถอดเข้าถอดออกลำโพง Dolby Atmos ได้ดั่งใจ ติดตั้งก็ง่ายไม่ต้องแขวนลำโพงบนเพดาน แค่เอาลำโพงไปวางบนลำโพงคู่หน้า ซึ่งเสียงจะถูกยิงขึ้นด้านบนและสะท้อนกลับมาเข้าหูผู้ฟังเปรียบเสมือนมี ลำโพงอยู่บนเพดานจริงๆนั่นเอง
การติดตั้งลำโพง Dolby Atmos สามารถติดตั้งได้ทั้ง 5.1.4 หรือ 7.1.2 หรือ 7.1.4 ยกตัวอย่าง AVR รุ่นท๊อปของ onkyo รุ่น 3030 ก็สามารถรองรับและใช้งาน Dolby Atmos ได้ทันที
KEF R50 KEF R50 Specifications & Set Up

KEF R50 มีขายในเมืองไทยแล้วโดยสามารถดูรายละเอียดและราคาได้ที่นี่ http://www.whatthatsound.com/product/68/kef-r50
โดย สเปกของ R50 จะเป็นลำโพงแบบตู้ปิด ผิวลำโพงถูกประกอบอย่างปราณีตด้วยผิวสีดำเปียโน นำหนักตัวอยู่ที่ 4.5 กิโลกรัมต่อข้าง ภายในติดตั้งดอกลำโพงด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงเหมือนลำโพงใน R-series นั่นคือ Uni-Q driver โดยมีทวีตเตอร์ขนาด 1" ฝังอยู่ตรงกลางของดอกลำโพงขนาด 5.25" ที่ทำจาก aluminum woofer for mid and lower frequencies. At 90dB, KEF states the R50 has a <0.4% Total Harmonic Distortion. Produceable frequency range at -6dB is 96Hz - 19.5kHz.

ลำโพง R50 ถูกออกแบบให้วางบนลำโพง KEF R series ได้ตั้งแต่ R100 (บุ๊กเชลฟ์) ไปจนถึง R900 (ตั้งพื้น) โดยผิวลำโพง ตัวตู้และดีไซน์ทำมาเพื่อรับกับลำโพงในซีรี่ย์นี้โดยเฉพาะเลย ไม่ว่าจะเป็นตัวตู้ ดอกลำโพง และขั้วต่อสายลำโพงก็ล้วนใช้แต่ของคุณภาพสูงเหมือนลำโพงตัวอื่นๆในซีรี่ย์ เดียวกันครับ
ในด้านการติดตั้ง R50 นั้นง่ายมากๆ แค่วางมันลงไปบนด้านบนของลำโพงคู่หน้า (ถ้าเล่น Atmos 2 channel) หรือวางบนลำโพงคู่หน้า และบนลำโพงเซอราวด์หลัง (ถ้าเล่น Atmos 4 channel) แล้วก็ต่อสายลำโพงตามปกติ โดย KEF แนะนำว่าลำโพงคู่หน้าควรตั้งห่างจากกำแพงไม่เกิน 2-2.5 เมตร
และใน กรณีที่ถ้าเราใช้ลำโพงคู่หน้าและลำโพงแชนแนลอื่นๆที่ไม่ใช่ KEF R-seres จะทำยังไงดี ? หรือลำโพงบางตัวที่ด้านบนไม่สามารถวางได้เพราะด้านบนลำโพงมันไม่เรียบ เช่น KEF Q9 (ด้านบนลำโพงเป็นโค้งๆ) ทางออกนั้นไม่ยากครับ ให้หาโฟมหรือบลูเทคก็ได้มารองที่ได้บนของลำโพงเพื่อทำเป็นพื้นที่วางลำโพง R50 (ตามรูป) แค่นี้ก็สามารถจัดวางลำโพง R50 ได้อย่างปลอดภัยแล้ว ทีนี่ก็พร้อมที่จะไปลองเปิดเครื่องทดสอบเสียงกันเลยครับ (ในรูปเราจะต่อแบบ 7.1.2) ในห้องอพาร์ทเม้นต์ธรรมดาๆนี่แหละ


KEF R50 Dolby Atmos & Dolby Surround
ใน ระบบของเรานั้นจะใช้ AVR Onkyo TX-NR3030 ลำโพงในระบบใช้ KEF IQ9s, IQ6c, IQ1s และ IQ10s ใช้สายลำโพงแบบธรรมดาๆเท่าที่หาได้ (cheapass 18-gauge Radioshack wire)
ซึ่งจากระบบที่เราใช้นั้นต้องบอกว่าไม่ได้มีอะไรพิเศษ ที่จะฃ่วยให้เสียงดีขึ้นเลยไม่ว่าจะเป็นสายลำโพงหรือซิสเต็มอื่นๆ แต่ถึงอย่างนั้นเสียงที่ได้จาก R50 หลังจากเปิดลองดูก็ใช้ได้เลยทีเดียว จริงๆเป็นโชคดีก็ว่าได้ถึงแม้ลำโพงในระบบที่เราใช้จะไม่ใช่ KEF R-series แต่เป็นลำโพงคนละ series กัน (Q-series) แต่เสียงที่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงแหลม หรือโทนเสียงก็ไปด้วยกันได้ดีกับ R50 แบบเนียนและแยกไม่ออกเลยว่าตอนนี้เราใช้ลำโพง R50 แบบวางบนลำโพงคู่หน้า หรือใช้ลำโพงแบบแขวนเพดานจริงๆกันแน่ คือถ้าติดตั้งดีๆแล้วเสียงแยกไม่ออกจริงๆครับ
เสียงจากระบบ 7.1.2 นั้นแตกต่างจากเดิมที่เป็น 7.1 ธรรมดามากจนไม่อยากกลับไปเล่นแบบเดิมอีกเลย มันได้มิติ และรู้สึกเสียงเต็มและสมจริงขึ้นกว่าเดิมมาก
โดยเราเริ่มต้น ลองจากแผ่น Dolby Atmos Demonstration ก่อนเป็นอันดับแรก (แผ่นไม่ได้มีวางขายทั่วไป แต่หาดูได้ตามร้านเครื่องเสียง) ภาพและเสียงที่ได้นั้นสุดยอด ตื่นตาตื่นใจและโชว์ประสิทธิภาพเสียง Dolby Atmos เต็มที่ เพราะ content ในแผ่นนั้นคัดมาแล้วให้โชว์เสียงที่เน้น Dolby Atmos จริง โดยความรู้สึกเรารู้สึกว่าเสียงจากแชนแนลด้านบน และทุกๆแชนแนลมันเต็มและโอบล้อมตัวและจุดที่เรานั่งฟังอย่างพอเหมาะพอเจาะ ไม่ว่าจะเป็นเสียงอะไรก็ตามที่บินในตำแหน่งเหนือหัวเราไป โดยเฉพาะที่เราชอบที่สุดก็เป็น MV ของ Enrique Iglesias Baliando ที่มิกซ์เสียงแบบ Dolby Atmos โชว์เสียงและทิศทางของเสียงที่แพนไปรอบห้อง รอบทิศทางได้แบบน่าทึ่งและชัดเจนจนน่าขนลุก

หลัง จากลองแผ่น Demo กันจนหนำใจแล้ว เราก็มาลองต่อด้วย Blu-ray เรื่อง Transformers: Age if Extinction, Gravity, John Wick, The Hunger Game Mockingjay part1, American Sniper และตบท้ายด้วย Jupiter Ascending แต่ละเรื่องที่เอามาลองนั้นเป็นหนังที่มีการมิกซ์เสียง Dolby Atmos มาแบบดีไปจนถึงดีมากทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง American Sniper ที่มีการให้เสียงในแชนแนล height ที่ชัดเจน
ซึ่งคุณภาพเสียง Dolby Atmos ในแต่ละเรื่องก็จะแตกต่างกันไปตามคุณภาพและต้นฉบับของหนังที่มิกซ์มาแตกต่าง กัน แต่เรื่องที่เราต้องยกให้เป็นสุดยอดของระบบเสียง Dolby Atmos ก็คงเป็นเรื่อง Gravity ที่ให้เสียงรอบตัว ด้านบนได้สมจริง มีน้ำหนักและแพนรอบตัวได้แบบดีเยี่ยมเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆเช่น John wick, The Hunger game ซึ่งก็ไม่ได้แย่ แต่เมื่อมาเทียบกับ Gravity ที่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบทหนังที่เอื้อให้มีฉากและวัตถุ เสียงต่างๆที่เล่นกับเสียงในระบบ Dolby Atmos ได้ดีกว่า
Dolby Atmos Speaker จะทำงานได้ดีนั้นจะต้องมีเรื่องที่ต้องพิจารณาก็คือระบบเสียงด้วย โดย AVR ที่นำมาใช้จะต้องสามารถถอดรหัสเสียง Dolby Atmos หรือ DTS NeoX ได้ โดยเมื่อเรานำแผ่น bluray ที่เป็นระบบเสียง 5.1 หรือ 7.1 มาเล่นกับ AVR ที่รองรับระบบเสียงดังกล่าว และติดตั้งลำโพง Dolby Atmos เข้าไปในระบบเราแล้ว AVR จะทำการจำลองและปรับระบบเสียงให้เป็น Dolby Atmos หรือ DTS NEOX ให้ ซึ่งตรงนี้เองที่ระบบเสียงแบบปกติ 5.1, 7.1 ไม่สามารถสู้ระบบเสียง Dolby Atmos ได้ในแง่ของบรรยากาศ การโอบล้อมรอบตัวที่ dolby atmos จะทำได้สมจริงและดีกว่ามาก เช่นในฉากฝนตก เราก้จะรู้สึกเสียงของเม็ดฝนและบรรยากาศเหมือนเสียงฝนและหยดน้ำนั้นตกโปรย ปรายลงมาจากที่สูงจริงๆ และถ้าได้ดูฉากที่เป็นสนามกีฬาเช่นสนามฟุตบอล เบสบอล จะยิ่งรู้สึกถึงความแตกต่างเหมือนกับเราไปยืนอยู่กลางสนามจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงบรรยากาศ เสียงผู้คนจากบนที่นั่ง เสียงบรรยากาศรอบๆต่างๆที่ dolby Atmos จำลองมาสมจริงมากๆครับ
ที่ นี่พูดแต่ข้อดีไปแล้ว ก็มาดูข้อด้อยของ KEF R50 กันบ้าง ข้อเสียก็คือลำโพง Dolby Atmos แบบที่เป็นยิงเสียงขึ้นข้างบนนั้น จะไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ 100% โดยลำโพงแบบนี้จะมีข้อจำกัดอยู่ตรงที่เพดานหรือฝ้านั่นเองครับ คือถ้าพื้นที่ห้องของเรานั้นเป็นฝ้าหรือเพดานแบบเรียบๆไม่มีสิ่งหรือวัคถุ ใดๆมาขวาง ไม่มีหลุม ไม่มีสโลปลาดเอียง เพดานไม่สูงจนเกินไป ลำโพง Atmos แบบนี้จะทำงานได้ดีมากๆครับ แต่เมื่อใดก็ตามที่ฝ้าเราไม่เป็นไปอย่างที่กล่าวมา โอกาศที่การสะท้อนของเสียงจะไม่ถูกต้องและเสียงที่ได้ก็จะไม่ได้บรรยากาศมาก จากด้านบนอย่างที่ควรจะเป็นครับ หรือบางทีก็ทำให้เสียงจากลำโพงหน้าเราดูสูง ลอย ฟุ้งตามไปด้วยก็มีเหมือนกัน
โดยวันนี้เราได้ลองแค่ 7.1.2 โดยเราคาดว่าถ้าได้มีโอกาศลองเล่นแบบเต็มระบบ 7.1.4 เสียงที่ได้น่าจะเต็มห้องและโอบล้อม ได้บรรยากาศที่ดีกว่านี้ครับ
ข้อดี KEF R50
ออกแบบสวยงาม หรูหรา ตัวตู้สวยและลงตัวเข้ากับลำโพงตัวอื่นๆและเฟอร์นิเจอร์ได้ดี
งานประกอบดีเยี่ยม ไร้ที่ติ
เสียงเยี่ยม และทำงานเข้ากับลำโพงอื่นๆได้ดีแม้ว่าลำโพงคู่หน้าและแชนแนลอื่นจะเป็นลำโพง ที่ซีรี่ย์กว่า และสายลำโพงก็ใช้แบบราคาถูก เสียงที่ได้ก็ยังน่าประทับใจ
KEF R50 ข้อเสีย
ราคาแรงไปนิด ราคาซื้อลำโพงแขวนฝ้าดีๆได้สองสามคู่ได้เลยเมื่อเทียบกับกับ R50 คู่เดียว
บางทีเสียง 7.1.2 ก็ขาดๆเกินๆ (อาจเป็นเพราะสภาพห้องแต่ละห้อง และหนังที่บันทึกมา)

KEF R50 Conclusion
KEF R50 Dolby Atmos-enabled Speakers คือตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการเติมเต็มระบบเสียงในระบบให้เป็น Dolby Atmos แต่ไม่สามารถติดตั้งลำโพงแบบแขวนฝ้าได้จริงๆ ถึงแม้ R50 จะดีไซน์ให้เข้าชุดกับ KEF R-series โดยเฉพาะลำโพงคู่หน้ารุ่นท๊อปอย่าง KEF R900 แต่ R50 ก็เข้ากับลำโพงอื่นๆได้ไม่ยาก โดยในการเทสครั้งนี้เราลองใช้กับ KEF IQ series (รุ่นเก่า รุ่นใหม่จะเป็น Q Series แทน) เสียงที่ได้ก็เข้ากันได้ดีเยี่ยมและไม่รู้สึกว่าเสียงสะดุดหรือมีไม่เนียน แต่อย่างใด
ซึ่งเราอยากแนะนำเลยนะครับ สำหรับใครที่ใช้ลำโพง KEF อยู่แล้ว หรือแพลนกำลังจะซื้อลำโพงของ KEF มาใช้ แล้วอยากได้ระบบเสียงแบบ Dolby Atmos จะบอกว่า KEF R50 เป็นลำโพง Dolby Atmos-enabled Speaker ที่น่าสนใจและเสียงดีมากๆ สามารถเข้ากับลำโพง KEF ได้เป้นอย่างดี
ให้ดีที่สุดเราแนะนำ KEF R50 สองคู่เล่นเป็น 7.1.4 เสียงจะดีและได้บรรยากาศของ Dolby Atmos แบบเต็มๆกว่า 7.1.2 หรือ 5.1.2 ครับ
