วันนี้เรามีบทความแปลของ KLIPSCH มาให้อ่านกันเล่นๆครับ
บทความต้นฉบับก่อนแปล: http://www.klipsch.com/blog/made-in-usa-speakers/
ในปัจจุบันถึงแม้ฐานการผลิตส่วนใหญ่จะย้ายไปสู่ประเทศจีน ดินแดนที่ขึ้นชื่อในเรื่องของค่าแรงที่ถูกแสนถูกและบริษัทลำโพงระดับโลกเกือบจะทุกแห่งต่างเฮละโลกันย้ายฐานการผลิตไปไว้ที่จีนกันเกือบหมด เหตุผลก็เพื่อราคาที่สามารถแข่งขันได้นั่นเอง
แต่ถึงกระนั้นนะครับก็ยังมีลำโพงบางรุ่นบางตัวของ Klipsch นะครับที่ยังคงเหนียวแน่นในฐานการผลิตที่ Hope Arkansas USA อยู่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามนะครับ แต่ในฐานะผู้ซื้อลำโพงเหล่านี้มาใช้ มันยังคงมีความมั่นใจ ความภูมิใจลึกๆว่า เออเว้ย ลำโพงข้าอย่างน้อยมันก็ Made in USA ไม่ว่าจะเป็น QC งานประกอบ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆมันก็น่าจะดีกว่า แน่นอนกว่า และมั่นใจได้ว่าได้สินค้าที่เทียบเท่ากันทุกๆล๊อตกว่าผลิตในจีนละน่า
โดยนับย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 1946 ที่ Paul W.Klipsch ได้ประกอบลำโพงขึ้นมาขายในเมืองเล็กๆอย่าง Hope, Arkansas ที่ประกอบลำโพงฮอร์นขึ้นมาเอง ตัวตู้ก็ซื้ออุปกรณ์ง่ายๆมาจากร้านในเมือง และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆในโรงงานผลิตลำโพงของ Klipsch ในเมือง Hope, Arkansas โดยแม้ว่าปัจจุบันบริษัทแม่ของ Klipsch จะย้ายไปตั้งอยู่ใน Indianapolis, Indiana ก็ตาม แต่ Klipsch ยังคงโรงงานที่นี่เอาไว้และตั้งปณิธานและพยายามที่ประทับตราและผลิตใน USA เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าลำโพงที่เราผลิตนั้นมีคุณภาพไม่แพ้ใครในโลกที่จะถ่ายทอดคุณภาพเสียงจากดนตรีสด หรือดนตรีทุกประเภทให้ไปสู่ห้องนั่งเล่นในบ้านของทุกคนให้จงได้
ทีนี้เรามาดูกันครับมีลำโพงอะไรบ้างที่ยังผลิต Made in USA บ้าง
RF-7 II เป็นลำโพงรุ่นเรือธงสูงสุดในซีรี่ย์ Reference II ที่เลิกผลิตไปแล้วทุกตัว แต่ยกเว้นสำหรับ RF-7 II นั้นยังผลิตต่อเนื่องอยู่ โดยเอกลักษณ์ก็คือดอกลำโพงขนาดยักษ์ 10 นิ้วสีทองแดง ความไวระดับ 101 dB (Sensitivity) ผิวลำโพงสีดำลายไม้ real wood แล้วพละกำลังจากลำโพงที่มหาศาลที่จะจำลองอิมแพคในการดูหนังและฟังเพลงให้ได้บรรยากาศแบบโรงหนังและเวทีคอนเสิรต์มาไว้ในบ้านได้เลยทีเดียว
บ่อยครั้งที่แฟนๆผู้ใช้ RF-7 II ในอเมริกาชอบเปรียบเทียบลำโพงรุ่นนี้กับรถอเมริกัน (american muscle) เช่น Dodge Charger, Ford mustange อะไรเทือกๆนี้ สาเหตุที่เอาไปเปรียบกับรถจำพวกนี้นั่นก็เป็นเพราะความทรงพลัง เสียงที่ดัง ความใหญ่โต สะใจชนิดที่ว่าถูกใจคอฮาร์ดคอร์ และดีไซน์ที่ทื่อๆแต่ดูมีเสน่ห์และน่าทึ่งนั่นเองครับ
ลำโพงอีกตัวในซีรี่ย์ Reference II ที่ยังคงผลิตอยู่ นั่นคือลำโพงเซ็นเตอร์อันยิ่งใหญ่ในตำนาน Klipsch RC-64 II นั่นเป็นเพราะขนาดตัวของมัน ขนาดดอกที่ใช้ดอกใหญ่ถึง 6.5" x 4 ดอก ถ้าจะให้กล่าวถึง RC-64 II เราก็กล้าจะพูดว่าในราคานี้จะหาลำโพงเซ็นเตอร์ที่ให้เสียงในการดูภาพยนตร์ดีกว่า ยิ่งใหญ่กว่านี้ ให้พละกำลังมากกว่านี้นั้นยากเต็มทน (ภายใต้ราคานี้นะ)
และพิเศษที่สุดที่เราอยากจะบอกก็คือ นี่เป็นลำโพงที่เป็นผลผลิตจากการสร้างแบบ Hand Made แท้ๆจากโรงงาน ใน USA Hop Arkansas
และตัวนี้คือเนื้อคู่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ match กับลำโพงคู่หน้าตัวใหญ่ๆ เสียงใหญ่ๆทรงพละกำลัง และจะมีใครเหมาะไปกว่านี้ได้อีกนอกจาก Klipsch RF-7 II
นี่คือลำโพงที่ Paul W. Klipsch ตั้งใจบรรจงสร้างเป็นลำโพงสำหรับฟังเพลงโดยเฉพาะ และเพื่อวัตถุประสงค์ในการถ่ายทอดเสียงดนตรีสด (Live Music) ให้มาอยู่ในบ้านได้อย่างไพเราะ ด้วยเสียงสูงที่หวาน กรอบ ทอดยาว และเสียงต่ำที่ลงได้ลึกแต่ทว่านุ่มนวล ลำโพง Klipschorn คือที่สุดของความคลาสสิคที่สามารถถ่ายทอดวัฒนธรรม บทเพลง และวิถีชีวิตของชาวอเมริกันอย่างแท้จริง
และสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยตลอดตั้งแต่ 1946 นั่นคือการออกแบบของ Klipschorn นั้นไม่เคยเปลี่ยนและยึดมั่นในรูปแบบของตัวตู้และดีไซนแบบนี้มาอย่างแน่วแน่ และด้วยสายการผลิตของ Klipschorn ที่ยังคงยาวนานมากว่า 70 ปี ไม่เคยหยุด ไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั้นการันตีในความยอดเยี่ยมในการถ่ายทอดบทเพลงและทุกสรรพเสียงของวิถีแห่งอเมริกันออกมาได้อย่างไม่มีข้อกังขา เหมือนกับที่บางคนนิยามกับ Klipschorn ว่าตราบใดที่มันยังดีอยู่ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือซ่อมมัน "“if it ain’t broke, don’t fix it"
ลำโพงตัวนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อโรงละคร โรงโอเปราที่ยิ่งใหญ่ที่ชื่อ Teatro alla Scala ในอิตาลี และ La Scala ถูกเผยโฉมครั้งแรกบนโลกใบนี้ในปี 1963 เพื่อเป็นทางเลือกอื่นสำหรับคนที่ไม่อยากได้ลำโพง Klipschorn
โดยไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง เนื้อเสียง การถ่ายทอดประสบการณ์และบทเพลงที่ยอดเยี่ยมคล้ายกับ Klipschorn แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ La Scala นั้นถูกดีไซน์ให้ไม่จำเป็นต้องตั้งมุมห้องเหมือน Klipschorn
ด้วยการออกแบบที่ใช้ลำโพงแบบ Full Horn-loaded แบบสามทาง ทำให้ถูกเลือกให้ติดตั้งในที่ทำการรัฐของของ Arkansas และก็มีแฟนๆทั่วโลกที่ถูกอกถูกใจในน้ำเสียงของลำโพงตัวนี้ โดยเฉพาะดาราชื่อดังอย่าง Elijah Wood (Lord of the Rings) ที่เข้าขั้นคลั่งไคล้และชอบเสียงเจ้าลำโพงตัวนี้เอามากๆเสียด้วย
ถ้าจะกล่าวว่า Cornwall คือลำโพงที่เป็นพี่ใหญ่ของ Heresy ก็คงไม่ผิด เนื่องจากวันแรกที่ถูกเผยโฉมสู่ชาวโลกในปี 1959 ด้วยความที่ลำโพง Cornwall ถูกออกแบบให้ตอบสนองความต้องการในด้านพละกำลัง ความยิ่งใหญ่ที่เหนือกว่า เหมาะกับห้องที่ใหญ่กว่า Heresy
หลังจากนั้น Cornwall ก็ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้ปรัชญาที่จัดเต็มในเรื่องพละกำลังเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ในแบบของลำโพงสามทาง และดอกลำโพงยักษ์ใหญ่ขนาด 15 นิ้ว
Klipsch เคยตัดสินใจหยุดการผลิต Cornwall ในปี 1990 แต่หลังจากนั้นพวกเค้าก็รู้ตัวว่าคิดผิด เพราะเสียงเรีกยร้องและความชื่นชอบของแฟนๆลำโพง Cornwall นั้นมีมากมายกว่าพวกเค้าคาดคิดมากนัก ทำให้พวกเค้ากลับมาผลิต Cornwall ต่อจนถึงปัจจุบันที่เป็น version III
ลำโพง Heresy ถูกเผยโฉมต่อชาวโลกในปี 1957 โดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นลำโพงเซ็นเตอร์สำหรับลำโพง Klipschorn และจะว่าไปนี่ก็เป็นลำโพงเซ็นเตอร์ตัวแรกที่ Klipsch ผลิตขึ้นมาก็ว่าได้ (แม้หน้าตามันจะไม่เหมือนลำโพงเซ็นเตอร์ก็ตามทีเถอะ)
ภายหลัง Heresy มีแนวทางในการออกแบบและเสียงในแนวทางของตัวเองและแตกต่างจากลำโพง Heritage ตัวอื่นๆที่กล่่าวมาข้างบน จนมีคำกล่าวจาก Steven Guttenberg (ดารานักแสดงอเมริกัน) ลงในบทความของ Stereophileว่านี้แหละคือลำโพงในฝันของร๊อคแอนด์โรลที่แท้จริง "A little Heresy is good for the soul."
Palladium Series คือที่สุดของลำโพงของ Klipsch ที่ถูกผลิตขึ้นมาภายใต้คอนเซปที่ว่า สร้างลำโพงที่ดีที่สุดภายใต้งบประมาณที่ไม่จำกัด โดยวิศวกรได้ทุ่มเทสรรพกำลังในการออกแบบลำโพงที่ดีที่สุดทั้งในด้านดีไซน์ ตัวตู้ ดอกลำโพง วัสดุที่ใช้ และรวมไปถึงเสียงที่ดีที่สุด โดยงานนี้ได้ดึง BMW North America มาช่วยออกแบบกันเลยทีเดียว และลำโพงในซีรี่ย์นี้คือความภาคภูมิใจของ Klipsch และผู้ที่ครอบครองลำโพงซีรี่ย์ทุกคนว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุด สิ่งที่สะท้อนความสำเร็จ รสนิยม ความเป็นที่สุดของงานศิลปะ รวมไปถึงเสียงที่กระชากวิญญาณและดึงกลิ่นอายของผืนแผ่นดินและจิตวิญญาณของชาวอเมริกันออกมาผ่านทางลำโพงกันเลยทีเดียว
THX Ultra คือลำโพงผลิตที่อเมริกาที่ตั้งใจและบรรจงสรรค์สร้างให้เป็นลำโพงที่ถ่ายทอดเสียงในการรับชมภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม โดยมีความมุ่งมั่นในการตอบสนองเสียงจากโรงภาพยนตร์ให้มาสู่บ้านหรือห้องชมภาพยนตร์ส่วนตัวให้ได้มาตรฐานเสียงของระบบ THX ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผลตอบรับจากลำโพงซีรี่ย์นี้ไม่มีคำไหนที่เหมาะไปกว่าคำว่า สุดยอด ไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง และสามารถเร่งได้ดังโดยความเพี้ยนต่ำ และนี่คือลำโพงที่ถูกสร้างมาเพื่อดูหนังอย่างแท้จริง
ลำโพงสำหรับงาน Professional เป็นอีกซีรี่ย์นึงที่ Klipsch ทำออกมาเพื่อรองรับงาน PA ต่างๆเช่น โรงหนัง สนามแข่งรถ ร้านอาหาร หรือแม้แต่เวทีแสดงคอนเสริต์ต่างๆ เหล่านี้ทั้งหมดถูกผลิตและดีไซน์ใน USA Hope Arkansas ทั้งหมดเฉกเช่นเดียวกับ Heritage series
เหตุผลและข้อดีที่ Klipsch ผลิตลำโพงในงาน Professional เหล่านี้ใน Hope Arkansas ก็เป็นเพราะว่าง่ายในการออกแบบลำโพงให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจ และสามารถสร้างได้เลยและสะดวกในการชิปหรือจัดส่งไปที่ต่างๆทั่วโลกนั่นเอง
ในอนาคตนั้น Klipsch ยังมุ่งมั่นที่จะพยายามรักษาฐานการผลิตในอเมริกา Hope Arkansas เอาไว้ให้มากที่สุด
และรวมไปถึงลำโพงตัวใหม่ล่าสุด Wireless speaker ที่ถูกนำไปโชว์ในงาน CES เมื่อต้นปีก็มีแพลนจะผลิตใน USA Hope, Arkansas ด้วยเช่นกัน
แล้วคุณละครับ เป็นเจ้าของลำโพง Klipsch ที่ผลิตในอเมริกาแท้ๆตัวไหนบ้าง เราเชื่อว่าใครก็ตามที่ได้มีโอกาสที่เป็นเจ้าของลำโพงเหล่านี้ ย่อมมีความภูมิใจเล็กๆที่ได้ครอบครองจิตวิญญาณและความภาคภูมิใจของ Klipsch และชาวอเมริกันผ่านในทุกสรรพเสียงที่ถูกบรรเลงผ่านลำโพงเหล่านี้ไม่มากก็น้อยครับ
หน้าที่เข้าชม | 2,192,238 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,301,075 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |