วันก่อนเรามีโอกาศไปส่ง Klipsch THX Ultra 2 KL525 และลำโพงเซ็นเตอร์อย่าง Klipsch RC-64 ii ให้ลูกค้าแถววิภาครับ
ห้องนี้จริงๆ เป็นลูกค้าเก่าของเราเองที่ซื้อ Klipsch RF-7 II ไปเมื่อปีก่อนนี่เอง
วันนี้เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตอนบ่านสามว่าอยากจะได้ Klipsch THX มาทำ Surround back และอยากจะลองเปลี่ยนลำโพงเซ็นเตอร์จากเดิม Paradigm มาเป็น Klipsch RC-64 II ดูบ้าง จะได้เข้ากับลำโพงคู่หน้าที่เป็น RF-7 II
หลังจากวางหูเราก็จัดส่งแบบด่วนให้ จัดของขึ้นรถ แล้วบึ่งไปบ้านลูกค้าประมาณ 6 โมงเย็นพอดิบพอดี ไปถึงก็เห็นห้องที่คุ้นเคย อุปกรณ์ทุกอย่างยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์เหมือนเดิมทุกประการ (ทนจริงๆ 555) ทั้งลำโพงหน้า เซ็นเตอร์และแอมป์ต่างๆ
จะมีเพิ่มขึ้นก็คือแต่เดิมลูกค้าเป็น 7.2 แต่ตอนนี้เพิ่มเติม Atmos ขึ้นมาแล้วเป็น 7.2.4 แต่หลักๆแล้วทุกอย่างก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมาก
ซิสเต็มลูกค้ามีดังนี้
------------------------------------
1. Marantz 8802
2. Audyn MA9
3. Klipsch RF-7 II
4. Klipsch RC-64 II
5. Klipsch THX KL525
6. Klipsch THX KS525
7. Atmos XAV
8. SVS Pb13 Ultra x 2
------------------------------------
ภายในห้องฟังลูกค้า ค่อนข้างเป็นห้องฟังที่ใหญ่ห้องนึง พื้นที่กะเอาว่าน่าจะประมาณ 5*7 เห็นจะได้ ขุมพลังขับเคลื่อนโดย Audyn MA9 ที่ใหญ่จนไม่รู้จะใหญ่ยังไง และภาคปรีก็ได้ Marantz 8802 มาควบคุมภาคเสียงทั้งหมด และกองหน้าเดิมนั้นเป็น Paradigm และ Klipsch RF-7 ii ที่เป็นลำโพงที่ใหญ่โตมากๆ ดอก 10 นิ้ว
หลังจากยกของเข้าห้องกันเสร็จ ก็จัดการ unpack กล่อง และวางเทียบกับเซ็นเตอร์ตัวเดิม ก่อนจะยก paradigm ลงจากชั้นวาง และอันเชิญ Klipsch RC-64 ii เข้าไปแทนที่ ซึ่งความกว้างของเซ็นเตอร์ทั้งสองตัวนี้กว้างเกือบจะเท่ากันเลย ทำให้พอวางลงบนชั้นวางแล้ว พอดีเด๋ะแบบไม่เกินและไม่ขาดจากชั้นวางเลยครับ
ส่วนขุมพลังความถี่ต่ำก็ผลักดันโดย SVS PB13 Ultra ซึ่งต้องบอกว่าเหมาะสมมากๆแล้ว เพราะห้องใหญ่มาก ถ้าใช้ตู้ปิดอาจจะไม่รอดได้ และตัว PB13 นี้เป็นซับตู้เปิดขนาดดอก 13 นิ้วที่ทรงพลังมากๆ และตัวใหญ่มากๆด้วย เบสลงทีคลื่นความถี่ต่ำแผ่มาตามพื้น พรึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆ มาถึงหน้าแข้งแบบชัดเจน
ส่วนลำโพง Atmos นั้นใช้แบบแขวนและใช้ลำโพง XAV แทนลำโพงฝังฝ้า
หลังจากนั้นก็ช่วยกันเอาลำโพงเซอราว์เดิมออก (Klipsch RB61 ii) และเอา Klipsch THX KL525 มาแทน ต่อสายลำโพงอะไรกันเรียบร้อยก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เปิดหนังเทสกันเลยครับ ก่อนที่มันจะดึกไปกว่านี้
ด้วยเนื้อเสียงและความไวของลำโพง Klipsch RC-64 II นั้นมีความไว 97 dB ทำให้ความดังของเสียงนั้นดังกว่าของเดิม เนื้อเสียงของ RC-64 II ค่อนข้างสมจริงติดชัดเจน ละเอียด พุ่ง แต่เนื้อเสียงจะไม่บู๊ทเนื้อเสียงให้ใหญ่และอวบเท่าเซ็นเตอร์ตัวเดิม
กว่าจะเสร็จก็ล่วงเลยไปเกือบ 2 ทุ่ม ก็อำลาห้องลูกค้าท่านนี้และให้เบิร์นลำโพงกันไปก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่
ห้องดูหนังของลูกค้าเลือกใช้แต่ของดี ใส่ใจและแมทชิ่งแนวเสียงแตกต่างกันหลายตัว เพื่อไม่ให้เสียงออกโทนจัดและสดจนเกินไป มีไอเท็มหลายตัวที่ตัดสด และลดความจัดจ้านของซิสเต็มได้ดีเพราะ Klipsch นั้นก็รู้ๆกันอยู่ว่าโหด และเด่นกลางแหลม ดังนั้นเบสจึงได้ SVS มาช่วย ส่วนภาคการ process เสียงก็ได้ Marantz 8802 ที่รู้ๆกันว่าเด่นเรื่องบรรยากาศ รายละเอียด และความพริ้ว ก็ช่วยลดความสดของ Klipsch ลงได้เช่นกันครับ
ดังนั้นซิสเต็มนี้จึงเป็นซิสเต็มที่ค่อนข้างมีความบาล้านซ์มาก และไม่เด่นไปด้านใดด้านหนึ่ง ทำให้ฟังสบาย มีความ flat ดูหนังได้นาน ไม่โหดเกินไป และก็ไม่นุ่มจนเกินไป งานนี้ต้องขอชมทักษะในการแมทชิ่งและการเลือกอุปกรณ์ของเจ้าของจริงๆครับ ยอมรับครับว่า Klipsch ก็ฟังง่ายสบายหู เสียงดีได้เช่นกัน
ปล. การแมทชิ่งคือสิ่งสำคัญที่สุดนะครับ ถ้าเราอยากได้เสียงเช่นไร ก็ต้องเลือกอุปกรณ์ให้ออกมาในโทนนั้น หากอยากได้ดุ อาจจไปด้วยแอมป์ทางฝั่งอเมริกันหรือแคนาดาอย่าง Anthem, Emotiva ก็รับรองว่าดุเด็ดสะเด็ดใจแน่
แต่หากบอกว่าอยากได้ความสมดุล ฟังง่าย ไม่ตูมตามนัก การเลือกใช้อุปกรณ์ที่เป็นหัวใจสำคัญอย่างปรีนั้นคือสิ่งสำคัญที่สุด อย่าง Marantz ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะโทนเสียงค่อนข้างสมดุล ไม่จัดหรือตูมตามเกินไป
ส่วนความถี่ต่ำนั้น ขึ้นอยู่กับรสนิยมและความชอบของคุณเลยครับ ว่าคุณชอบแนวไหน แต่แนะนำว่าหากเป็นซิสเต็มดุๆ แนวดูหนัง แนว cinema แนว THX นั้นขอจงเลือกซับวูฟเฟอร์ที่เป็นแนวดุดันเป็นหลักเท่านั้น จงอย่าไปใช้ซับแนวฟังเพลง ซับนุ่มๆ ละมุนๆ (ขอไม่ยกตัวอย่างเดี่ยวกระทบผู้นำเข้า) เพราะการใช้ซับแนวละมุน นุ่มๆกับชุดดูหนังที่โทนเสียงแนวดุดันนั้นจะทำบรรยากาศดูหนังนั้นดรอปลงมาเยอะมาก
และเหนืออื่นใดสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกโทนเสียงของซิสเต็มนั่นก็คือลำโพง ลำโพงเป็นตัวเดียวที่มีผลที่สุด มีผลเยอะสุด ดังนั้นเลือกลำโพงผิดตัวเดียว ทั้งซิสเต็มจะผิดไปทั้งหมด เหมือนติดกระดุมผิดเม็ดแรก เม็ดอื่นก็ผิดตามๆกันไป จงอย่าเห็นแก่ของถูกเลือกซื้อลำโพงรุ่นล่างๆเพราะมันถูก และคิดเอาเองว่าเสียงมันจะเหมือนรุ่นบนๆที่สร้างชื่อของแบรนด์นั้นๆ สิ่งที่ควรลงทุนมากที่สุดในระบบ home theater คือลำโพงและแอมป์ ไม่ใช่เส้นสายหรือ Accessories ดังนั้นเลือกลำโพงให้ดีที่สุด ให้ตรงกับเสียงแนวที่ชอบที่สุด แล้วที่เหลือการแมทชิ่งจะง่ายไปกว่าครึ่งแล้วครับ
ปล2. คำพูดที่่ว่า เส้นสายนั้นไม่ควรเล่นเกิน 10-20% ของราคาซิมเต็มนั้นไม่ใช่คำกล่าวเกินจริง ผมคิดว่ามันคือกุศลโยบายอย่างนึงในการเตือนสตินักเล่นว่าจงอย่าทุ่มเทกับอะไรที่มันไม่ส่งผลมากในระบบ ผมไม่ปฏิเสธว่าเส้นสายมันมีผล มีผลจริงๆครับ แต่เหตุผลที่เราไม่ควรทุ่มเทเม็ดเงินไปกับสายมากเกิน 10-20% ของราคาซิสเต็มนั้นเป็นเพราะว่า ส่วนใหญ่เส้นสายและอุปกรณ์นั้นมีผลกับเสียงในระบบไม่เกิน 10-20% นั่นเองครับ
ผมเคยเห็นคนใช้ Klipsch Quintet V, ใช้ polk tsi, ใช้ wharfedale diamond แต่ใช้สาย Rocket 88 ถามว่าดีมั๊ย ดีครับ แต่ถ้ามาถามผม ผมจะบอกว่าเอาเงินซื้อสายแพงๆ มาซื้อสายถูกๆ สายทองแดงบ้านหม้อ แล้วเอาเงินนั้นไปซื้อลำโพงที่สูงกว่านี้จะเห็นผลกว่า
เส้นสายก็เหมือนน้ำมันรถ หรือกรองอากาศ ท่อไอเสีย ถามว่ามีผลมั๊ย มีครับ แค่เติมน้ำมันเกรดพรีเมี่ยมก็เห็นผลแล้วว่ารถมันวิ่งดีขึ้น แต่รถวิ่งดีขึ้นแค่ไหนครับ???? ตอบว่า มันวิ่งดีได้เท่าที่เครื่องยนตร์ เท่าที่รถเราจะดีได้นั้นแหละ
ส่วนเส้นสายจะช่วยให้ซิสเต็มเราฟังดีได้แค่ไหน ก็ตอบว่า ให้ดีได้เท่าที่ลำโพงเรา และแอมป์เรามันไปได้แค่นั้นแหละครับ ไม่มีทางที่เส้นสายหลักแสน จับลำโพงหลักหมื่นจะทำให้ลำโพงหลักหมื่นกลายเป็นหลักแสนไปได้
ตรงกันข้ามหากลำโพงหลักแสน จับกับสายหลักหมื่น ยังไงลำโพงก็ยังให้เสียงที่ดีกว่าขอข้างบนครับ และยิ่งลำโพงหลักแสนได้จับกับสายดีๆที่แมทชิ่งกัน ก็ยิ่งไปได้ไกลขึ้นไปอีกครับ
ที่กล่าวมานี้ไม่ได้จะบอกว่าเส้นสายไม่ดี ดีครับ แต่เล่นให้มีลิมิท เส้นสายก็เหมือนตัวคูณ 10-20% คือมากสุดที่มันให้ได้ ลำโพงและแอมป์ต่างหากคือของจริง performance ของลำโพงและแอมป์ยิ่งมาก พอเจอตัวคูณอย่างเส้นสายเข้าไปก็ยิ่งส่องประกายให้เสียงดีขึ้นมาก
เล่นอย่างมีสติและให้สมเหตุสมผล ให้มีความสมดุล และที่สำคัญที่สุด เล่นให้ตรงกับความตรงการและความชอบของตัวเองครับ อย่าเล่นเพราะร้านเชียร์ หรืออย่าเล่นเพราะเพื่อนชอบ เพราะคนที่ฟังและใช้ชีวิตอยู่กับเครื่องเสียงไปอีกเป็น 10 ปี นั้นคือคุณเอง...
ราคา Klipsch Rf-7 II: http://www.whatthatsound.com/product/7/klipsch-rf-7-ii-black
ราคา Klipsch RC-64 II: http://www.whatthatsound.com/product/22/klipsch-reference-rc-64-ii-black
ราคา Klipsch THX KL525: http://www.whatthatsound.com/product/44/klipsch-kl-525-thx-bookshelf
ราคา Klipsch THX KS525: http://www.whatthatsound.com/product/42/klipsch-ks-525-thx-surround-speakers
ราคา SVS PB13 Ultra: http://www.whatthatsound.com/product/322/svs-pb-13ultra
ราคา audyn MA9: http://www.whatthatsound.com/product/255/audyn-ma9
หน้าที่เข้าชม | 2,192,372 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,301,209 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |