Klipsch Wireless Kit (WA-2) ตัวช่วยให้ซับ Klipsch ธรรมดาๆ แปลงร่างเป็น Wireless Subwoofer แบบง่ายๆ

Klipsch Wireless Kit (WA-2) สำหรับต่อซับวูฟเฟอร์แบบใช้สายของ Klipsch ให้กลายเป็น Wireless Subwoofer
วันก่อนได้มีโอกาสเอาตัวนี้ไปติดตั้งให้ลูกค้าที่บางแค ซึ่งเอาจริงๆผมก็ไม่เคยลองใช้งานจริงๆเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาก็ต่อแบบใช้สายซับมาโดยตลอด วันนี้ฤกษ์งามยามดี ได้มีโอกาศแกะกล่อง และก็ได้ติดตั้งให้กับซับวูฟเฟอร์ Klipsch R115SW
ก็เลยจะมาแนะนำวิธีการใช้งานและข้อดีข้อเสียกันครับ
เริ่มจากตัวนี้ Klipsch WA-2 เป็นตัว Subwoofer Wireless Kit ของ Klipsch โดยเฉพาะ ออกแบบและใช้งานได้กับซับ Klipsch และเครือญาติของมันเท่านั้น เช่น Jamo, Energy
แกะกล่องออกมาจะพบว่ามีอุปกรณ์ให้มาดังนี้
ตัวนี้จะติดตั้งไว้ที่ฝั่งซับวูฟเฟอร์ โดยออกแบบให้มีที่เกี่ยวแขวนไว้กับตัวซับที่ด้านหลังได้เลย โดยการต่อนั้นจะต่อสายที่ตัวรับสัญญาณเข้ากับช่องที่ทำมาไว้เฉพาะสำหรับซับ Klipsch โดยเฉพาะที่เรียกว่าช่อง WA2
เราแค่เอาสายที่ตัวรับสัญญาณเสียบเข้าไปก็เป็นอันเสร็จ ไม่ต้องเสียบปลั๊กไม่ต้องอะไร แค่แขวนไว้ที่ด้านหลังซับ เสียบเข้ากับตัวซับ
ตัวนี้จะติดไว้ฝั่ง AVR, Pre หรือพูดง่ายๆก็ติดไว้ฝั่งเครื่องเล่นเรานั่นเอง โดยฝั่งนี้จะมีอแดปเตอร์ให้เสียบกับปลั๊กไฟ และมีสายสัญญาณมาให้หนึ่งเส้น เราก็แค่เอาตัวส่งสัญญาณเสียบปลั๊กไฟ แล้วเอาสายสัญญาณเสียบจากช่อง Subwoofer out หรือถ้าเป็น บางเครื่องหรือ Int amp ก็จะเป็น pre out หรือช่องอะไรก็ได้ที่ส่งสัญญาณเสียงออกมาก็ใช้ได้หมด
ส่วนปลายอีกข้างก็เสียบเข้ากับตัวส่งสัญญาณก็เสร็จ
แนะนำว่าสายสัญญาณที่แถมมาให้เป็นสาย RCA สั้นๆธรรมดาๆแบบพื้นๆแค่พอต่อได้ ถ้าเป็นไปได้หาสายสัญญาณดีกว่านี้มาเสียบน่าจะดีกว่า หรือถ้าไม่อยากลงทุนก็เอาสายซับเรานั่นแหละครับ (สาย 1 ออก 2 ธรรมดาๆ) มาเสียบแทนสายสัญญาณที่แถมมาได้เลย ปกติสายซับมันจะยาวหน่อยแต่ ไม่เป็นไร ใช้แทนกันได้
ที่ตัวเครื่องจะมีให้ปรับได้ 3 ค่า โดยเป็นการปรับความแรงของสัญญาณ โดยมีให้สามค่านั่นคือ 0, +, -
ค่า default จะตั้งค่าอยู่ที่ 0 และหากบางห้องที่สัญญาณส่งไปไม่ถึง หรือเบา (เปิดฟังที่ซับถ้าเบากว่าปกติ) ก็สามารถตั้งมาที่ + เพื่อบู๊ทสัญญาณให้แรงขึ้น
หรือถ้าบางห้องสัญญาณมันแรงไป ก็สามารถปรับมาเป็น - เพื่อให้สัญญาณมันเบาลงได้
ในกรณีห้องของลูกค้าท่านนี้ผมเปิด + ไว้
พอต่อเสร็จก็หาที่วางเจ้าตัวส่งสัญญาณเอาไว้ให้เหมาะๆ ก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี
พอต่อเสร็จ เทสฟังเสียง ตอนนี้ซับ Klipsch R115SW ของเราก็จะกลายร่างเป็น Wireless Subwoofer ที่ไร้สาย สามารถลากไปวางตรงไหนของห้องก็ได้แล้ว ตรงนี้อาจจะต้องลองเซ็ทและปรับ delay หรือ distant ที่ตัว avr/pre ดูใหม่ด้วยนะครับ
ซึ่งในเคสของลูกค้าเรานั้น จะลากไปวางไว้หลังห้องสุด ตรงข้างเตียง หลังจากลองเปิดหนังดูก็รู้สึกว่าเบสใช้งานได้ดี หนักและอิมแพคจุกและได้บรรยากาศเบสที่ดี เพราะซับมันอยู่ตรงข้างเตียงเลย แต่ละลูกมานอกจากจะได้เบสที่อิมแพคแน่นๆแรงๆแบบเต็มๆแล้ว ยังได้บรรยากาศเตียงสั่นตามจังหวะของเบสแต่ละลูกด้วยครับ
ผมนั่งฟังอยู่แป๊ปเดียวยังชอบในบรรยากาศแบบนี้เลย
ช่วยประหยัดค่าสายซับ เซ็ทอัพง่าย ลากไปตรงไหนของห้องก็ได้ ใช้งานง่าย และสัญญาณเบสมาเที่ยงตรง ไม่ดีเลย์และหนักแน่นพอๆกับใช้สาย เซ็ทอัพดีๆก็ได้เสียงที่ดีไม่แพ้ลากสายยาวๆเหมือนกัน
สัญญาณอาจจะดรอปหรือไม่มาตรฐานเท่าใช้สาย สังเกตจากบางห้องถ้าห้องใหญ่ๆหรือมีซอกหลืบ หรือสัญญาณเบสจาก AVR/Pre มาอ่อนเอง สัญญาณจากตัวรับก็จะน้อย ซึ่งตัวนี้ปรับช่วยที่ตัวส่งสัญญาณให้ส่งไปแรงขึ้นได้ แต่ข้อเสียคือมันจะได้ความดังที่ไม่มาตรฐานและไม่เท่ากับใช้สายครับ
ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการใช้สายอาจจะทำได้ดีกว่าแบบ wireless เพียงแต่ตัว WA-2 ตัวนี้ อาจทำได้ดีที่สุดคือใกล้เคียงการใช้สาย แต่ก็อาจจะแทนที่สายซับวูฟเฟอร์ไม่ได้ 100% และ WA2 เหมาะกับคนที่ต้องการความง่าย ไม่ชอบอะไรยุ่งยาก และอาจจะต้องยอมรับกับการดรอปของสัญญาณ (บ้างนิดหน่อยในบางห้อง)
แต่ก็ได้ข้อดีตรงหาที่วางซับได้ง่ายไม่ต้องลากสายกันยาวๆให้สิ้นเปลืองหรือเกะกะครับ

ส่วยตัวผมว่าดีครับ เสียงไม่ได้ขี้เหร่ และสามารถใช้งานแทนสายได้เลยโดยไม่สังเกตว่ามันแย่ ช้า หรือดรอปแต่อย่างใด ถ้าไม่ฟังแบบ AB Test หรือจับผิดจริงๆ ผมว่าฟังไม่ออก และยิ่งถ้าเป็นคนใช้งานทั่วๆไปที่ไม่ได้จับผิดหรือซีเรียสมากนัก ตัว WA2 นี้ผมว่าแทนที่สายซับได้ค่อนข้างดีมากๆ และใช้งานง่ายด้วยครับ