วันนี้เราได้ฤกษ์ แกะกล่องเจ้า RP-280F น้องชายฝาแฝดของ RF-82 II แต่งานนี้น้องชายดูเหมือนจะมีอะไรที่แตกต่างจากพี่ชายอยู่บ้างพอสมควรครับ
เรามีบทความ First impression เล็กๆ ของ Klipsch RP-280F ลองฟังเทียบกับ Klipsch RF-82 มาฝากกันครับ
มา ดูกันว่าในกล่อง RP-280F มีอะไรให้มาบ้างและความรู้สึกแรกที่เราเอา RF-82 ออก แล้วเอา RP-280F มาตั้งแทนนั้น เราได้อะไรมาเพิ่มและเสียอะไรไปบ้าง
หลังจากที่เราได้เจ้า Klipsch RP-280F มาตั้งที่ห้องเกือบร่วมๆเดือนแล้ว แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีโอกาศได้แกะมาเทสซะทีครับ
ไม่ ใช่อะไรครับ มีสองเหตผลหลักๆคือ เหนื่อยครับกล่องมันใหญ่มากน้ำหนักร่วม 30 โล (ต่อข้าง) กว่าจะแกะ กว่าจะลากเอาตัวเก่าออก เอาตัวใหม่ไปใส่แทน ทำคนเดียวนี่เหงื่อตกครับ
เหตผลข้อสองคือ พอสั่ง RP-280F มาสักแป๊ปก็จะมีลูกค้าสั่งไปใช้ก่อนทุกทีเป็นแบบนี้มา 2-3 รอบแล้ว รอบนี้เราสั่งมาและได้ฤกษ์ดี เนื่องจากมีลูกค้าที่สุราษมารับช่วงต่อ RF-82 ไปดูแลต่อครับ
เราเลยจัดส่ง RF-82 ไปสุราษและจำเป็นต้องแกะกล่องเจ้า RP-280F กันใช้แทน (ไม่งั้นก็ตั้งไว้แบบนี้ไม่ได้แกะกันซะที)
กล่องนั้นมีขนาดพอๆกับตัวเก่าครับ สเตปการแกะให้ง่ายๆนั้นก็
1. เปิดหัว
2. เทกล่องคว่ำลง
3. ดึงกล่องขึ้น (อันนี้บ้านใครหลังคาเตี้ยสัก 2.5 - 2.8 เมตรนี่บอกเลยครับว่าติดแน่นอน หุหุ)
4. ทีนี้จะได้ลำโพงเปลือยๆห่อหุ้มด้วยพลาสติกและโฟม เราก็จับมันคว่ำลงให้หัวมันหงายขึ้นอีกทีแล้วจัดการเอาโฟม 3 ชิ้นที่ทำหน้ากันรับแรงกระแทกออก
5. สุดท้ายก็เอาพลาสิกหุ้มออก แค่นี้ก็ได้ลำโพง RP-280F แบบเปลือย เนียนๆ มายืนโชว์หุ่นให้ดูตรงหน้าแล้วครับ แต่นเต้น สวยมั๊ยครับ
เอาละก่อนมาลากมันเข้าไปลองฟัง ผมขอรีวิวในแง่ของ Cosmetic งานประกอบ และความเรียบร้อยเมื่อเทียบกับตัวเก่า Rf-82 กันดูนะครับ
1. หน้าตามันนั้นแน่นอนครับ สวยขึ้น เนี๊ยบขึ้บ
RF-82 II นั้นมีหน้ากากพลาสติกสีดำมาปิดที่ด้านหน้าลำโพงทั้งแผง ทำให้ดูภาพลักษณ์อาจจะดู Look cheap ไปนิด แต่ RP-280F ไม่มีหน้ากากพลาสติกมาปิด ผิวหน้าจะโชว์ลายไม้และดอกลำโพงสีทอง รวมถึงมีโลโก้ Klipsch สีทองเด่นตะหง่านอยู่ที่ด้านหน้า อธิบายแบบนี้อาจจะไม่เข้าใจว่ามันดูดีขึ้นยังไง เราเลยอยากเปรียบให้เข้าใจง่ายๆ RF-82 II ก็เหมือนหนุ่มที่ยังติดภาพลักษณ์ดิบๆ ใส่ยีนส์ สวมเสื้อยืด ใส่แจ๊กเกตดำทับ ผมยาว ดูดิบๆ ร๊อค กระฉับกระเฉง ขี่บิ๊กไบค์ไปไหนไปกันลุยไปทุกที ไม่ต้องกลัวเจ็บกลัวเลอะ
ส่วน RP-280F นั้นมันเหมือนไอ้หนุ่มคนเดิมที่โตขึ้นผ่านชีวิตมาพอสมควรและมีการมีงาน มีอนาคตที่ดีเข้ามา เริ่มหันมาดูแลการแต่งตัวให้เน๊ยบขึ้น แต่ก็ไม่ได้เนี๊ยบขนาดใส่สูท แค่หันมาเริ่มใส่สแล๊ค ใส่เสื้อโปโลสีดำเนี๊ยบๆเท่ๆ แล้วมีสูทแบบลำลองวัยรุ่นสวมทับ ใส่รองเท้าหนัง ภาพลักษณ์อาจจะดูสำอางขึ้นนิดหน่อย เลิกขี่บิ๊กไบค์มาออก A180 มาใช้งาน ติดหรูขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ยังเป็นหนุ่มคนเดิมไม่ทิ้งจิตวิญญาณเดิมไปครับ
2. เนื่องจากด้านหน้ามันไม่มีหน้ากากพลาสติก ABS มาแปะแล้วเราเลยเห็นผิวไม้และเห็นวัสดุทุกอย่างได้เป็นอย่างดี
จะ เห็นว่าตรงดอกลำโพง ทั้งฮอร์น ทั้งดอกกลางแหลม เราพบว่าวัสดุที่ใช้ล้อมรอบนั้นเป็นยางทั้งหมดครับ ดูเผินๆจะนึกว่ามันเป็นพลาสติก แต่ถ้าเผลอเอาเล็บไปจิกหรือเอาอะไรคมๆไปกรีดนี่ บอกเลยครับว่าเป็นรอยครับ ตรงนี้เราก็กังวลไปก่อนนะครับว่าระยะยาวมันจะทนหรือเปล่าเพราะยางมันมีอายุ การใช้งาน อาจจะลอกหรือเปื่อยได้ ไม่เหมือนกับพลาสติกที่จะคงทนกว่า แต่อันนี้ระยะยาวก็ต้องดูกันต่อไปครับ เพราะเกรดของยางและวัสดุที่ใช้ก็อาจจะเป็นเกรดที่ดีก็ได้
3. พื้นด้านล่างให้สไปรค์มาด้วย แต่ ไม่ต้องใส่ก็ได้ครับเพราะคราวนี้พ่อหนุ่ม RP-280F นั้นใส่รองเท้าหนังมาแล้ว นั่นคือมีฐานมาให้กับตัวลำโพงเลย ไม่ต้องกลัวผิวไม้จะเยินเวลาขยับลำโพงอีกแล้ว แต่ถ้าใครอยากได้ความั่นคงก็ใส่สไปรค์ที่แถมมาเพิ่มได้
4. ในกล่องนั้นแถมยางแปะฐานลำโพงมาให้ด้วยซึ่ง เราคาดว่าคงใช้แปะที่มุมลำโพงทั้งสี่สำหรับใครที่ต้องการฟิกตำแหน่งลำโพงไม่ ให้ขยับและกันลำโพงเป็นรอยครับ แต่สำหรับเรานั้นไม่ได้ใช้ครับเพราะตอนนี้แค่วางตำแหน่งและรอเบิร์นกันไปสัก พักก่อน
5. พอร์ทช่องลม ตรงรูด้านหลังนั้น ถ้าส่องเข้าไปเราว่างานมันแอบไม่เรียบร้อยครับ เห็นเส้นใยสังเคราะห์ที่ใส่เอาไว้เพื่อซับเสียงในตู้ลำโพงมันออกมาบังช่องลม เหมือนม้วนเก็บและติดกาวไม่เรียบร้อย สองข้างลำโพงไม่เหมือนกันครับ ข้างนึงเรียบร้อยกว่า อีกข้างโผล่มาบังช่องลม (เหมือนหนุ่มคนนี้แกใส่ใจเรื่องความยาว แอบไปศัลยกรรมมาแต่หมอเก็บงานไม่เรียบร้อย ฮาๆ) เท่าที่ลองฟังเหมือนเสียงข้างที่ไม่เรียบร้อยเสียงจะทึบกว่านิดๆ อาจจะเป็นอุปทานหรือเสียงยังไม่เข้าที่ เราจะมาดูกันอีกทีหลังจากพ้นเบิร์นครับ
6. หน้ากากลำโพงรุ่นใหม่นี่ใช้แบบแม่เหล็กเหมือนเดิม แต่วัสดุที่ใช้ทำมีความยืดหยุ่นและโค้งงอได้มากกว่าของรุ่นเก่าเยอะเลยครับ
7. ผิวลำโพงนั้นก็สวยงามครับ ดูแลใส่ใจผิวพรรณมาดี ใช้ลายไม้ Brush black Polymer ลายเหมือนซับวูฟเฟอร์รุ่นใหม่ของ Klipsch
8. ขนาดไซส์นั้น พ่อหนุ่มคนนี้ไปเล่นกล้ามมาแล้ว ความสูงและกว้างพอๆกับกับรุ่นเก่า แต่ด้านลึกนี่ลึกกว่าพอสมควรครับใครมีพื้นที่หน่อยก็น่าใช้เพราะลำโพงมีความ ลึก พอวางโทอินแล้วดูสวยครับ
ดูเรื่องภาพลักษณ์มาแล้วทีนี่มาดูเรื่องเสียงกันต่อครับ
ต้องออก ตัวไว้ก่อนเลยครับว่า ถึงแม้ว้่เราจะเป็นดีลเลอร์ก็จริง แต่การรีวิวเราขอยืนในจุดที่เป็นกลางนะครับ เราต้องขออภัยทางร้านค้า หรือผู้นำเข้าหากมีจุดใดที่เราติติงหรือพูดทำให้ภาพลักษณ์สินค้าท่านดูไปใน ทางลบ เพราะเราเน้นจุดยืนคือเราอยากให้ผู้บริโภคได้ข้อมูลตัดสินใจที่เป็นจริง และเป็นกลาง ไม่อยากให้เหมือนอ่านนิตยสารรีวิวที่เขียนในแง่มุมแต่ข้อดีแต่ไม่มีข้อเสีย เลย
เอาละครับ ก่อนอื่นต้องบอกว่ารสนิยมของเรา หูของเราอาจไม่ใช่ข้อตัดสินที่สุดนะครับโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและ วิเคราะห์ก่อนเชื่อ เหมือนอ่านวิจารณ์รถยนตร์ คนวิจารณ์บอกอืด แต่คนซื้อใช้บอกแรง นั่นเป็นเพราะประสบการณ์คนวิจารณ์เค้าอาจลองอะไรที่แรงกว่านี้มาแล้วก็ได้ ครับ ดังนั้นบรรทัดฐานคนเราย่อมไม่เท่ากัน อยากให้ใช้ใจที่เป็นกลางตัดสิน
*** ลำโพงเพิ่งแกะกล่องแล้วพรีวิวเลย ยังไม่ได้เบิร์นใดๆทั้งสิ้น (งานร้อนมากๆ) เดี๊ยวหลังจากพรีวิวนี้ พอลำโพงพ้นเบิร์นเราจะมีรีวิวเต็มอีกอันนึงครับ อันนี้เป็นน้ำจิ้มไปก่อนละกันครับ
ความ รู้สึกชั่วโมงแรกที่เรานั่งฟังก็คือ มันเหมือนเจอคนคุ้นเคยสักคนที่เราเคยเจอ หน้าตารูปร่าง สำเนียง รู้สึกว่าลำโพง RP-280F ตัวนี้คือทายาทที่มาสืบทอดตำแหน่งต่อจาก RF-82 นะ บางเพลงเราหลับตาฟังแล้วรู้สึกว่าฟังไม่ต่างจากรุ่นเก่าเลย แต่กับบางเพลงก็รู้สึกว่ามันเหมือนต่างจากเดิมไปพอสมควร อธิบายออกมาเป็นตัวหนังสือลำบากครับ ความรู้สึกบางอย่างเช่น โทนเสียง เสียงแหลม การเว้นช่องไฟ น้ำหนักเสียงเบส อิมแพคมันเปลี่ยนไปอย่างละนิดๆหน่อย คือคล้ายๆรุ่นเดิม แต่มันก็มีอะไรที่มันไม่เหมือนเดิม ฟังแล้วรู้ว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว
เหมือน เวลาเราไปเจอเพื่อนสักคน แล้วมันแอบไปศัลยกรรมมา แล้วเรารู้สึกว่าเค้าหน้าเปลี่ยนไป อาจจะดูดีขึ้น สวยขึ้น มองบางมุมดูดี แต่บางมุมก็เหมือนเดิม เพ่งดูพิจารณาแล้วก็นึกไม่ออกว่าเปลี่ยนไปที่ตรงไหน ฮาๆ
อย่างไรก็ตามเราลองให้เวลาเบิร์นอินลำโพงดูอีกสักพักครับ บางทีอะไรๆอาจจะชัดเจนขึ้น
RP-280F ให้ความรู้สึกเมื่อลองฟังครั้งแรกคล้าย RF-82 II ก็จริง แต่สิ่งที่เปลี่ยนและเราพอจับสังเกตได้ชัดเจนกว่าเพื่อนก็คือ
"เสียง แหลม" แหลมที่ได้กลับไม่เหมือนตัวเก่า แหลมตัวหม่นี้อาจจะได้อิทธิพลมาจากการปรับปรุงลำโพงฮอร์นแบบใหม่ และเปลี่ยนวัสดุจากพลาสติก ABS มาเป็นยาง เสียงแหลมที่ได้ดูเจ๊าะแจ๊ะ และมีเสียงเล็กน้อยๆที่มันแบบไม่ปรากฏออกมาใน RF82 II แต่มันมีมาให้ได้ยินใน RP-280F แบบเบาๆ คือมันมีความฉอเลาะจีบปากจีบคอ และให้รายละเอียดเสียงแหลมเล็กๆน้อยๆออกมา จะวาเพราะก็ไม่เชิง จะว่ารำคาญก็ไม่ใช่ครับ อาจจะเป็นความที่เรายังไม่ชินกับแนวเสียงแบบใหม่ของ RP-280F ตัวนี้มากกว่า ยังไงถ้าเบิร์นไปได้ที่เสียงอาจจะค่อยๆปรับเข้าที่เข้าทางมากขึ้นก็ว่าได้
ถาม ว่าตัวนี้หลังแกะกล่อง เสียงแหลมยังพุ่งและจัด กัดหูเหมือนตัวเก่า RF-82 II มั๊ย ตอบตรงนี้เลยครับจากที่ลองเอง และลูกค้าอีกสามท่านใช้มา คอนเฟิร์มเป็นเสียงเดียวกันว่ายังจัด เจี๊ยวจ๊าวเหมือนเดิม ดังนั้นใครที่กังวลว่าตัวใหม่นี้จะลดความจัด ความแรงของเสียงลง อาจจะดูหนังไม่สนุกเหมือนเก่า ก็ขอบอกเลยว่าไม่จริงครับ
ส่วนเสียง ย่านกลางต่ำนั้นเราอยากบอกว่ามันเป็นอะไรที่เปลี่ยนไปจากเดิมบ้างครับ คือเล็กน้อย ความรู้สึกเราเหมือนกับว่าเบสมันติดลูกเกรงใจ มวลเบส น้ำหนักมันลดลงและติดสุภาพกว่าตัวเก่า RF-82 II นิดเดียว
ประมาณว่าเบสในเพลงเดิมที่บรรเลงด้วย RF-82 II นักดนตรีเหมือนเมายาเหยียบกระเดื่องแบบเต็มๆ โครมๆ ทุ่มสุดตัวแบบไม่กลัวเหนื่อย
แต่ ตัว RP-280F เรารู้สึกว่านักดนตรีนั้นกลับถนอมแรงและยั้งเท้าอยู่เล็กน้อย ไม่ได้กระทืบกระเดื่องหนักเท่ากับตอนแรก เหมือนแฝงความสุภาพขึ้นมานิดนึง เหมือนผู้ผลิตตั้งใจจะให้ลำโพงตัวนี้มันมีความเป็นดนตรีมากขึ้นกว่าเดิม มีความเป็นผู้ดี มีจังหวะ รู้จักออม รู้จักผ่อนไม่ได้โครมๆมาเหมือนตัวเก่าที่ฟังไปนานๆแล้วล้าหู
เผอิญว่า ดนตรีที่เราใช้เทสนั้นเป็นเพลงแนวร๊อค และ Drum & Bass ดีกรีความสด ความรู้สึกเหมือนไปยืนอยู่หน้าเวทีคอนเสริต์ (live) มันก็เลยลดลงไปนิดนึง ความเห็นส่วนตัวในฐานะที่เราฟังแต่เพลงร๊อคหนักๆ พอมาฟังเบสที่ได้นั้นเราว่าเบสมันดูสุภาพขึ้น บางครั้งก็ฟังแล้วดูน่าเบื่อสำหรับเพลงแนวนี้ (อย่าขอให้เราเอาเพลงจีนหรือเอาออดิโอไฟล์มาเปิดนะครับ เราไม่มีเพลงแนวนี้ ฮาๆ)
แต่สำหรับเพลงแนวทั่วๆไปที่คนเค้านิยมฟังกันเช่นป๊อป เพลงร้อง พวกนี้ เราบอกเลยครับว่ามันฟังดีขึ้น เนียนขึ้น มีความเป็นดนตรีมากขึ้นพอสมควร
แต่ในความต่างนั้นไม่มากพอที่เราจะ บอกว่า RP-280F นั้นเป็นลำโพงเสียงไม่จัดแต่อย่างใดนะครับ RP-280F นั้นยังเป็นลำโพงเสียงจัดมาก rock หนัก และดูหนังดีเยี่ยม แต่ก็ยังผ่อนปรนให้ลดความสดของเบสลงให้มีความกลมกล่อมและฟังเพลงธรรมดาได้ เพราะมากขึ้น
สิ่งที่คุณจะได้มาเพิ่มขึ้นจากตัว Reference II
1. ความเป็นดนตรีสูงขึ้น การเว้นช่องไฟ ความเนียน การถ่ายทอดเสียงดนตรีมีความกลมกล่อมดีขึ้นกว่าเดิมมาก
2. รายละเอียดเสียงแหลมดีขึ้นนิดหน่อย ได้ยินอะไรกรุ่งกริ๊งๆมากขึ้น (เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ)
3. ได้เสียงเบสที่ได้ความเป็นดนตรีสูงขึ้น คอ 2 channels หรือคนฟังเพลงทั่วๆไป ฟังได้ดีขึ้น คือไม่ก้าวร้าวจนเกินไป
3.ได้ลำโพงที่หน้าตาดี สามารถยกลงมาตั้งโชว์ในห้องรับแขกได้แบบพอไม่อายใคร ไม่จำเป็นต้องเอาไปไว้ร๊อคคนเดียวในห้องอีกแล้วครับ
สิ่งที่คุณจะเสียไปจากตัว Reference II
1. ความแรง ความพุ่ง ความสดของเบสหนักๆ แบบตัวเก่าลดลงนิดหน่อย (เรารู้สึกแบบนั้น) ไม่เยอะมาก ลดแค่ให้พอดีๆสมดุลระหว่างการฟังเพลงและยังดูหนังได้ดี แต่ถ้าถามว่าถ้าผมเป็นคนชอบดูหนัง action และฟังแต่เพลง metal, เพลงร๊อค, Trance, Drum & Bass ตัวเก่าจะมีภาษีดีกว่าครับ (นิดเดียว) แต่ถ้าคนทั่วๆไป ฟังเพลง ใช้ชีวิตดูหนังฟังเพลงกับครอบครัว ผมว่าเบสตัวใหม่นี้กำลังดีแล้วกับสื่อเพลงและหนังที่เอามาเล่น อาจไม่ถูกใจขา hardcore แต่เราว่ามันก็ฟังสบายขึ้น
2.พื้นที่ในการ จัดวางในแนวลึก เพราะลำโพง RP-280F ตัวใหม่นี้ตัวตู้ลึกขึ้นกว่าเดิมพอสมควร ถ้าใครห้องหับเล็กๆ ก็ต้องหาที่จัดวางกันหน่อย แต่ถ้าใครห้องพอมีที่เราว่าจัดวางแล้วสวยขึ้นครับ
3. คุณจะเสียลำโพงภาพลักษณ์ร๊อคแอนด์โรล การตัดหน้ากากพลาสติกที่คลุมด้านหน้าลำโพงออกไปนั้น ทำให้ภาพลักษณ์ที่ดูราวกับหลุดออกมาจากหนัง Mad max นั้นหายไปด้วย แต่กลับได้ลำโพงบุคลิกเนี๊ยบหน่อยๆ ดูลุค Casual นิดๆแบบแต่งตัวเตรียมออกงานมาแทน
หมดแล้วครับ กับการแกะกล่องลองฟังใน สองชั่วโมงแรก บอกก่อนว่าหลังจากนี้เบิร์นไปแล้วครบ 80-100 ชม สิ่งที่เราพูดไปข้างต้นนั้นอาจจะไม่ใช่เลยก็ได้ บุคลิกอาจจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ร๊อคกว่าตัวเก่า หรือบุคลิกอาจจะกลายเป็นลำโพงเรียบร้อยฟังเพลงได้เพราะพริ้งราวกับลำโพงวาง หิ้งชั้นดี ก็ต้องรอชมกันต่อไปครับในตอนหน้ากับรีวิวฉบับเต็มของ RP-280F
หน้าที่เข้าชม | 2,192,372 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,301,209 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |