Anthem AVM60 VS. Kef R-Series
วันนี้มีโอกาสได้นำสุดยอด Pre-Processor ในตำนานที่เพิ่งออกรุ่นใหม่มาเมื่อปีที่แล้ว นั่นก็คือ Anthem AVM60 และลำโพง Kef ในตระกูล R-Series มาติดตั้งและได้เซ็ทเสียง รวมถึงได้ลองฟังเสียงของชุดนี้กันแบบเต็มๆมาฝากครับ
ซึ่งบทความนี้เราจะไม่เยิ่นเย้อกันให้มากความ ก็เริ่มกันเลยแบบเร็วๆดังนี้
KEF R-Series
Kef เป็นลำโพงจากประุเทศอังกฤษที่เสียงไม่ค่อยจะอังกฤษเท่าไร่ เพราะว่าส่วนใหญ่ลำโพงจากฝั่งนี้นั้น เสียงส่วนใหญ่จะออกแนวละเมียดละไม พริ้วไหวดุจใบไม้ร่วง หวานซึ้ง ขับยากจนท้อใจ
แต่สำหรับ Kef R นั้นแปลกออกไป เพราะแนวเสียงของลำโพงนั้น จะว่าหวานก็ไม่หวาน จะว่าดุดันก็ไม่ดุดัน คือมันออกมาในแนว "ผู้ดี" เสียงจากลำโพงให้เสียงที่ละเอียด ชัด เร็ว กระชับ และดีเทลสุดๆ
หากคุณนึกไม่ออกว่าผู้ดีนี่มันเสียงยังไง ผมจะยกตัวอย่างอะไรที่ทำให้คุณเข้าใจง่ายๆ นั่นคือ
ลำโพงเสียงหนัก เสียงจัด เฟี้ยวฟ้าว มีสากเสี้ยนคม แข๊งแต่ดูหนังสนุก เช่น Klipsch
ลำโพงที่เสียงอวบอ้วน หนา ใหญ่ ช้า จังหวะเบสเนิบนาบนุ่มนวล เช่น Polk
ส่วน Kef R-Series ที่เราพูดถึงอยู่นี้ จะเป็นอะไรที่ เร็ว กระชับ เบสของ Kef นั้นสะอาด ฟังรื่นหู เหมือนเราเคาะอะไรที่เร็ว และชัดเจน ในจังหวะที่น้ำหนักมันพอดีๆ ไม่ฟาดหนักเหมือน Klipsch และก็ไม่ใหญ่จนฟาดช้า หนืดหน่วงเหมือน polk
ส่วนเสียงในย่านอื่นๆนั้นมีความสะอาดและให้รายละเอียดได้ดีมาก และนี่คือข้อดีของ Kef R เสียงที่ได้มีรายละเอียดสูงในแบบที่ไม่กัดหู เสียงตอดเล็กๆน้อยๆในดนตรี หรือภาพยนตร์ที่ถ้าเป็นลำโพงตัวอื่นเช่น polk คุณอาจจะได้ยินไม่ชัด เจ้าตัว Kef R นี้มันให้คุณได้ยินออกมาได้แบบเป็นชั้นๆ แยกแยะออกมาได้ดี เป็นกลาง และฟังสบาย
ข้อเสียของมันมีอยู่บ้าง นั่นก็คือพอลำโพงมันให้ดีเทลเยอะๆ แต่มันเสียงไม่หวานเหมือนลำโพงอังกฤษอื่นๆ มันก็ฟังเหมือนจะติดไปทางขี้ฟ้องและดิจิตอลหน่อยๆ
ซึ่งลำโพง Kef R ราคาค่อนข้างค่อนไปทางสูง ทำให้คนที่จะซื้อลำโพงรุ่นนี้ไปฟัง คงต้องเป็นคนที่เป็นผู้ใหญ่หน่อย และคนที่ผู้ใหญ่หน่อยเค้าก็น่าจะชอบอะไรพวกหวานๆ นั่งสูบซิการ์ จิบไวน์หวานๆ นั่งฟังเพลงช้าๆ มองตู้ลำโพงไม้สวยๆแนววินเทจ เช่นพวก B&W, Proac อะไรพวกนี้ไปซะมากกว่าที่จะมาใช้ลำโพงที่ทำตู้แบบ piano black ผิวไฮกลอส ดูหรูหราและทันสมัย ออกแนวดิจิตอล ให้เสียงรายละเอียดสูง ชัดเจนแบบ Kef R
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ลำโพง Kef R มันมีจุดเด่นทางการตลาดที่ไม่ชัดเหมือนกับพวกลำโพงสายหวานจากฝั่งอังกฤษตัวอื่นๆ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น Kef R ก็ยังพอมีฐานแฟนๆในบ้านเราอยู่พอสมควร เพราะจุดเด่นและคุณงามความดีของมันก็มีมากพอที่จะทำให้เราหลงรักได้อยู่ เช่น งานประกอบที่สุดจะเนี้ยบ สวย ตอนแกะกล่องลำโพงออกมาทีมงานถึงกับน้ำลายไหล เพราะตู้มันเงา สวยมาก เนี๊ยบมากครับ งานประกอบดูดี ไม่มีอะไรหลุดหรือดูไม่เรียบร้อยเลย
ในกล่องแถมอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นฐานของมันที่ดูหรูหราไฮโซ ประกอบกับตัวตู้แล้วแน่นหนาและเพิ่มมูลค่าราคาให้ลำโพงได้อีกหลายเท่าเลยครับ
Anthem Avm60
Anthem ผู้ผลิตสัญชาติแคนาดาชื่อนี้ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าคุณภาพนั้นเป็นยังไง และแน่นอนว่าสินค้าจากฝั่งนี้นั้นเค้าเน้นอะไร แนวไหน ซึ่งในเมืองไทยนั้น pre ตัวนี้หาคนเล่นและหารีวิวหรือแม้แต่หาลองฟังยากมากๆครับ สาเหตุก็เพราะราคาค่าตัวของ pre ตัวนี้นั้นขึ้นไปเทียบชั้นกับ pre แพงๆไฮเอ็นท์อีกหลายตัวและในบ้านเราก็มี Marantz 8802A ที่ราคาก็ย่อมกว่าหลายหมื่นอยู่ จึงทำให้สาวก pre-pro ทั้งหลายเบนเข็มมุ่งหน้าสู่อ่าวไทย เอ้ยมุ่งหน้าสู่ดินแดนของอาทิตย์อุทัยไปเล่น Marantz 8802A และรุ่นราคาประหยัดอย่าง 7702 MKii กันซะส่วนใหญ่ (anthem ไม่มี pre รุ่นประหยัดขาย)
Anthem เป็นผู้ผลิต AVR, Power amp, Pre-Pro คุณภาพสูงที่ให้กำลังขับ กำลังสำรองที่สูงมาก ให้น้ำเสียงที่เหมือนกับเอาข้อดีของแอมป์ญี่ปุ่นหลายๆยี่ห้อมารวมกันไว้ในบอดี้เดียว
หากใครติดใจกับคุณภาพเบสแน่นๆ หนักๆ กระชับๆ ของแอมป์ราคาถูกอย่าง Harman Kardon ที่ใครๆก็บอกว่า มันคือ AVR ของคนที่ชอบบริโภคเบสเป็นอาหารอย่างเดียวรายละเอียดไม่ต้อง เอาแต่เนื้อไม่เอาน้ำ เสียงทึบ ห่วย เสียงมีแต่เบส บลาๆๆ
และอีกฝากฝั่งทาง Yamaha ที่ให้รายละเอียดดี ชัดเจน การโยนเสียงแต่ละแชนแนลยอดเยี่ยม แต่พละกำลังนั้นก็ไม่ค่อยจะดี แถมเบสและแรงปะทะ อิมแพคต่างๆ ก็อาจจะด้อยกว่าแบรนด์อื่นสักเล็กน้อย
และอีกฝั่งอย่าง Pioneer ที่ให้เสียงแนวดูหนังที่จัดจ้าน เฟี้ยวฟ้าว ก้าวร้าวเหมือนเด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าที่จะพูดอะไรกับใครแต่ละทีก็มีแต่ ว้าก ไม่มีความนุ่มนวล อ่อนโยน แต่ดูหนังสะใจ แสบหูพอได้
ข้อดีของ AVR ที่กล่าวมาข้างบนถูกเอามารวมเป็นบุคลิกและเอกลักษณ์ของ Anthem หมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเสียงเบสที่หนักหน่วงสไตล์อเมริกันที่คนบริโภคเบสเป็นอาหารจะไม่บ่นเมื่อได้ลอง และเสียงรายละเอียดกรุ้งกริ้ง การแยกแยะเสียงในแต่ละแชนแนลที่สุดยอด รวมไปถึงความดุดันที่ไม่ลืมใส่เข้าไปเพื่อเติมให้เสียงที่ได้ในแต่ละย่านมีความอิ่ม หนา ดุดันฟังสนุก
แนวเสียงแบบนี้ติดตัวมาใน Anthem ตั้งแต่ AVR รุ่นเล็กสุดไปยัน Pre-Pro รุ่นสูงสุดของเค้า เป็นอัตลักษณ์ที่พอพูดถึง Anthem ก็ต้องทำให้เรารู้สึกว่า ดูหนังสนุก มัน ฟังเพลงได้ดีด้วย
ส่วนหน้าตาของ pre avm60 ดูในรูปบอดี้มันดูมีเม็ดๆ เหมือนสนิม แต่พอเห็นตัวจริงมันสวย ไฮโซ ดูมีราคามากๆครับ คือตัวบอดี้ใช้วัสดุอะไรไม่ทราบที่มีดีเทล มีเม็ดเล็กๆคล้ายๆกับโลหะที่ทำให้มีรายละเอียดขึ้นมา
ส่วน Power pva5 หน้าตาเรียบๆ ดูเรียบร้อยและดูไฮโซไปอีกแบบครับ
แกะกล่อง
เราได้มีโอกาศเอาชุด Kef R-Series และ Pre-Pro, Power Anthem ไปส่งลูกค้าที่แถวๆนวมินทร์ รวมถึงติดตั้ง และเซ็ท และลองฟังกันทั้งวันตั้งแต่ 9.00 เช้ายัน 22.00 (สี่ทุ่ม) ซึ่งต้องขอขอบพระคุณลูกค้าท่านนี้มากๆที่ให้โอกาศเราได้เข้าไปและถ่ายทอดบรรยากาศสนุกๆและสวยๆครั้งนี้
เริ่มต้นกันตั้งแต่เช้า เราขนของเข้าบ้านลูกค้าซึ่งประกอบไปด้วยชุดดังนี้
-------------------------------------------------
- Kef R500
- Kef R200C
- Kef R100
- Kef Ci200CR (Atmos) x 2
- Pre Anthem AVM60
- Power Anthem PVA5 (ใช้ขับ surround)
-------------------------------------------------
ของเดิมลูกค้า
- Power Emotiva XPA5 Gen1 (ใช้ขับคู่หน้าและ Surround)
- Oppo 103D
- Dune
- Projector Sony HW45ES
-จอ supernova
เข้าไปในบ้านลูกค้า ก็เริ่มงานกันทันทีไม่ว่าจะเป็นงานติดตั้ง เจาะลำโพง Atmos เดินสายขึ้นฝ้า ติดตั้งแขวนลำโพงเซอราวด์ ลากยาวไปกว่าจะเสร็จก็เกือบเย็นย่ำ
ซึ่งต้องบอกว่าห้องลูกค้านั้นมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ขนาดประมาณ 3.00 เมตร * 5.5 เมตร สภาพห้องมีลำโพงชุดเดิมอยู่แล้ว แต่เปลี่ยนใหม่หมดทั้งชุดมาเป็น 7.1.2 แชนแนล
ระหว่างติดตั้งกันไปเราก็ลองต่อลำโพงกับ pre anthem กับ power anthem เพื่อลองเสียงก่อน พบว่าเสียงที่ได้จากการฟังเพลงนั้นฟังดี ชัดเจน มีจังหวะจะโคนจนน่าตกใจ แต่หลังจากตกลงกับลุกค้าแล้วว่า เราจะใช้ Power emotiva เป็น power หลักใช้ขับลำโพงคู่หน้าและเซ็นเตอร์ทั้งหมด เพราะมีกำลังมากกว่า และวัตถุประสงค์ของลูกค้านั้นเน้นดูหนังและชอบเสียงดุดัน เราจึงเห็นตรงกันว่า เอ้าให้ emotiva เป็นพระเอกไปละกัน
ส่วน power anthem pva5 กำลัง 125 วัตต์นั้นเราจะให้เป็นพระรอง ทำหน้าที่ขับลำโพงเซอราวด์หลังและลำโพง atmos ไป
ลองฟัง
ขอว้าปไปตอนเสร็จแล้ว และลองฟังเลยละกัน นาทีแรกที่เราเปิดฟังเราทุกคนพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า เชี่ย..... ขออภัยที่ไม่สุภาพครับ สาเหตุเพราะเราเปิดเพลงเดียวกับตอนแรกที่เราใช้ pre anthem avm60 คู่กับ power anthem pva5 ซึ่งตอนแรกนั้นเสียงค่อนข้างมีรายละเอียด นุ่มนวลชวนฝัน ฟังเพลงดีมากมายจนเคลิ้ม ว่านี่เราใช้ปรีดูหนังมาฟังได้ดีขนาดนี้เลยเหรอว่ะเนี่ย
ตอนนี้ขออนุญาติกลับคำ pre anthem avm60 พอจับคู่กับ power emotiva แล้วมันเป็นอะไรที่แรง ของแรงครับ........ หนักหน่วง ชัดเจน ติดสด พุ่งได้อิทธิพลของความแรงของ emotiva มาจนบุคลิกเสียงนั้นเป็นอีกแนว จนเราแน่ใจว่าคู่นี้ มันเกิดมาเพื่อ "ดูหนัง" เป็นแน่แท้ ดูท่าเธอจะไปเอาดีด้านฟังเพลงคงไม่ได้แน่
ว่าแล้วเราก็ลองเปิดหนังกันเลย และนี่คือข้อดีที่ผมซึบซับได้หลังจากเซ็ทอัพเสียงแบบเบื้องต้นแล้ว
1. รายละเอียด อะไรๆทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเสียงเล็กเสียงน้อย เสียงจุ๊กจิ้กๆ มันพรั่งพรูออกมาแบบหมดเปลือกเลยจริงๆ จนลูกค้าออกปากชมว่ารายละเอียดมันดีมากๆ หากนึกไม่ออก อยากให้นึกถึงหนังที่มีฉากที่มีการมิ๊กเสียงออกมาเยอะๆ ปนกันหลายอย่าง เช่น เสียงลม เสียงฝน เสียงแตกของปูนบนตึกที่กำลังจะถล่ม เสีงระเบิดไกลๆ เสียงพูดของตัวเอกในหนัง และเสียง soundtrack ของหนังที่กำลังโหมขึ้นมาเป็น background และเสียงเอฟเฟกของหนังที่ดังขึ้นมาพร้อมๆกัน เหมือนกับว่าเรามีลำโพงในห้องเพิ่้มมากขึ้น ทั้งๆที่มีเสียงดนตรีแล้ว มีเสียงเอฟเฟกแล้ว มีเสียงลมเสียงฝนแล้ว มันยังถ่ายทอดเสียงดนตรีอื่นๆ เช่นเสียงดนตรีอีกชั้นนึง หรือเสียงเอฟเฟกที่เกิดขึ้นพร้อมกันๆในตอนนั้นที่หนังบันทึกมา ให้แยกออกมาให้เรารู้ได้ว่า มันเกิดขึ้นณ จุดอื่นๆของห้องได้ ราวกับว่า เรามีลำโพงติดอยู่รอบๆห้อง (เห็นพวกเซียนเค้าใช้คำว่า Immersive Surround Sound หรือ Object oriented อะไรทำนองนี้ ปล. ผมไม่เก่งวิชาการเท่าไร่)
เสียงที่เกิดขึ้นมันบ่งบอกจุดและตำแหน่ง และความสูง ชั้น layer ได้เหมือนลำโพงหน้ามีหลายตัวอะไรประมาณนั้นครับ
Pre Anthem AVM60 ให้รายละเอียดที่แยกแยะชั้น layer ของเสียงออกมาได้ชัดเจนว่า "อะไรมันอยู่ตรงไหน" "อะไรควรชัดก็ชัดเจน" "อะไรควรเบาก็เบาแต่มีรายละเอียด"
เสียงทุกชิ้นออกมาแยกเป็นชั้นๆให้ได้ยินแบบไม่มั่ว และไม่เป็นปื้นๆ ก้อนๆ เกาะกันเป็นกลุ่มๆ เหมือนอย่างที่เคยได้ยินใน avr หรือ pre บางตัว
มันเหมือนเรากด pause เอาไว้ แล้วมองไปเห็นชั้นเสียงแต่ละ layer ว่าอะไรเกิดขึ้นตรงไหน ลองหลับตาไม่ดูจอแล้วเราอาจจะรู้ว่าเหตุการณ์ในหนัง ระเบิดตรงไหน เสียงแตก หินหล่นทิศทางใด เสียงดนตรีมีระดับชั้นยังไง ลำโพงทุกตัวทำงานเชื่อมโยงถ่ายทอดเสียงออกมาได้ให้เราได้ยินแบบชัดๆ และไม่มั่วดี จนเรารู้สึกว่าสิ่งที่ซิสเต็มชุดนี้ถ่ายทอดออกมานั่นคือเกือบจะเป็นทั้งหมดของเสียงที่ผู้บันทึกตั้งใจแล้วละมั้ง (ใช้คำว่าเกือบ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าในสตูดิโอเค้ามิ๊กอะไรยังไง)
ข้อดีอีกอย่างคือ นอกจากมันถ่ายทอดเสียงได้ละเอียดแล้ว พวกเสียงต่างๆทีมันถ่ายทอด มันชัดไม่ต้องเงี่ยหูฟังและไม่ต้องจับผิดเลยครับ เพราะรายละเอียดมันชัดเจนมากๆ
2. ความหนักแน่น
ข้อนี้เขียนทีหลัง เพราะเป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่า Anthem นั้นเค้าหนักแน่นแค่ไหน ก็แน่นอนครับ เสียงในหนังนอกจากจะชัดอย่างที่กล่าวไปในข้อ (1.) แล้ว เสียงที่สายดูหนัง สายโหด สายบริโภคเบสทั้งหลายถวิลหานั้นก็มาครบอย่างที่สัญญากันไว้ แถมมากันเยอะแบบสุดๆอีกด้วย สเกลเสียงที่ได้เวลาดูภาพยนตร์ใหญ่โต อลังการมากครับ เสียงแบบนี้ผมไม่เคยได้ยินใน avr และปรีต่ำกว่าแสนตัวไหนมาก่อน ดูหนังมันขึ้นอีกหลายสเตปเลย ทั้งเสียง ทั้งบรรยากาศโอบล้อมรอบตัว ทั้งเบส มากันหมด
เสียงพูดที่ได้เกาะจอ และดูใหญ่ หนา แน่นราวกับคนพูดตัวใหญ่และกว้างเท่ากับจอยาวไปตลอดผนังเลย ความรู้สึกนี้ผมไม่ค่อยได้ฟังมานานแล้วครับ ส่วนใหญ่ที่รู้สึกว่เสียงพูด ใหญ่โตนั้นก็เป็นในโรงหนัง หรือซิสเต็มราคาหลักล้าน แต่ผมแปลกใจที่กลับมาเจอเสียงพูดที่กว้าง ใหญ่โตเต็มจอแบบนี้ในลำโพงเซ็นเตอร์ตัวเล็กๆอย่าง Kef R200C
ส่วนเสียงเบสที่ได้หนัก กระแทก สด พุ่ง เหมาะกับเอาไปใช้กับลำโพงสไตล์ THX มากๆ และหากใช้กับลำโพงบ้านทั่วๆไปก็เพิ่มพลังเสียงและแปลงร่างให้ลำโพงบ้านๆทั่วๆไปให้กลายเป็นลำโพงบ้าพลังได้เหมือนกัน
ทั้งน้ำหนักเสียง ความอิ่ม ความหนาของเสียงนั้นไม่ต้องลุ้นครับ หนา แน่น ปึ๊ก และเสียงเบสก็เร็ว กระชับ ไม่ใช่แค่รายละเอียดดี แต่ยังเบสหนัก....
3. เสียง Atmos
ในซิสเต็มนี้เราต่อ Atmos เสียงที่ได้จากหนังที่บันทึกเสียงด้านบนมา เช่นแผ่นตัวอย่าง dolby atmos นั้น บอกเลยว่าอิ่ม และฉ่ำไปทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นฉากฝนที่เริ่มจากเปาะแปะๆน้อยๆไปจนตกหนัก เรารู้สึกได้ถึงเม็ดฝนเล็กๆหล่นมาจากข้างบนยันตกทั่วไปทั้งห้อง ไม่มีแม้ที่ว่างให้รู้สึกว่ามีช่องโหว่ ทำให้พื้นที่ในห้องเล็กๆห้องนี้กลายเป็น field ที่กลายสภาพเป็นป่าฝนร้อนชื้น หรือสนามรบที่มีเฮลิคอปเตอร์บินวนบนหัว หรือแม้แต่มีมังกรบินโฉบไปโฉบมาได้ในบัดดล ประทับใจครับ....
ข้อเสีย
มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย ถ้าใครบอกสินค้าตัวไหนมีแต่ข้อดี ให้เดินหนีไปไกลๆเลยครับ โลกนี้มี 2 ด้านเสมอ ด้านนึงกลางวัน อีกด้านก็ต้องเป็นกลางคืน เป็นสัจธรรมของโลกฉันใด ของทุกสิ่งมีข้อดี..ก็ย่อมต้องมีข้อเสียฉันนั้น..
ดังนั้นมาว่ากันเรื่องข้อเสียบ้างครับ
1. หนักหน่วง เสียงจัด สดเกินไปถ้าจับกับ Power เสียงจัดมากๆ
เสียงจาก pre avm60 ให้แนวเสียงไปทางเบสหนัก สด เหมาะกับคนชอบดูหนัง action และชอบอะไรบ้าพลังๆ ทีนี้ถ้าจับกับลำโพงเสียงจัดๆ สดๆ มันก็จะสด และหนักจนสะใจไปเลย ถามว่าดีมั๊ย ก็ดีครับ เพราะ pre multi channels เค้าก็สร้างมาไว้ดูหนังอยู่แล้ว
จะมีใครหา Pre เสียงนุ่มๆฟังสบายมั๊ย ก็คงมีครับ ดังนั้นตัวนี้มันก็จะไม่เหมาะกับคนที่เป็นสายฟังสบายๆทั้งหลายแหล่ เพราะในบางครั้งถ้าเราแมทชิ่งมันกับ power ที่เสียงจัดมากๆ เสียงมันก็อาจจะจัดและสดมากจนแสบหูและไม่ถูกใจกับคนชอบซิสเต็มแนวนุ่มๆได้ครับ แต่ยืนยันว่าเสียง Pre anthem avm60 ถ้าจับคู่กับ Power anthem เองแล้วนั้น เหมาะที่สุดแล้ว ไม่สดจนเกินไปและเสียงดีมากๆ เสียงออกมากำลังดี ฟังสบายและหนัก ดูหนังสนุก
2. ราคา ก็แน่นอนจ้า ราคานั้นก็สูงกว่าคู่แข่งพอสมควร บางครั้งก็ทำใจยากที่จะจ่ายเพื่อ pre แค่ตัวเดียวราคาแสนกลางๆ และยังต้องเจียดเงินไปหา Power มาขับอีก ถ้าจะให้เสียงดีแน่ๆ ก็ต้อง power ของมัน แต่ Power ของมันราคาก็ไม่ใช่เล่นๆเช่นกันครับ
3. การ Setup
ตัวนี้การ set พวก distance อะไรทำได้ไม่ค่อยละเอียดเหมือนฝากฝั่งญี่ปุ่นนัก คือเวลาดึง distance มันดึงทีกระโดดทีละ 0.3 เมตรเลย เช่น 1.0 ดึงทีก็ไป 1.3 และไป 1.6 เลย ทำให้คนเซ็ทหลายคนเปลี่ยนมาดึงเป็นฟุตแทน
ส่วนการเซ็ทอัพอื่นๆก็ดีตามมาตรฐาน ก็มีพวก Bass Management และก็มี EQ
และมีไมค์ที่ดูแล้วน่าจะมีคุณภาพสูงพอสมควรติดมาให้ด้วย และแถมขาตั้งไมค์มาให้ด้วยนะ โอโหไฮโซน่าดู ไม่ต้องใช้กระดาษแข๊งพับๆแบบพวก avr
4. ไม่มีบลูทูธ
แน่นอนว่าสไตล์อเมริกันก็ต้องไม่แคร์ผู้ใช้งาน ตัวนี้ก็เน้นดูหนัง ไม่ให้บลูทูธมา เน้นเสียงอย่างเดียว ฟังก์ชั่นอาจจะไม่ได้เยอะเหมือนของฝั่งญี่ปุ่น ถ้าใครคิดจะซื้อ pre ราคาแสนห้าและเอาไปบลูทูธฟังเพลงกับโทรศัพท์ ตัวนี้ทำไม่ได้นะครับ
ส่วนใครชอบฟังก์ชั่นเยอะๆ แนะนำให้ไปเล่นฝั่งญี่ปุ่น
5. Power PVA
ตัวนี้เสียงดีครับ แต่ขอตินิดนึง ตอนเปิดครั้งแรกสวิทซ์ข้างหลังมันจะมีหลายสเตป มันจะมี trigger / manual / อะไรอีกอันผมจำไม่ได้
ถ้าไม่ได้โยกไปที่ manual และคามันไว้ที่ trigger แม้จะกดเปิดสวิทซ์เครื่อง power แล้ว มันก็จะไม่ติดครับ ไฟมันจะสีแดงๆ ซึ่งเราก็จะมึนๆว่าตกลงมันติดยังว่ะ (ไปสับสนกับ audyn ที่ไฟแดงแปลว่าติดแล้ว) ตัวนี้เราลองแล้วเสียงไม่มา เราก็งมโข่งหากันอยู่นานว่าต่ออะไรผิด หรือ pre เสีย หรือ Power เสีย เกือบจะหนีกันออกมาจากบ้านลูกค้าแล้วกลับบ้านนอนแล้ว อิอิ สุดท้ายต้องโยกสวิทซ์ข้างหลังไปที่ manual ถึงจะใช้ได้
ซึ่งตัวนี้ถ้าไม่ได้ใช้สาย trigger แต่ด้านหลังยังโยกสวิทซ์ไว้ที่ trigger ตัว Power ก็จะไม่ทำงานครับ ต้องโยกมาที่ Manual ก่อน ซึ่งถ้ามือใหม่ใช้ครั้งแรกอาจจะงง และพาลคิดว่า power เสีย
สรุป ชุดของลูกค้าซึ่งประกอบไปด้วย Kef R-Series และ Pre Anthem AVM60 ให้เสียงที่โดดเด่นในด้าน รายละเอียดที่พรั่งพรู ชัดเจน และบ่งบอกตำแหน่งของเสียงได้ดีเยี่ยม ทั้งในด้านบรรยากาศและนำหนักเสียงเบสทำได้ดีสมราคา และไม่ผิดหวัง
ส่วนตัวตอนแรกคิดว่ามันแพงไป แต่พอได้มีเวลานั่งฟังน้ำเสียงของมันแล้ว ก็อยากจะวิ่งไปถอย Anthem AVM60 มาใช้โชว์แทน AVR แก่ๆตัวเดิมมันซะเดี๋ยวนี้เลย
เอาจริงๆ AVM60 ตัวนี้ถูกจริตและสไตล์การดูหนังผมมากที่สุดแล้ว แต่ที่ผ่านๆมาไม่เคยสนใจ และไม่เคยฟังมาก่อนเพราะเรื่องราคาของมัน และก็เมืองไทยหาคนเล่นน้อย แต่ยอมรับว่าถ้าได้ฟังแล้วติดใจจริงๆ เพราะเสียงดีมากแบบก้าวกระโดดจากการเล่น avr และ pre ในระดับหลักหมื่นเลยจริงๆ
วันนั้นเสร็จงานจากบ้านลูกค้าร่วม 4 ทุ่มกว่าๆครับ ดึกดื่นๆนั่งดูหนังกันจนพอใจ ทำให้รู้ว่า ซิสเต็มและเสียงที่ได้วันนี้มีจุดเด่นอะไร (รายละเอียด บรรยากาศการดูหนังที่หนักแน่นสะใจ) และข้อเสียคืออะไร (การเซ็ทอัพ และความสดที่อาจจะไม่ถูกใจหากใครที่ไม่ชอบซิสเต็มเสียงสไตล์สดๆ เน้นดูหนังแบบนี้)
เราออกจากบ้านกันมาถึงตอนนี้ที่เขียนรีวิว เสียงยังก้องอยู่ในหูอยู่เลยครับ ผมรู้สึกว่านานแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงที่มีสเกลใหญ่โต และดูอลังการ ดูยิ่งใหญ่ เสียงมันๆแบบนี้
ตอนนี้ผมรีบมาปั่นรีวิวนี้เพราะกลัวจะลืมความรู้สึกนี่้ซะก่อน และแน่นอนว่าตอนนี้ผมต้องหยุดดูหนังฟังเพลงที่ห้องของผมไปสักระยะ เพื่อชำระล้างและแก้อาการหูเสียจากซิสเต็มชุดนี้ให้หายสนิทสัก 1-2 อาทิตย์ครับ
Anthem AVM60 VS. Marantz 8802A
ซึ่งถ้าให้เทียบกับ Marantz 8802A จากคนที่เคยฟังทั้งคู่นั้น รายละเอียดของทั้งคู่ดีไม่แพ้กัน เพียงแต่ความนุ่มนวลและฟังสบายตัว Marantz จะฟังสบายหูกว่า
ส่วน AVM60 จะให้เสียงที่สด ชัดเจน เบส และน้ำหนักเสียงที่มากกว่าพอสมควรครับดังนั้น AVM60 จะเหมาะกับคอดูหนังแบบฮาร์ดคอร์มากกว่าครับ เพราะเสียงมันหนัก เหมาะกับคนที่ต้องการความบันเทิงจากการดูหนังมันๆ รายละเอียดยุบยับเต็มห้องไปหมด ชอบอะไรตื่้นตาตื่นหู เบสมา มีเนื้อมีหนังสะใจๆ ถ้าใครชอบแนวนี้แนะนำครับ
ส่วน Marantz ผมว่าได้ในเรื่องรายละเอียดไม่แพ้กัน แต่อาจจะฟังสบายหูและฟังได้นาน ฟังทั้งครอบครัวมากกว่า
ปล. เรื่อง Pre เรื่อง Power เนี่ยเราอยากให้ใช้วิจารณญาณในการอ่าน การตัดสินใจกันให้ดีนะครับ เพราะอย่างที่รู้กันอยู่ว่า การเล่น pre-pro บ้านเรามันยังอยู่ในวงแคบ และร้านค้าที่ให้คำแนะนำในด้านนี้จริงๆนั้น มันมีน้อย ส่วนใหญ่แอมป์ที่ดี power ที่ดี pre ที่ดีมันจึงตกไปอยู่ที่แรงเชียร์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือบุคคลใดบุคคลนึงซะมาก
หลายร้านโจมตียี่ห้อนึงว่าไม่ได้ ไม่ดี บางทีให้ลองพิจารณาและตัดสินใจให้ดีครับว่าจริงๆแล้วยี่ห้อนั้นมันไม่ดี หรือมาร์จินให้ร้านค้าไม่ดี ข้อตกลงให้ร้านนั้นไม่ดี ก็เลยไม่เชียร์กันแน่
เล่นอย่างมีสติ ทุกถ้อยคำในบทความนี้ทดสอบและทดลองด้วยตนเอง ไม่เชียร์ ไม่อวย อะไรดีว่าดี อะไรแย่ก็ติไป ไม่เก่ง ไม่มีความรู้เยอะ และรสนิยมความชอบคนเรามันไม่เหมือนกัน แต่เขียนตามสิ่งที่ได้สัมผัสและได้ประสบพบเจอมาจริงๆ หากทำให้ใครเสียหายหรือไม่ตรงกับความรู้สึกท่านใด หรือผมเข้าใจผิดสิ่งใดที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ก็ต้องกราบขออภัยมาณ. ที่นี้ด้วยครับ
ขอบคุณที่ติดตาม
หน้าที่เข้าชม | 2,192,372 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,301,209 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |