เรื่องเล่าจากนักฟังเพลง
เมื่อวันก่อนผมเอาลำโพง Mordaunt short MS905i ราคาแค่ 3,500 บาทไปส่งให้ลูกค้าที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากผมเท่าไร่ แค่พุทมณฑลสาย 2 ส่วนชื่อลูกค้านั้นผมขอสงวนนามไว้ละกันครับ
ตอนไปส่งก็คิดว่าคงแค่แป๊ปเดียว ส่งแล้วกลับ... เจอหน้ากันกับลูกค้าครั้งแรก ยกมือทักทายตามปกติ ส่งของให้ ตรวจดูความเรียบร้อย ลูกค้าทักผมคำแรกทำเอาผมอึ้งไปเหมือนกัน "นี่จะไม่ดับเครื่องรถก่อนเหรอ...." ผมเลยเดินไปดับเครื่องและเดินตามเจ้าของเข้าบ้านไปหยอยๆ ใจก็คิดว่าแกคงอยากจะต่อลำโพงแล้วเทสเสียง
พอเข้าไปถึงนั้นกลับผิดคาด สภาพห้องนั้นเป็นห้องนั่งเล่นที่ถูกดัดแปลงให้เป็นห้องฟังเพลง และมีเครื่องเครา อุปกรณ์ต่างๆที่ผมมองๆดูแล้ว ค่อนไปทางวินเทจและมีอายุมากสักหน่อย โดยเฉพาะลำโพง... ที่เห็นแล้วก็พอจะรู้ว่า เจ้าของชอบแนวไหน
ไปถึงห้องผมได้รับไมตรีจิตรที่ดีจากเจ้าบ้านมากๆ ตอนที่ผมยกลำโพงเซ็นเตอร์มาวางในห้องนั้น แกกลับไม่ได้สนใจเจ้าลำโพงที่ว่านั้นเลย แต่แกกลับกุลีกุจอรีบไปหากาแฟ และน้ำมาเลี้ยงผม
หลังจากนั้นแกก็นั่งและเริ่มเล่าเรื่องของแกให้ฟัง ซึ่งผมผิดคาดจริงๆครับ แกไม่ได้เรียกผมมาปรึกษา แกไม่ได้เรียกผมมาให้สอนหรือให้ต่ออะไรให้ แกไม่ได้เรียกผมมาเทสเครื่อง แกไม่ได้เรียกผมมาให้ขายของ แต่แกเรียกมานั่งคุยกัน
กับคนที่ผมไม่รู้จัก และเพิ่งรู้จักได้สักราว 5 นาทีได้
แกถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตหลายๆเรื่องของแกให้ผมฟัง ราวกับเรื่องพวกนั้นมันผุดขึ้นมาบนห้อง ทั้งเรื่องเจ้าลำโพงตัวโปรดที่คลุมผ้าอยู่ แกบอกว่าลำโพงตัวนี้ แกรักมากก แต่แกหาแอมป์ที่เหมาะกับมันไม่ได้ ทุกวันนี้แกบอกว่าแกเคยฟังเสียงลำโพงบรรเลงได้อย่างไพเราะยามที่มันถูกขับโดยแอมป์ที่ match กับมัน
แต่ในปัจจุบันแกก็ไม่เคยได้ยินเสียงเนื้อแท้ที่ไพเราะเช่นนั้นอีกเลย จวบจนทุกวันนี้ และก็ก็ยังตามหาแอมป์ที่เหมาะกับลำโพงตัวนี้ต่อไป
จะว่าไปประเด็นอาจไม่ใช่แค่เรื่องเสียงจากลำโพงตัวนี้ แต่ประเด็นคือ ช่วงชีวิตของเจ้าของลำโพงตัวนี้ มันผ่านอะไรๆมาร่วมกับลำโพงตัวนี้มากมายเหลือเกิน ทั้งเรื่องดีๆ เรื่องเศร้าๆ และที่มาของลำโพงก็แสนจะประทับใจ แกไม่ได้ซื้อเอง แต่มีคนซื้อให้ คนที่ผูกพันกับแก...
จนสุดท้ายผมก็ตื้อแกให้เปิดผ้าคลุมให้ดูหน่อย ว่าลำโพงมันเป็นยี่ห้ออะไรกันแน่
สุดท้ายก็เอาผ้าออก และเฉลยว่าเป็นลำโพง DCM Time Window ที่ผมบอกตรงๆนะครับ ว่าผมไม่รู้จักจริงๆ บางทีอายุลำโพงตัวนี้มันอาจจะไล่เลี่ยกับอายุผมก็เป็นได้
ผมฟังแกเล่าสักพัก ผมก็พอสรุปได้ว่า บางทีที่แกอาจไม่ได้ติดใจกับสุ้มเสียงของลำโพงตัวนี้เท่ากับความทรงจำและเรื่องราวดีๆ ที่บางทีมันอาจถูกซึมซับผ่านบทเพลงต่างๆมาร่วม 30 ปี
อย่าลืมนะครับว่า บทเพลงมันก็เหมือนเครื่องบันทึกความทรงจำชั้นดี เราฟังเพลงเพลงนึง ตอนกำลังสุข หรือกำลังเศร้า เวลาผ่านไป บทเพลงเดิมถูกเล่นซ้ำ นอกจากเมโลดี้ และทำนองและคำร้องแล้ว เรายังจดจำช่วงอารมณ์และความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นทั้งสุขและเศร้า ตอนที่เราฟังเพลงนั้นเมื่อหลายปีก่อน ให้หวนกลับคืนมาได้อีกครั้งนึงด้วย
ก่อนกลับเจ้าของบอกว่า ถ้าใครมีแอมป์ดีๆที่คิดว่าเหมาะกับเจ้า DCM Time Window ตัวนี้ก็แนะนำแกมาได้ แกยังคงออกเดินทางและตามหาหนทางที่ทำให้ลำโพงตัวนี้มันกลับมามีชีวิตชีวาและสดใสอีกครั้ง
ตอนผมเดินออกมาจากบ้านหลังนี้ ผมก็พลางคิดในใจว่า บางทีถ้าแกตามหาแอมป์เสียงดีๆสักตัว ที่เหมาะกับลำโพงตัวนี้ได้สำเร็จเมื่อไร วันนั้นสิ่งที่ขาดหายไป ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาและความทรงจำดีๆ ในอดีต มันอาจกลับมาโลดแล่นและมีชีวิตขึ้นอีกครั้งก็ได้......
เพราะบางทีลำโพงดีๆบางตัว มันก็มีค่ามากกว่าแค่ไว้ใช้ฟัง.... ลำโพงที่ผ่านร้อนผ่านหนาว เกิดและผ่านช่วงเวลาของความยากลำบากของชีวิตมาพร้อมๆกับเจ้าของ มันย่อมทรงคุณค่าเสมอ ... ใช่มั๊ยครับ
ปล ก่อนกลับเจ้าของบอกผมว่าแกสนใจ Klipsch RC-64 II แต่แกไม่มีโอกาศลองฟังสักที ผมยิ้ม และตอบแกกลับไปว่า พี่ลืมลำโพงนี้ตัวนี้ไปเถอะเพราะจากที่คุยกับแกมา ผมพอจะสรุปได้ว่า ด้วยแนวดนตรีที่แกชอบฟัง หนังทีแ่กชอบดู แนวทางที่แกชอบ ด้วยรสนิยมในแนวเพลง ด้วยวัยวุฒิ ด้วยประสบการณ์ชีวิต ด้วยอะไรหลายๆอย่าง.... มันไม่ใช่ทางที่แกชอบแน่นอน ลำโพงตัวนี้อาจเป็นลำโพงที่ดีมากๆสำหรับคนรักการดูหนัง คนวันกลางคนเช่นผม หรือวัยรุ่นที่ชอบหนังทีมันชัดมากๆๆ สดๆ สะใจ แต่หากคุณตามหาความนุ่ม ความรื่นหู ไร้สากเสี้ยน ความละมุนละไม ผมว่าคุณอาจเดินมาผิดทาง...
แน่นอนว่าผมเสียลูกค้าในอนาคตไปอีกหนึ่งคน แต่อย่างน้อยผมก็ได้มิตรที่ดี และได้รู้จึกนักฟังเพลงอีกคนนึงเพิ่มขึ้น...
หน้าที่เข้าชม | 2,192,372 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,301,209 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |