วันนี้ เราเอา Preview (ทดลองฟัง) และรูปตัวเป็นๆของลำโพงKlipsch Reference Premier รุ่นใหม่ล่าสุดสดๆร้อนๆ เทียบกับ Klipsch Reference II
ที่เราได้สัมผัสและลองเปิดทดสอบชุดดูหนังฟังเพลงมาฝากกัน ครับ โดยในชุดนี้จะประกอบไปด้วย
---------------------------------------------------------------------------
Amp: Sherwood R607
คู่หน้า: Klipsch RP260F
Center: Klipsch RP440C
Surround: Klipsch Quentet V (รออัพ)
Subwoofer: Klipsch SW350 (รออัพ)
---------------------------------------------------------------------------
โดย ชุดนี้มองดูเผินๆ แอมป์เหมือนจะตึงๆเล็กน้อยเพราะกำลังขับไม่มากนัก แต่จากการลองเปิด เซ็ทอัพแบบคร่าวๆ และนั่งดูหนังกันสักพัก พบว่าเสียงไม่ได้มีอาการขับไม่ไหวแต่อย่างใด กลับกันรู้สึกว่าเสียงของแอมป์ Sherwood ให้น้ำหนักเสียงเบสและการแพนเสียงที่กำลังดี ไม่มากไม่น้อย ไม่บางเกินไป ส่วนนึงก็เป็นอาณิสงค์ของความไวของลำโพง klipsch ที่สูงมากๆ (Sensitivity 98) ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้แอมป์กำลังขับสูงๆก็ขับลำโพงดอก 6.5 นิ้ว และขับลำโพงเซ็นเตอร์ 4 ดอกเรียงแบบนี้ได้สบายๆ
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าอัพไปใช้แอมป์ที่กำลังขับมากกว่านี้ ก็คิดว่าเสียงน่าจะดีมากกว่านี้ไปได้อีกพอสมควร
ส่วน ซุ่มเสียงตัวใหม่นี้ หลังจากแกะกล่องและลองฟังกันสดๆร้อนๆ พบว่าสิ่งที่ต่างจากตัวเดิมก็คือความลื่น นุ่มหู แต่ยังให้เสียงเบสโครมครามยิ่งกว่าเดิมเวลาดูหนัง สัมผัสแรกที่ได้ฟังนั้นเราสังเกตได้ชัดเจนว่า เสียงไม่กัดหูหรือสดมากเหมือนกับ Reference II ที่เวลาเราได้คู่ใหม่มายังไม่พ้นเบิร์นอินนั้น มักจะพบว่าเสียงจะกร้าว สดและแสบหูไปนิด แต่สำหรับ Reference Premier นั้น เรามองว่าฟังลื่นหูดีมากๆเลยทั้งแผ่นคอนเสิรต์ และหนังบลูเรย์อย่างเรื่อง Edge of tomorrow
จุดเด่นของ Klipsch Reference RP260 และ RP440C
(***ลอง ฟังครั้งแรก ลำโพงเพิ่งแกะกล่อง ยังไม่พ้นเบิรนอิน คำวิจารณ์ด้านล่างเกิดจากการลองฟังเพียงไม่นาน อาจไม่มีความแม่นยำและเที่ยงตรงมากนัก ใช้เป็นเพียงแนวทางคร่าวๆเนื่องจากลำโพงยังใหม่มาก)
1. เสียงเบส เด่นออกมาชัดเจน ฟังออกและประทับใจตั้งแต่ได้ลองครั้งแรก เราชอบมากๆครับกับเสียงเบสแนวนี้ มันตุ๊บตั๊บๆๆ ที่สำคัญคือเป็นเบสที่กำลังดี ฟังแล้วสนุก แรง หนักแต่ไม่รุกเร้าเกินไปจนปวดหัว กระชับ ไม่ยืดยาด ไม่ยานหรือลูกใหญ่จนเกินไป เรียกว่าเป็นเบสที่อยู่ในช่วงที่ดูหนัง Action หนังสงครามสนุก
และที่สำคัญเบสแบบนี้ฟังเพลงแนว live, pop, rock, ลูกทุ่งใ, Jazz, Electronic และเพลงทั่วๆไปได้ดี เพราะเบสจะกระชับ ไม่มีปัญหาเรื่องเบสตามโน๊ตเร็วๆไม่ทัน
2. งานประกอบ อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว เรามองว่างานประกอบสวยกว่าตัวเก่าเยอะเลย ดูเท่ ลงตัวและตัวตู้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาประมาณ 2 กิโล (เทียบกับ Ref II) ส่วนความกว้างและความสูงลดลง ทำให้ลำโพงดูแล้วตัวเล็ก เพรียว กว่า ref II และไม่เกะกะเมื่อวางอยู่ในห้องเล็กๆ แต่ความลึกของตัวตู้นั้นเพิ่มขึ้นชัดเจนเลยครับ คือลึกไปด้านหลังมากกว่าตัวเก่าพอสมควร (ตัวนี้ใครมีรถเก๋งสี่ประตู สามารถขน RP260F แบบใส่กล่องยัดใส่เบาะหลังได้แบบพอดีๆเลยครับ)
3. เสียงแหลมลดความจัด และแสบหูลงจากรุ่นเดิม ให้เสียงกลางแหลมที่เป็นธรรมชาติ ตรงนี้เป็นข้อดีหากใครคิดจะเอาไปจับกับ AVR Yamaha, Denon เพราะเสียงจะไม่บาดหูเหมือนเก่าแล้วครับ
4. ออกแบบฐานลำโพงด้านล่างมาสวยงาม ใช้งานสะดวก
เนื่อง จากรุ่นที่แล้วฐานจะเป็นตัวลำโพงที่เป็นไม้เลย วางกับพื้นไปตรงๆ ใช้งานลากไปลากมาลากมากก็มีสิทธิ์ถลอก เยินได้เหมือนกัน ไม่งั้นก็ต้องใส่สไปค์ (มีแถมมาให้) ซึ่งใส่แล้วก็จะครูดพิ้น บ้านใครใช้ปาร์เก้ ลามิเนตก็เป็นรอยครับ
ส่วนตัวใหม่ก็มีสไปค์มาให้ เหมือนเดิม แต่ถ้าไม่ประกอบก็จะมีคล้ายๆฐานพลาสติกมาเป็นฐานให้ยื่นออกมานิดนึง ซึ่งเรามองว่าใช้งานได้ดีทีเดียวคือเหมาะที่จะใช้ขยับตำแหน่งลำโพงได้โดยไม่ เป็นรอย และถ้าใครไม่ชอบก็จะใส่สไปค์ก็ได้ไม่ว่ากัน
5. ขับง่ายมากๆเลย ไม่กินแอมป์ ข้อนี้เป็นข้อดีมาตั้งแต่รุ่นเก่าแล้ว และสเป็กก็ดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย นิดเดียวจริงๆ ความไวเท่าตัวเก่า ขับง่ายเหมือนเดิม แต่เบสลงได้ลึกขึ้นนิดนึง
จุดด้อยของ Klipsch Reference RP260 และ RP440C
1. ราคาแพงขึ้นนิดหน่อยครับ ทั้งราคาเมืองนอกและบ้านเราก็แพงขึ้นเทียบกันรุ่นต่อรุ่นพอประมาณ
2.ไม่มีลำโพง center ดอก 6.5 นิ้วแล้วครับ แต่มีดอก 4 นิ้ว และ 5 นิ้ว สี่ดอกมาแทน แต่จริงๆก็ไม่เชิงเป็นข้อเสีย เพราะใช้แบบสี่ดอกก็สวยและเสียงเท่าที่ลองฟังเสียงพูดก็คมชัดและเบสมี Impact กระแทกกระทั้นดี
3. ใครที่ชอบเสียงจัดๆ เบส และเสียงกลางแหลมแบบแผดๆ แสบๆหูนิดๆ อาจจะไม่ชอบใจ เพราะตัวใหม่เสียงกลางแหลมลดความแผดลง เรียกว่าฟังสบาย ลื่นหูขึ้นเยอะ ส่วนเบสไม่ได้ลดความหนักลงเลย กลับกันจะหนักขึ้นด้วย แต่ความแผด ความจัดของเบสออกแนวฟังสบายและกระชับมากขึ้นนิดหน่อย เบสยังติดสไตล์เสียงคล้ายของเดิม
ความเห็นส่วนตัวเราว่าเสียงของรุ่นใหม่ ออกไปทางเหมือนจับลำโพง Klipsch รุ่นเก่า Reference II มาผสมกับ Paradigm monitor 9 หรือ Studio รุ่นเล็กๆ คือเสียงหนักแนว klipsch แต่ได้บาล้าน ความสมดุลที่ฟังแล้วสนุก ฟังได้นานเหมือน Paradigm
หน้าที่เข้าชม | 2,192,372 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,301,209 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |